“ทนายพัฒน์” ทนาย “จูน เพ็ญชุลี” เมีย “หนุ่ม กะลา” โพสต์หากจูนถูกตัดสินว่าผิด ต้องติดคุก 1,356 ปี ก่อนให้สัมภาษณ์รายการดัง ตอนนี้สภาพจิตใจแย่ เหตุหากพลาดมีโอกาสติดคุก จูนบ้าแบรนด์เนมหรือไม่ก็ต้องดูสถานะครอบครัวด้วย อาจให้สัมภาษณ์รายการโหนกระแสที่แรก แต่ต้องดูความพร้อมสภาพจิตใจ
เป็นประเด็นดรามาไม่น้อยเลยทีเดียว กรณีที่ “หนุ่ม กะลา” ณพสิน แสงสุวรรณ ฟ้องร้องภรรยา “จูน เพ็ญชุลี หนูแก้ว” ข้อหายักยอกเงินบริษัท เป็นจำนวนเงินถึง 66 ล้าน เรื่องดังกล่าวทำเอาชาวเน็ตพากันช็อก เพราะนึกไม่ถึงว่าหนุ่ม กะลา จะใช้กฎหมายข้อนี้มาฟ้องจูน เพื่อนำไปสู่การหย่า จบปัญหาที่คาราคาซัง
ล่าสุด “ทนายพัฒน์” ทนายฝั่งจูน ได้เผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า หากจูนแพ้คดีนี้ ต้องติดคุก 1,356 ปี! นอกจากนี้ยังให้สัมภาษณ์ผ่านรายการอมรินทร์ทีวี ยอมรับสภาพจิตใจจูนแย่ เพราะหากพลาดก็มีโอกาสติดคุก แต่ก็ยังหวังว่าทุกอย่างจะจบที่การเจรจา
“ที่จริงต้องมองวัตถุประสงค์การใช้เงิน สามีภรรยาคู่นี้ใช้เงินกันมาตั้งแต่แรกแบบไหน อาจเป็นในนามห้างหุ้นส่วน แต่การใช้เงินไปเพื่อวัตถุประสงค์อะไร ไม่ได้หมายความว่าใช้เงินที่โยกจากห้างหุ้นส่วน หรือนิติบุคคลนึงย้ายมาที่ตัวบุคคลแล้วจะผิดทุกกรณี ต้องดูว่าโยกออกมาแล้วไปจับจ่ายใช้สอยอะไรบ้าง ที่มีความจำเป็น เพื่อเกิดประโยชน์แก่ห้างหุ้นส่วน และบางส่วนนำมาใช้ในครอบครัวสามีภรรยาคู่นั้น ต้องดูว่าวิธีการใช้เงินของเขาจริงๆ เป็นยังไง เท่าที่ตรวจสอบสเตทเมนต์ ก็มีการโอนออกไป ไม่ใช่เฉพาะพี่จูน ยังมีบุคคลอื่นๆ หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
ทุกอย่างจะสู้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม ในฐานะทนายความก็ไม่ได้ตอบแบบนั้น ในฐานะทนายความที่ทำหน้าที่เราต้องเสนอหลักฐานให้ศาลพิจารณา ว่าน้ำหนักรับฟังได้ฝ่ายไหนยังไง ไม่ได้ดูเฉพาะสเตทเมนต์ ต้องดูหลักฐานอื่นๆ ประกอบหลายส่วนเหมือนกัน ซึ่งเราไม่ทราบเจตนาคู่กรณีว่ามีเจตนาอะไรทำไมถึงใช้กฎหมายนี้ ต้องถามคนที่ฟ้องถึงจะตอบได้ เราไม่สามารถตัดสินใจแทนคนอื่นได้”
สาเหตุที่จูนไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ เพราะสภาพจิตใจแย่ หากพลาดมีโอกาสติดคุก
“เหตุที่พี่จูนไม่ออกมาสัมภาษณ์ เท่าที่ได้เจอ และสัมผัสได้ สถานะทางจิตใจค่อนข้างไม่ค่อยโอเค มีเรื่องครอบครัว มีเรื่องลูกเข้ามาเกี่ยวข้อง ค่อนข้างคิดว่าหนักพอสมควรกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาเครียดแน่นอน สภาพจิตใจส่งสัญญาณได้ชัดเจนว่าไม่ดี เพียงแต่ว่าพอเป็นข่าวและเป็นคดี มันไม่สามารถล้ม ต้องตั้งสติในการแก้ปัญหา มีปัญหาแล้วก็ต้องแก้ปัญหา
ที่จริง แกก็บอกว่าควรมีการมาพูดคุยกันดีๆ หรือหาช่องทางเจรจา หรืออาจมีผู้หลักผู้ใหญ่พูดคุยกันเพื่อหาทางออก ไม่อยากให้มีการฟ้องที่เป็นแบบนี้ ยิ่งเป็นคดีอาญาด้วย ถ้าพลาดมามีโอกาสติดคุก แกก็ค่อนข้างเสียใจ นั่นแหละครับอาจเป็นที่มาของการเสียความรู้สึก”
จูนบ้าแบรนด์เนมหรือไม่ ต้องกลับไปดูสถานะครอบครัว สมควรใช้หรือไม่
“เรื่องใช้แบรนด์เนม ผมไม่ได้คุยเรื่องนี้ ว่ามีการซื้อแบรนด์เนม หรือบ้าแบรนด์เนม แต่เท่าที่ดูพี่จูนแต่งตัว เอาความรู้สึกส่วนตัว โดยคนปกติอยู่ในสังคมระดับนี้ หน้าที่การงานระดับนี้ ไม่แปลกที่จะใช้แบรนด์เนม แต่ก็ไม่ได้เกินไป เท่าที่ดูก็ไม่ขนาดนั้น หลายคนอาจมองว่าทำไมต้องใช้แบรนด์ แต่ต้องกลับมาดูว่าสถานะครอบครัวเขาสมควรใช้ในระดับนึงหรือไม่ อย่างนี้ด้วยครับ”
ขอให้สัมภาษณ์ที่รายการโหนกระแสที่แรก แต่ยังต้องดูสภาพจิตใจ ตอนนี้ยังไม่พร้อม
“พี่จูนแจ้งว่าถ้ามีการให้สัมภาษณ์หรือออกสื่อ อาจให้โอกาสรายการโหนกระแสก่อน สื่ออื่นก็ต้องขออภัยด้วย บางครั้งอาจเป็นพื้นที่เดียวที่พูด ให้ขยายทีเดียวจบ ตอนนี้แกก็สภาพจิตใจ ถ้าเป็นรายการแรกที่ออก ขอออกที่โหนกระแส แต่ออกแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม ต้องดูสภาพจิตใจด้วย เขายังไม่พร้อม ถ้าจะไปหลักฐานต้องแน่นอน ชัดเจน ตอบให้ชัดทุกข้อครับ
ขั้นตอนอาจต้องไปไต่สวนมูลฟ้อง ถ้าศาลประทับฟ้องก็ไปสืบพยาน นำพยานหลักฐานเข้าต่อสู้กัน เท่านั้นเอง นัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 23 ก.ค. ที่ศาลแขวงสมุทรปราการ ตัวโจทก์ต้องไปกับทนาย เป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์ ส่วนจำเลยจะไปเองหรือมอบหมายให้ทนายไปก็ได้ แต่พี่จูนบอกว่าอยากไปชี้แจงเอง จะได้ชัดเจนตั้งแต่แรก”
จูนฝากขอบคุณทุกกำลังใจ เชื่อจะจบที่เจรจา
“พี่จูนขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจ ขอบคุณทุกคนด้วย ข้อคิดเตือนใจ ในเรื่องครอบครัวเป็นเรื่องมีความละเอียดอ่อน เรื่องครอบครัวเขาเราไม่รู้ว่าความเป็นอยู่ของเขาในคู่นี้หรือคู่ไหนจะเป็นยังไง ต้องฟังเหตุผลทั้งสองฝ่าย อาจไม่มีใครถูกหรือผิด แต่เขาอาจไม่เข้าใจกัน ยังไม่มีเวลาหาพื้นที่เจรจากันจริงๆ คดีแบบนี้มักจะจบที่การเจรจา เพียงแต่ว่าให้ทั้งคู่สามารถปรับความเข้าใจกันได้จริงๆ มันก็จบ แค่นั้นเองครับ เขาจะไกล่เกลี่ยกันไหมไม่ทราบ แต่อยากให้เจรจา พูดคุยหาทางออกกันดีกว่า เน้นเจรจา”