“แอ็คมี่ วรวัฒน์ นาคแนวดี” หรือ “แอ็คมี่ DoubleDeep” สร้างความฮือฮาครั้งใหม่ด้วยการโพสต์รูปคู่สุดว้าวกับคนในแวดวงการเมืองไทยที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จักอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกชื่อดังของไทย สร้างความสั่นสะเทือนไปทั้งวงการบันเทิง การเมือง และธุรกิจ จนทำเอาคนไทยทั้งประเทศที่ไม่ใช่คนฟังเพลงต่างพากันสงสัยกันว่า “เขาคือใคร” วันนี้เราจะพาไปรู้จัก แอ็คมี่ DoubleDeep กันแบบละเอียด
วรวัฒน์ นาคแนวดี หรือ แอ็คมี่ นักร้องนำวง “DoubleDeep” วงร็อคเจ็บลึกขวัญใจเทรดเดอร์ทั่วประเทศเจ้าของซิงเกิลดังมากมาย อาทิ Bitcoin (ฝันใหม่), แกล้งเฉย, ยังหวังดี, ผ้าห่ม และซิงเกิลล่าสุดที่เพิ่งเข้าป้ายยอด 7 ล้านวิวอย่าง “เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง” และมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ก็สร้างเสียงฮือฮาจนได้รับการยอมรับในฐานะมิวสิกวิดีโอที่ “ดูแพง” ที่สุดในรอบปีอีกด้วย
ในด้านชีวิตส่วนตัว แอ็คมี่ เพิ่งลั่นระฆังวิวาห์เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมากับนางเอกลูกครึ่งสาวสวยชื่อดังอย่าง “นนนี่ ณัฐชา ชูมักเคอร์” แถมล่าสุดก็เพิ่งประกาศข่าวดีการตั้งครรภ์ไปเมื่อไม่นานนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งครอบครัวศิลปินที่เป็นที่จับตามองของแฟน ๆ ในวงการบันเทิงอย่างแท้จริง
นอกจากการเป็นศิลปิน แอ็คมี่ ก็ยังมีความสามารถรอบด้าน โดยเขาเป็นนักธุรกิจนักลงทุนหมื่นล้าน วัย 36 ปี
และยังเป็นเจ้าของฉายา Acme Traderist ซึ่งถือเป็นเทรดเดอร์ชื่อดังของไทยที่มีแฟนเทรดและแฟนคลับจากหลากหลายประเทศนับล้าน เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีการเงินและการลงทุน (Fintech) อยู่ในหลายประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งองค์กร Traderist มานานกว่า 10 ปี เพื่อพัฒนาศักยภาพมนุษย์ให้มีความรู้ความสามารถด้านการลงทุนและใช้ชีวิต เรียนรู้ที่จะประสบความสำเร็จและช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการให้ความรู้แต่อย่างใด พร้อมตอบแทนสิ่งดี ๆ คืนสู่สังคม
แอ็คมี่ DoubleDeep เป็นผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการเทคโนโลยี การเงิน วงการเทรดและคริปโตมานานกว่า 11 ปี เป็นคนไทยกลุ่มแรก ๆ ที่ศึกษาด้าน Fintech, Cryptocurrency, Blockchain จนได้รับการยอมรับในระดับโลกและได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย อาทิ รางวัล “เทรดเดอร์สร้างแรงบันดาลใจยอดเยี่ยมประจำปี 2016 และปี 2017” รางวัล “เทรดเดอร์ยอดเยี่ยมแห่งภูมิภาคอาเซียนประจำปี 2017” รางวัล “สุดยอดผู้บริหารหน้าใหม่ด้านการเทรดยอดเยี่ยมแห่งภูมิภาคเอเชียประจำปี 2019” จากนิตยสาร Global Banking & Finance Review ซึ่งเป็นนิตยสารการเงินการธนาคาร อันดับ 1 ของประเทศอังกฤษและชั้นนำของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป
และเป็นคนไทยเพียงคนเดียวที่ได้รับมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการเงิน จากมหาวิทยาลัยนานาชาติยุโรป (EIU-Paris) เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา ในฐานะเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจในวงการการเงิน เอาชนะความท้าทายต่าง ๆ และมีสายตาที่เฉียบคมในการมองหาโอกาสการทำกำไรในตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก และทำให้เป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการเทคโนโลยีการเงินอย่างแท้จริง
แอ็คมี่ DoubleDeep ถือเป็นศิลปินคนแรก ๆ ของประเทศที่เริ่มขุด Bitcoin ตั้งแต่ปี 2555 โดยขณะนั้น Bitcoin ยังไม่ได้รับการยอมรับและมีอายุเพียง 3 ปี เท่านั้น และสร้างประวัติศาสตร์การแจก Bitcoin มากที่สุดให้กับคนไทย แฟนเพลง และแฟนเทรดทั่วโลกจำนวนหลายพันคน โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2560 มีการแจก Bitcoin มากถึง 12.38292 BTC และในปี 2564 ก็มีการจัดคอนเสิร์ตไลฟ์สดแจก Bitcoin อีก 3 BTC รวมมูลค่า ณ ปัจจุบันกว่า 36,738,612 บาท บาท ทั้งนี้ มีสื่อหลายสำนักคาดการณ์ว่า แอ็คมี่-DoubleDeep เป็นผู้ถือครอง Bitcoin จำนวนมากอันดับต้น ๆ โดยน่าจะมีจำนวนมากกว่า 8,000 BTC
นอกจากการเป็นศิลปินแล้ว แอ็คมี่ DoubleDeep ยังมีบทบาทในด้านการเป็นนักธุรกิจนักลงทุนอีกด้วย โดยได้ผสานความร่วมมือกับ TransEuro Group โดยลงทุนมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท (300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยเน้นที่เมืองดูไบเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น อสังหาริมทรัพย์ระดับ Luxury ธุรกิจการบริการ บริการด้านฟินเทค โดยมีโอกาสได้เข้าพบบุคคลสำคัญจากรัฐบาลของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มากมาย อาทิ H.E. Younis Al Khoori รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พร้อมร่วมประชุมกับ H.E. Khalid Al Jarwan ผู้อำนวยการบริหารหอการค้าเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งดูไบ ทั้งนี้ TransEuro Group เป็นบริษัทตัวแทนและให้คำปรึกษาด้านการลงทุนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มานานกว่า 20 ปี ที่มีมูลค่าบริษัทสูงถึง 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 735,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ แอ็คมี่ DoubleDeep ยังเป็นศิลปินที่ช่วยเหลือสังคมมาตลอด โดยจัดกิจกรรม CSR ต่าง ๆ มาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งล่าสุดได้เตรียมจัดกิจกรรม Acme Vampire Day ครั้งที่ 3 ในวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อรณรงค์ให้แฟนเพลง แฟนเทรด และคนไทยทั่วประเทศร่วมกันบริจาคโลหิตและบริจาคเงินสมทบทุนให้กับสภากาชาดไทย ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่า 5,000 คน และจะสามารถบริจาคโลหิตได้มากกว่า 1,000,000 ซีซี