xs
xsm
sm
md
lg

“เบนซ์ เรซซิ่ง” เปิดหมด ชีวิตตกสวรรค์ 4 ปีอยู่ในเรือนจำ สิ่งเดียวที่ทำใจไม่ได้ เคลียร์ชัดๆ โสดไหม? (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดใจเต็มๆ ครั้งแรกทางช่องยูทิวบ์ของ “นิกกี้ ณฉัตร จันทพันธ์” ที่ “เบนซ์ เรซซิ่ง” อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช เผยว่าเคยคิดเอาไว้ว่าหากออกจากเรือนจำ จะขอมาเปิดใจแบบหมดเปลือกในรายการของนิกกี้ เพราะเป็นช่องอันดับ 1 ในเรือนจำ



โดยเบนซ์เล่าว่าปี 59 ชีวิตขาขึ้น งาน รถ ครอบครัว จัดงานแต่ง มีลูก ทุกอย่างเปรี้ยง แต่เหมือนตกสวรรค์ ฮวบลงเลย กลายเป็นคดีความขึ้นมา จากข่าวที่เขาชอบพูดกัน เรื่องเครือข่าย ไซซะนะ ซึ่งเขาบอกเป็นรายใหญ่ ซึ่งตนเองก็เพิ่งรู้จัก ไซซะนะ จากข่าวที่ออกมาเหมือนกัน คนจะคิดไปแล้วว่าเบนซ์ ไซซะนะ เป็นเครือข่ายเดียวกัน เวลาไปไหน คนก็บอกว่าเบนซ์ ไซซะนะ คือมันเหนื่อยที่จะอธิบาย คนพูดแบบนี้อาจคิดว่าแก้ตัวหรือเปล่า แต่เราก็พูดไปไม่ได้อะไร

จริงๆ อยากจะบอกว่าที่สื่อนำเสนอไป มันไม่ใช่ความจริงเลย ในส่วนของคดีก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง เรื่องที่สื่อออกไปว่า ไซซะนะเชื่อมโยงรถหรูลัมโบร์กินี ในเอกสารคดีทั้งหมด 4,000-5,000 แผ่น ต้องอ่านครบทุกแผ่น มันเป็นชีวิตเรา ทั้งหมดนี้ไม่เคยมีชื่อของ ไซซะนะ เลย อันนี้ไม่ได้โทษสื่อนะ ว่าเขาออกข่าวมาแกล้งเราหรือเปล่า คือเขาอาจจะได้ข้อมูลมาแบบนั้น

เหมือนที่ผมฟังจากข่าวมาว่า ไซซะนะเป็นเจ้าพ่อค้ายาเสพติดอยู่ที่ประเทศลาว ตัวที่เชื่อมโยงกับผมคือ นายบอย นาคคำ เป็นเครือข่ายของไซซะนะ แล้วไซซะนะเอาลัมโบร์กินีมาฝากกับบอย เผื่อเวลาเขามาเที่ยวเมืองไทยก็เอาไปรับเขา เอาไปใช้ แต่ในความเป็นจริงคือผมก็ขายรถคันเก่าแล้วไปดาวน์ จัดไฟแนนซ์ แล้วไปเกี่ยวอะไรกับไซซะนะเอารถมาฝาก

“คดีที่จับ ต้นเรื่องทุกคนฟังว่าต้องเกี่ยวกับยาเสพติด เป็นเครือข่ายข้ามชาติอะไรก็แล้วแต่ แต่ทั้งหมดทั้งมวลเลยถ้าจะให้มาสรุปเลยก็คือเป็นแค่เส้นทางการเงิน ตั้งแต่เริ่มต้นคดีนี้ ผมไม่เคยถูกจับ แต่ตำรวจไปที่บ้านจริง ไปตรวจค้นหาพยานหลักฐาน แต่ผมก็ติดต่อไปว่าเดี๋ยวเข้าไปให้ข้อมูลกับเขา แต่จุดที่มันเชื่อมต่อจริงๆ คือเส้นทางการเงิน ที่คนมาซื้อขายรถกับเรา แต่เขาไปโดนจับเกี่ยวกับยาเสพติด แล้วเงินที่โอนไปเป็นเงินค้ายาเสพติด ถามว่ามีคนแต่งตัว ใส่ทอง อยากได้รถสักคันนึง ผมจะกล้าถามเขาไหมว่าพี่ทำงานอะไรถ้าเกี่ยวกับยาเสพติด ทำผิดกฎหมาย ผมไม่ขายพี่นะ เขาก็คงไม่มาบอกเรา จะไปรู้ได้ไง

ผมชี้แจงตั้งแต่ยังไม่ได้ถูกจับ เอกสารผมมีทุกอย่าง ความรู้สึกคือ อะไรวะเนี่ย มันงงไปหมด มันเกิดอะไรขึ้น ไม่เคยมีคดีความอะไรสักอย่าง ไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนทางกฎหมายเลย ว่าเราจะไปสู้คดี อัยการเคยได้ยิน แต่ไม่รู้ว่าทำหน้าที่อะไร แต่ตอนนี้แน่นเลย

คดีผมเขาแจ้งเป็น 2 ฐานความผิด คือ 1 คดี แต่ทำผิด 2 มูลฐาน ในข่าวอาจจะพูดไปทำนองว่าสมคบยา ถ้าตามมาตราตามกฎหมาย คือสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เหมือนการแบ่งหน้าที่กันทำธุรกิจ เมื่อก่อนไม่มีกฎหมายตัวนี้ การไปจับนานทุนยาเสพติด ไปจับเขาไม่ได้เพราะมันไม่มียา ก็มีกฎหมายนี้มาครอบคลุมเพื่อเอาผิดคนวางแผนสมคบกันได้ ส่วนจะมีความเชื่อมโยงที่เขาจะเอามาจับเรา ก็ต้องมีความสัมพันธ์เรื่องหลักๆ คือภาพถ่าย มีบัญชี เบอร์โทร. คนวิ่งงานจะโทร.หากันตลอดเวลา ส่วนของผมที่โดนคือ สนับสนุนช่วยเหลือ

ซึ่งพฤติการณ์มันไม่เหมือนกัน ของผมสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด สนับสนุนที่ว่าเป็นได้หลายอย่าง ให้ที่พักอาศัยไว้เก็บยา ให้รถยืมรถไปทำอะไรไม่ดี แต่ของผมที่โดนฟ้องคือเราสนับสนุนด้านการเงิน หลักๆ เขาฟ้องว่าผมเปิดบัญชีเพื่อรับโอนเงินค่ายาเสพติด ซึ่งผมใช้บัญชีชื่อตัวเอง ซึ่งผมจะทำความผิด ไม่มีใครใช้ชื่อตัวเอง ใช้บัญชีม้า อะไรก็ได้ แต่บัญชีนี้เปิดมาจะ 20 ปีแล้วใช้สำหรับทำธุรกิจ ซื้อขายรถ แต่เขาบอกเงินที่โอนมาเป็นเงินยาเสพติดทั้งนั้น ส่วนที่บอกว่าผมไม่โดนจับ เพราะผมไม่ได้ทำผิดอะไร จนเราเข้าไปให้ปากคำเขา ว่าเราทำธุรกิจอย่างนี้ รถคันนั้นได้จากอย่างนี้ เราไปจัดไฟแนนซ์ มันผ่านผมก็ซื้อ จนเขาเริ่มมีข้อมูลว่าผมมีความเชื่อมโยงอะไร เขาก็รู้แล้วว่ามีความเชื่อมโยงทางบัญชีแตะกัน ถ้าจะให้ยกตัวอย่าง มันสามารถเข้ามูลความผิดได้แล้ว เข้าองค์ประกอบแล้ว เพราะคุณมีความเชื่อมโยง

ยอดก็เป็นหลักล้าน แต่มันเป็นการโอนเงินที่ผ่านมาแล้ว 2-3 ปีก่อนที่ยาเสพติดก้อนนี้จะถูกจับ ผมวางแผนล่วงหน้า 3 ปีเลยเหรอ บัญชีคุณแตะกันแล้วไม่รู้หรอกเป็นค่าอะไร จับไปก่อน ก็ไปสู้เอา

ส่วนอีกอันก็เป็นฟอกเงิน คืออะไรผมไม่เคยรู้ พอบอกผมฟอกเงินก็ไปหาดู ฟอกเงินคือการปกปิดอำพราง ซ่อนเร้นถึงแหล่งที่ได้มาจากการกระทำความผิด เหมือนเงินนั้นสกปรก อย่างเราได้เงินมาจากการพนัน ยาเสพติด แล้วเราเอาเงินตัวนี้ไปแปรสภาพอะไรก็ได้ สองข้อหานี้เป็นเรื่องเดียวกัน แต่สามารถแจ้งได้ 2 มูลฐาน เราก็โดนสองเรื่องนี้ เรื่องฟอกเงินเราก็ปฏิเสธทั้งหมด ยกตัวอย่าง ถ้าวันนี้ผมมีเงินอยู่ 5 บาท มีเงินสกปรกโอนเข้ามา 2 บาท ผมโอนให้นิกกี้ 3 บาท ถามว่าเงินที่ผมโอนให้นิกกี้ เป็นเงินผม หรือเงินสกปรก มันก็พิสูจน์ยาก แต่เขาก็บอกว่าผมโอนเงินสกปรกต่อ”

จากชีวิตดี มีลูก มีภรรยา เหมือนตกสวรรค์
“ทุกอย่างดีหมดเลย ทั้งงาน แข่งรถ มีสปอนเซอร์เข้า สุดท้ายเขาก็หายไปหมดไม่มีใครอยากยุ่ง โดนโซเชียลด่าตลอด เป็นเจ้ากรรมนายเวรเรา แต่สุดท้ายสู้คดีมายาวนาน 6 ปี มันทำให้เราโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มองสัจธรรมความจริง โลกในโซเชียลมันก็คือโลกในโซเชียล ชีวิตจริงก็ส่วนชีวิตจริง ต่อให้ด่าเรา เราก็ยังกินข้าวอร่อย พยายามไม่คิด แต่ก็อ่านบ้าง คนให้กำลังใจก็มี”

เข้าๆ ออกๆ คุกหลายรอบ เหนื่อย สวิงจัด
“การเข้าออกคุกไม่ใช่เรื่องสนุก ผม 3 รอบ รอบแรกพอประกันตัวไม่ได้เข้าไปอยู่ 1 ปี 3 เดือน ครั้งแรกในชีวิต พอรู้ว่ามีคดีก็ไม่แน่ใจว่าเราต้องติดคุกหรือเปล่า ก็นอนหาข้อมูลรอไว้ก่อน เหมือนดูแพลนเที่ยว (หัวเราะ) ต้องเตรียมตัวยังไง เข้าไปอยู่ในเรือนจำต้องเตรียมตัวยังไง กินข้าวยังไง ซ้อมกินข้าวเร็ว เพราะผมกินข้าวช้ามาก ถามว่าคิดหนีไหม หนีไม่ได้ เพราะเรามีลูกมีภรรยา จะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไปเหรอ ไหนจะพี่จะน้องจะแม่ ถ้าหนีอายุความ 30 ปีเลย ไปอยู่เมืองนอกอยากเจอลูกจะทำยังไง ไม่มีความคิดจะหนีเลย

ตอนนั้นทุกคนให้กำลังใจว่าไม่ติดคุกหรอก แต่เราไม่อยากวางใจ ในส่วนข้อหาฟอกเงินอัตราโทษ 1-10 ปี ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถประกันตัวได้ แต่ตอนหลังผมโดนแจ้งข้อหาสนับสนุนช่วยเหลือ ข้อหานี้โทษมันหนัก ถ้าสู้แพ้ประหารชีวิต ต่อให้คดีผมไม่มียา ชีวิตผมตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมีสารเสพติดเข้าไปในร่างกายผมเลย ตั่งแต่โตมามันไม่ใช่สิ่งที่เราสนใจ เหล้าก็ไม่กิน บุหรี่ก็ไม่สูบ เราชอบรถ หมูกระทะ สาวก็ชอบอยู่แล้ว ถ้าสู้แพ้โทษก็สูงประหารชีวิต แต่พอฟอกเงินประกันตัว สุดท้ายเขาแจ้งข้อหาสนับสนุน ประกันตัวไม่ได้ แต่เรามีความหวังว่าเราไม่เคยหนีเลยนะ เขาเรียกเรา เราก็ไปให้ปากคำ เราจะหนีไปไหน คนจำหน้าได้ ตอนนั้นออกข่าวทุกวัน”

แย่ที่สุดคือตอนที่น้องเรซซิ่งเพิ่งคลอด กำลังผูกพัน
“ผมมีระยะเวลาเตรียมตัวสัก 2 อาทิตย์มั้ง แล้วก็นอนสองจิตสองใจ เหมือนมีอะไรคาใจอยู่ตลอด ก็ไปสั่งลู่วิ่งออกมา ฟิตร่างกายนิดนึง เพราะไปอยู่ข้างใน เราไม่รู้ว่าโรคภัยไข้เจ็บจะเป็นยังไง คุณภรรยา (แพท ณปภา) บอกว่าดีเนอะ รักสุขภาพ ชวนกันวิ่งไปอีก เราก็ไม่ได้บอกเขา เรารู้ในใจแล้วว่าเราต้องเตรียมพร้อมร่างกายเพื่อไปสู่หลังกำแพงสูง แล้วสิ่งที่รู้สึกแย่ที่สุดคือตอนนั้นน้องเรซซิ่งเพิ่งจะคลอด และเราก็ผูกพันกับเขา เพราะพอสัก 1-2 เดือน ทางแพทก็ออกไปทำงานแล้ว เขาลุยงาน เราก็อยู่บ้านก็เลยได้เลี้ยงลูกคนแรก

เราไม่มีความรู้เท่าไหร่ แต่ด้วยความที่เราผูกพันมาก ไม่เคยคิดว่าเราจะสามารถรักคนๆ นึงได้มากขนาดนี้ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้มีความสุขอยู่กับเขา เรามีกำหนดวันแล้วที่จะไปศาลเพื่อไปรับฟ้อง ซึ่งขอยื่นประกันตัวต่อ ทุกคนก็บอกว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะเราก็ประกันฟอกเงินมาแล้ว เราไม่ได้หนี เราใช้เวลาอยู่กับลูกให้มีความสุขที่สุด เราถึงกับแอบนอนร้องไห้ แอบไปกอดลูก ไปร้องไห้ โดยไม่อยากให้แพทรู้ ทั้งที่ภายในเรากังวล เครียดมาก แต่เราไม่อยากให้คนอื่นทุกข์ จนสุดท้ายศาลมีคำสั่งว่า ไม่ให้ประกันตัว

โอเค คิดว่าเราเข้าไปเต็มที่อาทิตย์นึง รอให้ข่าวซาๆ ก็เข้าไปแบบไม่เครียด คดีเราสื่อให้ความสนใจ เขากลัวเราถูกทำร้ายหรือเปล่า เจ็บไข้ได้ป่วยหรือเปล่า คืนแรกก็นอนไม่หลับ เราไม่เคยเห็นภาพแบบนี้ การที่ต้องไปอยู่ร่วมกับผู้ต้องขังเยอะๆ เราไม่เคยมาอยู่จุดนี้เลย เราก็ต้องพยายามปรับตัว ข้าวกินไม่ได้เลย มันฝืด กลืนไม่ลง เราเครียด มันนอนไม่ได้ วันรุ่งขึ้นเยี่ยมญาติ ก็มากันเต็มเลย มีทั้งแม่มา พี่ชาย น้องชาย ทนายความ แพทมา เรซซิ่งมา พร้อมหน้าพร้อมตา

เราออกไปเยี่ยมญาติก็ดีใจ เดินไปฝนก็ตก ยกหูขึ้นมาฟ้าผ่าเปรี้ยง ไฟดับหมดเลย ระบบล่ม สุดท้ายก็ภาษามือคุยกัน ก็ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร สุดท้ายวันนั้นก็เหมือนไม่ได้คุย แล้วรอให้เรื่องเงียบจะได้ขอยื่นประกันตัว เพราะเราไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี ทนายก็บอกให้ใจร่มๆ ก่อน รอให้มันซาลงนิดนึง ผมก็พยายามตั้งเป้าว่าอาทิตย์สองอาทิตย์ จังหวะช่วงนั้นมีข่าวดังขึ้นมา ผมดีใจมาก ข่าวเปรี้ยว ฆ่าหั่นศพ เอาแล้ว น่าจะมาชดเชยข่าวเราได้แล้ว แต่สุดท้ายยื่นแล้วยื่นเล่าก็ไม่เคยได้รับการประกันตัวเลย

เราอยู่ด้วยความหวัง เราไม่เคยทำใจได้เลยว่าเราจะต้องอยู่ข้างใน แต่ก็มีคนแนะนำว่าอย่าไปยื่นหน่อยมันช้ำ ศาลไม่ให้แล้ว ยิ่งไปขอก็ยิ่งไม่ให้ แล้วจะมีเหตุอะไรที่เขาจะมาให้เรา ก็ทำให้สำนวนมันช้ำ ก็อยู่ไป ค่อยๆ ปรับตัว

อย่างที่เคยมีข่าวว่าถ้าหน้าหวานๆ เข้าไป จะโดนตุ๋ย มันอาจเป็นยุคสมัยก่อน แต่ผมไม่ทันนะ ผมยุคใหม่แล้ว ไม่มีเรื่องราวแบบนี้ ที่จะมาล่วงละเมิดอะไรเรา มันน่าจะเป็นไปได้ยาก ซึ่งเขาดี เขาอยากคุยด้วย ต้องมีตัวเชื่อมนิดนึงให้เรารู้สึกว่าใกล้เคียง จะได้มีท็อปปิกคุยกัน

จาก 7 วันที่คิดว่าจะได้กลับบ้านแล้ว สุดท้ายก็ลากยาว 1 ปี 3 เดือน จนสู้คดีสุดท้ายก็บอกว่าไม่ต้องแล้ว อยู่ได้แล้ว ไม่ต้องประกันแล้ว รอสู้คดีเพราะผมมั่นใจมากสู้ได้ เรามีเอกสารที่พร้อมจะมาหักล้างเขา ผมก็ใช้เวลาเกือบทั้งหมดวิเคราะห์พยานหลักฐานของตัวเอง เอกสารทั้งหมดที่ตร.รวบรวมให้อัยการเอามาผิดเรา ผมก็เอามาวิเคราะห์ดูว่าข้อไหนเป็นผลร้ายกับเรา ไม่ใช่เรื่องจริง เรื่องจริงเป็นยังไง จะแก้ยังไงให้ศาลเชื่อ ให้ศาลรับฟังได้ ต่อให้เบิกคน 10 คนมาช่วยยืนยันศาลไม่ฟังนะ ศาลดูเอกสารแผ่นเดียว โอ้โห ยิ่งกว่าคน 10 คนมาพูด”

สิ่งเดียวที่ทุกข์ใจที่สุดคือพลัดพรากจากลูก เผยสิ่งเดียวที่ทำใจไม่ได้
“ในช่วงที่อยู่ข้างใน เราอยู่กับลูกมาก็ผูกพัน เป็นสิ่งที่เดียวที่ทุกข์ใจที่สุด อยู่ดีๆ ต้องมาพลัดพรากจากลูกของเรา เราเพิ่งมีลูกคนแรก เลี้ยงได้ 3 เดือนแล้วไปติดคุก สิ่งที่แพลนไว้ อยากให้ลูกเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันพังสลายไปหมด สิ่งเดียวที่ผมทำใจไม่ได้ ผมบอกเลยว่าห้ามพาลูกมาเยี่ยม เพราะทำใจไม่ได้ แม้แต่รูปก็ห้ามส่งมา เพราะรับไม่ได้ แต่ก็แอบส่งมา เราก็ไปแอบยืนร้องไห้ ไม่รู้จะบรรยายเป็นคำพูดยังไง ดูเสร็จก็เก็บใส่แฟ้มเข้าใส่ล็อกเกอร์ บางทีผ่านตาในทีวีอีก นั่งร้องไห้ดูอยู่ ทำใจไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่เดียวที่เราอยู่ข้างในและทำให้เราอยู่ยาก จนสุดท้ายรอสู้คดี สืบคดีกันไป ผมมั่นใจถึงขนาดบอกว่าถ้าไม่ได้กลับ ผมยอมให้...ตูดเลย คิดว่าผมมั่นใจไหม ผมกล้าพูดอย่างนี้ จัดแจงมรดกเลย กลับแน่ เช้านั้นก็ล่ำลาเพื่อนๆ คนที่สนิทกัน คนที่เขาให้กำลังใจเรา

รอบนั้นปี 3 เดือน ชนะเรื่องยา แพ้เรื่องฟอก ติดกำไล EM ตอนนั้นดีใจมาก แล้วเราก็ขอสู้คดีต่อ สู้ศาลอุธรณ์ อยู่ข้างนอก 2 ปี 5 เดือน แล้วถูกจับพรก.ซิ่งรถอะไร ผมแค่ขี่รถไปกินข้าว กินหมูกระทะ ขากลับเจออุบัติเหตุ ก็จอด ตร.ก็จับ มันดันเข้าข่าวพรก.ฉุกเฉิน ต้องแยกก่อนนะไม่ใช่เคอร์ฟิว บางคนคิดว่าฝ่าเคอร์ฟิวหลัง 4 ทุ่ม แต่ผมไม่รู้หรอก พรก.ฉุกเฉินครอบคลุมอะไรบ้าง แต่เขาฟ้องเราว่า จัดกิจกรรมชุมนุมสังสรรค์กันในสถานที่แออัด จนเป็นเรื่องเป็นราวเป็นคดีขึ้นมา ศาลเห็นว่าเราไปทำผิดซ้ำ ถอนประกันเราอีก กลับไปอยู่ข้างในอีกรอบ แป๊บเดียว 18 วัน ทีนี้ศาลอุทธรณ์นัดไปฟังคำพิพากษา เราก็มั่นใจ เพราะชั้นต้นเราชนะมา คิดว่าอุทธรณ์เราต้องจบแล้ว แต่ฟอกเงินที่เราแพ้ เราก็ขอสู้ต่อ ถ้าเป็นไปตามที่เราคิด เรื่องยาก็ชนะ ฟอกเงินก็ชนะ ทุกสิ่งจบ เคลียร์ เราเตรียมตัวไปฟัง คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะเราเคยชนะ

คืนนั้นคืนสุดท้ายก็เตรียมตัวไปศาล ศาลก็อ่านๆ เริ่มไม่ค่อยดี ตัดสินจำคุกตลอดชีวิต เราก็แบบ เฮ้ย เราคิดไว้เต็มที่คือแพ้ฟอกเหมือนเรา ก็ติด 8 ปี เราก็อยู่ได้ ศาลขอพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ส่วนฟอกเงิน ศาลลดโทษให้จาก 8 ปี เหลือ 5 ปี ผมต้องติดคุกตลอดชีวิตกับ 5 ปี แต่ศาลอาจมีความเมตตา ก็ลดโทษให้ 1 ใน 3 โดยการนำสืบคดี เราให้ความร่วมมือ ทำให้ศาลทำงานง่าย เป็นประโยชน์ ศาลลดโทษให้ 1 ใน 3 จำคุกตลอดชีวิต ตามกฎหมายตีอายุคนให้ 50 ปี ก็ลดจาก 50 ปี เหลือ 33 ปี ส่วนฟอกเงินลดเหลือ 3 ปี 4 จับรวมกัน 36 ปี 8 เดือน ผมไปปล่อยปี 2700 มันแย่ที่สุด ทุกอย่างที่เราสู้มา เราแพ้หมด”

ชะตาชีวิต ประกันตัวออกมาไม่ได้ ก็ต้องสู้
“ตอนนั้นเรายังมีความหวังเพราะเหลือศาลฎีกาให้สู้ต่อ เรายังหวังพึ่งศาลสูงได้ ก็ไปใช้ชีวิตที่เดิม เข้าแดนแรกรับก็สู้คดี แค่ขออนุญาตอย่างเดียวว่าเขาจะรับไม่รับ อยู่รอปีนึง เพื่อฟังว่าเราจะได้ไปต่อไหม เป้าหมายแรกคือขอให้ฎีการับอนุญาต เราฟังศาลแล้วใจหายเลย เนื่องจากคดียาเสพติดเป็นคดีร้ายแรงเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ เห็นสมควรรับไว้พิจารณา โอ้ย คิดว่าจบแล้วกูชีวิตนี้ แต่ผมยื่นไป 2 เรื่อง ฟอกเงินด้วย ยาด้วย เราคุยแผนไว้ว่าถ้าฎีการับปุ๊บ เราจะยื่นประกันตัวนะ เพื่อรอฎีกาตัดสิน

ปรากฏว่าฎีกาอนุญาตรับเฉพาะในส่วนของยา แต่ฟอกเงินเขาไม่รับ อาจด้วยเหตุผลของเขา อัตราโทษมันน้อยไม่กี่ปี ไม่สมควรเอาไปพิจารณา มันเสียเวลาหรืออะไร แต่ผมก็รู้สึกว่ามันยังคาใจอยู่ เราอยากสู้ทั้งสองคดี ยิ่งพิพากษาชั้นต้นกับอุทธรณ์มันขัดกัน เราก็อยากขอความเมตตาจากศาลสูงช่วยวินิจฉัยให้หน่อย สุดท้ายยื่นไปเขาไม่รับ โทษ 3 ปี 4 ก็พอรับได้ ไม่นาน เราคุยกับที่บ้านว่าโอเค ฟอกเงินสู้แล้วไม่รับก็ปล่อยเลย ไปสู้คดีใหญ่ 30 กว่าปีดีกว่า หนักกว่า นี่คือชะตาชีวิตเลย เราประกันไม่ได้ ก็อยู่ต่อไป

ทั้งหมดเลยที่อยู่รอบล่าสุด 2 ปี 8 เดือน มันยาวนานกว่าทุกๆ ครั้งที่เคยอยู่มา จนท้ายสุดเรารู้กำหนดศาลฎีกานัดไปฟังคำพิพากษา เมื่อ 2 วันที่แล้วเดินทางไปศาล ได้รับฟัง จนในท้ายสุดก็มีผลออกมาว่า ยกฟ้องเราในข้อหายาเสพติด พอได้ฟังคำนี้ผมร้องไห้เลย อยู่มา 2 ปี 8 เดือนไม่เคยร้องไห้เลย พอฟังคำนี้มันที่สุดในชีวิตแล้ว มันตื้นตันจนห้ามน้ำตาไม่อยู่”

โล่งทุกอย่างจบลงเสียที ยันโสด รักตัวเอง
“ทั้งลูกทั้งแพทก็ดีใจมาก ทุกอย่างมันจบลงเสียที ลูกก็โตแล้ว รอบนี้เราไม่มีห่วงอะไรแล้ว ก็จะได้มีเวลาทำอะไรได้เต็มที่ที่เราขาดหายไป เติมเต็มให้ทุกอย่าง และจะใช้เวลาไปเจอให้มากที่สุด ก็จะพยายามอยู่กับแม่กับลูกให้มากที่สุด ส่วนความรักไม่มี รักตัวเอง โสด ความสุขของผมคือขี่รถเที่ยว กินข้าว กินอะไรอร่อย อยากกินทุกอย่าง ไปอยู่ข้างในมันไม่มีอะไรให้กินเยอะ ขอบคุณทุกกำลังใจที่เขาให้เรามาตลอด ส่วนใครจะชอบหรือไม่ชอบไม่เป็นไร บางทีมันอาจคนละไลฟ์สไตล์ ไม่ไปก้าวก่ายกัน”







กำลังโหลดความคิดเห็น