xs
xsm
sm
md
lg

“กาย-ฮารุ” ย้ายโรงเรียนลูกยกแผง! ไม่ต้องเรียนเทอมสุดท้าย สู้ค่าเทอมโรงเรียนใหม่ปีละ 3 ล้าน!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“กาย-ฮารุ” เผยเหตุผล ย้ายโรงเรียน 3 ยอดกุมาร ไกลขึ้น แต่โรงเรียนกว้างขึ้น ได้ทำกิจกรรมหลากหลาย เทอมสุดท้ายไม่ต้องเรียน พาเที่ยวเปิดประสบการณ์ ลั่นสู้ค่าเทอมปีละล้านต่อคน ตก 3 ล้านต่อปี

เป็นพ่อแม่ที่ทุ่มเวลาดูแลลูกเต็มๆ ตัว แถมขยันจัดทริปพาลูกไปเผชิญโลกกว้างหลากหลาย ซึ่งทำให้ลูกสามคนของ “กาย รัชชานนท์” และ “ฮารุ สุประกอบ” เป็นเด็กสตรอง กินของแปลกได้ ไปเที่ยวโดยพ่อแม่ไม่ต้องพะวง ซึ่งงานนี้ทำทุกคนยกย่องว่านี่คือครอบครัวคุณภาพอย่างแท้ทรู

ล่าสุด กายกับฮารุ ได้เผยว่าได้ย้ายลูก 3 คนออกจากโรงเรียนเดิม ไปเข้าโรงเรียนใหม่ ไม่ต้องเรียนในเทอมสุดท้าย ตอนนี้พาลูกเที่ยวหาประสบการณ์ใหม่ๆ พร้อมเผยค่าเทอม ตกคนละล้านต่อปี
 
ฮารุ : “ตอนนี้เด็กๆ ปิดเทอมยาวไปถึงเดือน 8”

กาย : “(หัวเราะ) จริงๆ เขาต้องเรียนอีกเทอมนึง แต่กายกับฮารุตัดสินใจว่าเทอมสุดท้ายของปีนี้ ไม่ต้องไปเรียนหรอก ไปเที่ยวกันดีกว่า (หัวเราะ)”

ฮารุ : “เราจะเริ่มโรงเรียนใหม่เดือน 8”

กาย : “เป็นโรงเรียนอินเตอร์เหมือนเดิม ย้ายไปอยู่อีกโรงเรียนนึง คลอง 11 ค่อนข้างไกล”

ฮารุ : “ตัดสินใจกันว่าช่วงเวลา 5 เดือนนี้ เราอยากทำอะไรที่ช่วงวันธรรมดาเราไม่สามารถทำได้ เราจะไปเที่ยว ไปทริปต่างๆ แต่ทำข้อแม้กับเด็กๆ ว่าเราไม่ได้ไปเรียนหนังสือ แต่เราต้องอ่านหนังสือวันละกี่ครั้ง กี่นาที ก็เป็นรูทีน แต่เป็นรูทีนที่เราไม่ได้ไปโรงเรียน แต่เราทำกันที่บ้านทุกวัน อย่างออกกำลังกาย ไปเล่น ไปเที่ยว อ่านหนังสือ คล้ายๆ โฮมสคูล”

กาย : “เทอมสุดท้ายแค่ประมาณเดือนครึ่งหรือสองเดือน แล้วปิดซัมเมอร์อยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าหยุดๆ ไปก่อนก็ได้ จะได้ไปเที่ยวกัน พอเข้าโรงเรียนใหม่จะได้เซ็ตระบบใหม่อย่างจริงจึง เทอมสุดท้ายมันแป๊บเดียว เรายังคุยกับโรงเรียนใหม่อยู่ว่าเราต้องทำอะไรบ้าง”

ฮารุ : “ไปสอบวัดประมวลผลตามปกติ แต่โรงเรียนใหม่เขารับแล้วเรียบร้อย เข้าแล้ว”

กาย : “ที่ผ่านมาเขาทำหลายอย่าง อยากให้รีแล็กซ์ก่อนไปโรงเรียนใหม่ โรงเรียนเขาก็เป็นคนเลือกเอง

ฮารุ : “เราไปดูหลายที่มากๆ สุดท้ายเอาเด็กๆ ไปดูว่าเขาชอบไหม หลักๆ ที่เขาชอบโรงเรียนใหม่ ฮารุคิดว่าเป็นพื้นที่ที่เขาสามารถทำกิจกรรมได้เยอะมาก เขาเป็นเด็กกิจกรรม”

กาย : “ที่นี่ค่อนข้างวิชาการสูง แต่ด้วยไซส์โรงเรียน เขาสามารถมีกิจกรรมได้เยอะมาก โรงเรียนมีอะไรหลายอย่างมาก มีแม้กระทั่งสอนยูทิวบ์ ดนตรี ตีกอล์ฟ มีสนามกอล์ฟของตัวเอง มีสนามกอล์ฟ 18 หลุม มีโบว์ลิ่ง มีเยอะ โรงเรียนมีเนื้อที่ 150 ไร่ ก็ให้เขาตัดสินใจเอง สรุปเขาอยากไปมาก”

ฮารุ : “ค่าเทอมก็เอาเรื่องอยู่ค่ะ (หัวเราะ)”

กาย : “เอาเรื่องจริง แต่เราต้องขยัน”

ฮารุ : “จริงๆ ทำงานหนักต้องทำอยู่แล้ว ด้วยผลผลิตมหาศาลเยอะแยะขนาดนี้ แต่เราตั้งใจทำงานโดยวางเป้าหมายไว้ 10-15 ปีเราจะได้เลิก เราทำงานด้วยเป้าหมายที่เราวางเอาไว้ ทุกวันนี้มีแรงก็อยากทำทุกอย่างที่เราสามารถทำได้ เพราะ 10-15 ปี เด็กๆ โตแล้ว เขาอาจไปเรียนเมืองนอก อาจไม่ได้อยู่กับเราแล้ว เราก็จะมีเวลาได้พัก ตอนนี้มีแรงก็ทำไป ค่าใข้จ่ายของลูกๆ เราก็ต้องวางแผน”

กาย : “เราไม่รู้หรอกครับว่าอนาคตลูกๆ เป็นแบบไหน เราต้องวางแผนให้ดี เตรียมการทุกอย่างให้ดี ไม่ว่าจะค่าใช้จ่าย ชีวิตประจำวัน ค่ากินค่าเที่ยวเป็นเงินเป็นทองหมด ค่าเล่าเรียน มีตั้งแต่ไม่ได้แพงมากยันแพงมาก ก็ทำเท่าที่ทำได้ แต่ขณะเดียวกัน ระหว่างที่ทำ ไม่ว่าจะหนักหนาสาหัสขนาดไหน เราเอาความสุขเป็นที่ตั้งไว้ก่อนอยู่แล้ว”
ฮารุ : “ค่าเทอมต่อปี ก็ตีกลมๆ ก็ล้านต่อคน”

กาย : “คนละเกือบล้านต่อปีนะ ต่อเทอมคงไม่ไหว”

นอกจากนี้ได้เผยถึงทริปฮ่องกง 3 วัน 2 คืน ซึ่งเป็นทริปที่ไร้คอนเทนต์ ไร้กล้อง ตั้งใจพาลูกๆ ไปเที่ยวกันเอง และได้เห็นทีมเวิร์กของลูกๆ อนาคตอยากให้ลูกนั่งเครื่องบินไปเที่ยวกันเองโดยพ่อแม่จะไปรับปลายทาง

กาย : “เด็กๆ ไม่เคยไปฮ่องกงมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกของลูกๆ ที่ไปฮ่องกง สนุกไหมลูก (เด็กๆ บอกว่าสนุก ได้ต่อเลโก้ ได้กล่องสุ่ม ตอนแรกจะไปหาตัวลาบูบู้ แต่หมดแล้ว ไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ สนุกมาก ไปเล่นเครื่องเล่นเยอะมาก)”

ฮารุ : “ปกติเราออกไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ เราไม่ได้ไปกัน 5 คน ส่วนมากเอาทีมงาน พี่เลี้ยงไป รอบนี้เราตัดสินใจไปกัน 5 คนเลย มีช่วยเหลือกันเอง เพราะรู้สึกว่าอยากใช้ช่วเวลาด้วยกัน เวลามีพี่เลี้ยง ทีมงานไป เด็กๆ แทนที่จะได้ช่วยเหลือตัวเองเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ เขาก็มีไปพึ่งพาคนนี้คนนั้น ฮารุตั้งใจอยากให้เขาดูแลกันเอง เราได้ทำหน้าที่พ่อแม่เต็มๆ เลยตัดสินใจไป”

กาย : “ไปครั้งนี้ไม่มีคอนเทนต์อะไรทั้งสิ้น นอกจากเก็บมือถือมาถ่ายคลิปเล็กๆ น้อยๆ จะไม่เห็นคลิปนี้ในยูทิวบ์หรืออะไรทั้งสิ้น อยากให้เขาได้เที่ยวบ้าง ปกติก็เที่ยวอยู่แล้วแหละ แต่มันมีกล้องตามติด แต่อันนี้ไม่มีกล้อง”

ฮารุ : “พอมีตากล้องปุ๊บ ข้อดีคือเราได้เก็บโมเมนต์ แต่ข้อเสียคือพอเด็กๆ วิ่ง ตากล้องไม่ทัน แต่เราต้องบอกให้เขารอก่อน ทั้งที่เขาอยากไปวิ่งเล่นแล้ว รอบนี้อยากทำอะไรทำ อยากวิ่งก็วิ่ง ทำอะไรได้เลย 100 เปอร์เซ็นต์”

กาย : “ไปดีสนีย์แลนด์ 3 วัน 2 คืน เต็มที่มาก เราเดินกัน 2 หมื่นกว่าก้าว”

ฮารุ : “ไปตั้งแต่เปิดยันปิด แล้วคนเข้าใจว่าไปฮ่องกงต้องมู นี่ไม่ได้เห็นหน้าประตูวัดเลย ไม่มีเลยในทริปนี้ เพราะเป็นทริปพวกเขาจริงๆ”
 
กาย : “เป็นทริปเอาใจลูก ไหว้ 3 ยอดกุมารอย่างเดียว (หัวเราะ)”

ฮารุ : “ที่เห็นแล้วประทับใจมาก อย่างคิรินเริ่มโตแล้ว เขาสะพายกระเป๋า มีของน้องๆ อยู่ในนั้น ซึ่งปกติภาพนี้เราจะเห็นน้อย ถ้ามีพี่เลี้ยง พี่เลี้ยงจะคอยเป็นห่วง อยากถือให้ พออันนี้ไม่มีจริงๆ พ่อแม่ไม่ทำให้ เขาก็ต้องคอยรับผิดชอบ”

กาย : “แล้วเขาจะมองกันตลอด ใครจะหาย ใครจะหลงไหม เขาตะโกนเรียกให้มา ก็เห็นทีมเวิร์กของพวกเขา ก็มีความออกรบในบางจังหวะ”

ฮารุ : “ตีกันเป็นเรื่องปกติ แต่เราเห็นมุมทีมเวิร์กมากขึ้น อย่างพับผ้าตอนอาบน้ำเสร็จ ทริปนี้เราก็ให้กินก๋วยเตี๋ยวร้อน กินห่าน ช่วงตีกันเขาก็รักกันนะ แต่อยู่เมืองไทยเขาจะหาพวกจากทีมงานจากพี่เลี้ยง พออยู่ที่โน่นเขาตีกันก็รู้ว่าเหลือแค่นี้ ก็ต้องตามกลับมา ต้องไปง้อ พอเห็นพาร์ตนี้ก็รู้สึกว่าเขาพึ่งพากันได้จริงๆ ไม่ต้องมาดูแลพ่อแม่นะ เอาแค่ดูแลตัวเองกันให้ได้ เราต้องการแค่นั้นเลย เราขึ้นเครื่องบินนับครั้งไม่ถ้วน ก็อยากรู้ว่าเขาขึ้นจากจุดแรกไปปลายทางได้ไหม”

กาย : “ผมรู้สึกว่าถ้าเขาไปกันเอง เขาไปได้ แต่ไม่รู้จะยังไงดี ผมบินไปอเมริกาคนเดียวตอนเด็ก เด็กกว่านี้อีก คิดว่าเด็กๆ น่าจะไปได้ อยากลองเปล่า ขึ้นเครื่องบินเอง เดี๋ยวแด๊ดไปรอที่ปลายทาง เอาไหม (ลูกๆ บอกว่าได้ ถ้ามีคนดู ทำแล้วแลกกับอะไร พ่อกายบอกว่าแลกกับความทรงจำดีๆ)”

ฮารุ : “ในสนามบินไม่น่ากลัว โอเคไหม ส่วนที่คนยกย่องครอบครัวเรา ฮารุว่าอย่ายกย่องเราขนาดนั้น ฮารุอยู่วงการ มีสื่อคอยดูอยู่ มีหลายคนมากที่เขาเลี้ยงลูกดีมากแต่สื่อไม่ได้รู้จัก ฮารุก็เอาเขาเป็นตัวอย่างเหมือนกัน ฮารุก็ดูจากหลายๆ บ้านแล้วเอามาปรับใช้กับบ้านตัวเองเหมือนกัน มันคือการลองผิดลองถูก หลายพ่อแม่อาจไม่กล้าลองผิดลองถูก เลยไม่กล้าให้ลูกได้ทำอะไรใหม่ๆ ฮารุโชคดีเราเป็นคนกล้า ผิดก็ได้วะ ไม่ดีตรงไหนก็ปรับตรงนั้น เราผ่านเรื่องดรามาคนช่วยสอนลูกมาแล้ว”

กาย : “ด้วยความเราอายุไม่เยอะ คนเคยมีลูกมาแล้วก็เลยมาสอน เราก็เอามาปรับใช้กับชีวิตของเรา แต่พอเราทำแบบนี้ เขาก็คงคิดว่าดูทรงแล้วอย่าสอนเขาเลย ก็มีคนมาถามเราบ้าง แต่คำแนะนำพวกผมมันทำยากจริงๆ เช่นไม่ต้องไปอุ้มหรอก เรามีลูกบางทีก็อยากอุ้ม อยากเล่น แต่พอผ่านไปสักระยะนึง เพื่อนๆ ก็บอกว่าไม่น่าอุ้มเลย เขาติดมือ ผมเข้าใจ มันพูดได้แต่ทำยาก อยู่ที่ปัจจัยรอบข้าง แล้วแต่ละบ้านมีสไตล์แตกต่างกัน ไม่มีอะไรผิดถูก ผมเชื่อว่าเขาพยายามเลี้ยงลูกสุดความสามารถเขาอยู่แล้ว ฉะนั้นเอาความรักเป็นที่ตั้ง มันโอเคแน่ๆ ครับ”











กำลังโหลดความคิดเห็น