ชื่อ "สปัน เธียรประสิทธิ์" กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้งหลังข่าวคราวการเสียชีวิตของนักร้องชื่อดัง-ศิลปินแห่งชาติ "ชรินทร์ นันทนาคร"อาจจะถูกเอ่ยถึงเพียงสั้นๆ ในฐานะภรรยาคนแรกแต่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 60 กว่าปีที่แล้วเรื่องราวความรักของเธอกับนักร้องลูกกรุงคนดังนั้นเป็นอะไรที่อื้ออึง โจษจัน และเป็นข่าวดังไปทั้งประเทศเลยทีเดียว
"เล็ก สปัน" เป็นลูกสาวของนายแพทย์เปล่ง เธียรประสิทธิ์ หนึ่งตระกูลดังของบ้านเราที่มีความเชื่อมโยงกับตระกูลใหญ่ในฐานะเครือญาติ ทั้ง โอสถานุเคราะห์, สุโกศล และ สิริวัฒนภักดี
"สปัน" รู้จักกับชรินทร์เมื่อครั้งที่เธอไปซื้อแผ่นเสียงที่ห้าง "กมลศุโกศล" ที่ชรินทร์ทำงานเป็นเสมียนอยู่ ว่ากันว่าในตอนนั้นทั้งสองต่างก็ถูกใจกันตั้งแต่แรกเห็น ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะมีโอกาสตามไปดูฝ่ายชายร้องเพลงในรายการพิเศษรุ่งอรุณตามโรงภาพยนตร์แทบเกือบจะทุกสัปดาห์จนเกิดเป็นความชอบพอ
แต่เพราะฝ่ายหญิงเป็นสาวสวยดีกรีนักเรียนอังกฤษ ผู้นำแฟชัน มีฐานะเป็นหลานพระยา เป็นธิดาเจ้าสัวในกรุงเทพฯ ในขณะที่ไอ้หนุ่มจากเวียงพิงค์แม้พอมีชื่อเสียงอยู่บ้างแต่ด้วยสถานะนักร้องในยุคสมัยนั้นที่ไม่ต่างอะไรไปจากคนเต้นกินรำกิน ความรักที่ก่อตัวของทั้งสองจึงต้องถูกปิดเอาไว้และเป็นที่มาของบทเพลงทาสเทวีที่มีเนื้อร้องที่ว่า..."เธอเป็นดอกฟ้า รู้ไหมว่าเราเป็นดังทาสเทวี แม้นไม่ปราณีทาสนี้คงระทมอยู่เรื่อยไป"
กระทั่งวันหนึ่งเรื่องราวของทั้งสองก็กลายเป็นข่าวดัง เมื่อจู่ๆ สปันในวัย 23 ปีได้เกิดหายตัวไปจากบ้านอย่างไร้ร่องรอย...
หลังได้รับแจ้งความ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจห้องสปันพบเบาะแสสำคัญคือ "จดหมายรัก" 2 ฉบับ ฉบับหนึ่งส่งมาจากอังกฤษเป็นของ "สมพล ไกรฤกษ์" ว่าที่คู่หมั้น และฉบับที่ 2 จาก "ชรินทร์ งามเมือง" เมื่อได้เบาะแสเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบไปยังบริษัทกมลสุโกศลก่อนพบเรื่องบังเอิญที่ว่าชรินทร์ได้ขอลาหยุดเพราะมีโทรเลขด่วนแจ้งมาจากเชียงใหม่ ทำให้เจ้าหน้าที่มั่นใจว่านี่อาจจะไม่ใช่คดีการลักพาตัว
3 วันนับจากที่บิดาของสปันประกาศให้สินบนนำจับถึง 5 แสนบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เจอตัวทั้งสองคนที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก
ตอนนั้นชรินทร์ถูกคุมตัวนั่งเครื่องบินกลับมาสอบสวนต่อที่กรุงเทพก่อนถูกดำเนินคดีมีปืนเถื่อนไว้ในครอบครองและถูกปล่อยตัวไปหลังฝ่ายหญิงยืนกรานว่าเธอไม่ได้ถูกลักพาตัวแต่ตั้งใจหนีมากับนักร้องหนุ่มเพราะไม่ต้องการเข้าพิธีหมั้นกับหนุ่มนักเรียนนอกในตระกูลไกรฤกษ์ โดยทรัพย์สินที่เธอนำติดตัวมาทั้งสร้อยเพชร แหวนเพชร ต่างหูเพชร มูลค่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท ทุกอย่างยังอยู่ครบถ้วน
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สปันถูกพาตัวไปอยู่บ้านแม่ในกรุงเทพฯ ถูกห้ามอ่านหนังหนังสือพิมพ์ ห้ามฟังวิทยุเพราะไม่ต้องการให้รับรู้เกี่ยวกับตัวฝ่ายชาย อย่างไรก็ตามสุดท้ายชรินทร์ก็รู้จนได้ว่าดอกฟ้าของเขาอยู่ที่ไหนจากการพยายามสืบค้นของนักข่าวคนดังในตอนนั้นอย่าง "สุเทพ เหมือนประสิทธิเวช"
คราวนี้แผนวิวาห์เหาะรอบสองถูกวางอย่างรัดกุมทั้งเรื่องวิธีการและข้อกฏหมายที่ได้มีการปรึกษากับเพื่อนตำรวจ คืนหนึ่งชรินทร์ก็ขับรถจี๊ปไปบ้านที่เป็นเป้าหมายแถวบางซ่อน บีบแตรเป็นสัญญาณ ไม่นานสปันก็ออกมา ก้าวขึ้นไปนั่งคู่กับเขา ก่อนที่รถจะถูกขับออกหายไปในความมืด
ชรินทร์กับสปันจดทะเบียนสมรสใช้ชีวิตคู่ด้วยกันนาน 3 ปีมีลูกสาวสองคนคือ ปัญญ์ชลี เธียรประสิทธิ์ และปัญชนิตย์ เธียรประสิทธิ์ ก่อนจะหย่าจากกัน โดยฝ่ายหญิงเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารฉบับหนึ่งถึงการเลิกรากันว่า "มากันคนละทิศ ช่วงนั้นคนเขาเริ่มดูถูกเราแล้ว คุณพ่อก็ตัดขาด แต่เราเป็นคนสู้ ใครยิ่งดูถูกเรายิ่งสู้"
หลังหย่าสปันถูกครอบครัวตัดขาด เธอได้ใช้ความรู้เกี่ยวกับการแฟชันดีไซน์ทำเสื้อแบรนด์ "สปัน" พร้อมเปิดโรงเรียนสอนตัดเสื้อ ไม่ใช่แค่เพียงการเป็นดีไซเนอร์ที่ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ แต่เธอยังมีความสามารถที่หลากหลายในงานศิลปะ ทั้ง เขียนภาพ การปั้น เคยตั้งทีมฟุตบอลหญิง ตั้งวงดนตรี ฯ
ส่วนชีวิตคู่หลังเลิกกับชรินทร์เธอแต่งงานอีก 4 ครั้ง จัดงานเลี้ยงทุกครั้งแต่ก็ลงเอยด้วยการหย่าร้างกับทุกคน
ทุกวันนี้แม้ร้านสปันจะปิดตัวไปนานแล้ว แต่ผลงานของเธอยังคงมีให้ชมและศึกษาอยู่ที่สปัน แกลเลอรี่ (ศูนย์สปันอารยวัฒนศิลป์) ภายในโรงเรียนนานาชาติชาร์เตอร์ ถนนเฉลิมพระเกียรติร.9 ซึ่งเป็นโรงเรียนของตระกูลเธียรประสิทธิ์นั่นเอง
ปัจจุบันในวัย 90 กว่าปีสปันได้ปรากฏให้เห็นในภาพถ่ายเมื่อช่วงวันแม่ที่ผ่านมาร่วมกับลูกสาวทั้งสองและหลานๆ ของเธอทั้ง แหวนแหวน ปวริศา เพ็ญชาติ และ หวายหวาย ปัญญริสา เธียรประสิทธิ์ ก่อนที่ในอีกไม่กี่วันต่อมาจะปรากฏข่าวการเสียชีวิตของอดีตสามีผู้สร้างตำนานรักดอกฟ้ากับชาวดินให้กับเธอ...