ข่าวมาทางข้อความมือถือจากน้องนักดูหนังผู้หนึ่ง แจ้งว่ากำลังมีหนังไทยเรื่อง ‘มนต์รักนักพากย์’ ฉายอยู่ในเน็ตฟลิกซ์ สร้างและกำกับโดย อุ๋ย - นนทรี นิมิบุตร รู้อย่างนี้แล้วบอกกับตัวเองทันทีว่าน่าสนใจ
ยี่สิบกว่าปีที่แล้วผู้เขียนมีโอกาสดูหนัง ‘ 2499 อันธพาลครองเมือง’ ดูจบแล้วบอกกับตัวเองว่าผู้กำกับหนังไทยรายนี้ฝีมือร้ายกาจมาก ทั้งการเล่าเรื่อง บทหนัง มุมกล้อง เสื้อผ้าหน้าผมของนักแสดง ‘ล้ำ’ กว่าทุกเจ้า
กระทั่งได้ดู มนต์รักนักพากย์ เรื่องล่าสุดของเขา แม้ความสดใหม่ไม่เท่า 2499 อันธพาลครองเมือง ทว่าความรู้สึกของตัวเองยังอิ่มเอมและอวลใจในความ ‘จริง’ ที่หนังเรื่องหนึ่งบรรจงจัดวางตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง
ที่ว่า ‘ จริง’ มีอะไรจริงบ้าง?
‘จริง’ อย่างแรกคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏในหนัง ไม่จัดวางจนดูเวอร์ ไม่แอ็คติ้งจนดูปลอม ไม่ยัดเยียดจนเกินพอดี
‘จริง’ อย่างสองคือนักแสดงหลักทั้ง 4 คน ล้วน ‘เล่น’ ได้เข้าขาเข้าคู่เข้าเคมี แสดงเองก็ว่าดีมากแล้ว เข้าฉากแสดงด้วยกันยิ่งยอดเยี่ยมเข้าไปใหญ่
ผู้เขียนไม่เคยดูทั้งเวียร์ - ศุกลวัฒน์ กับ จิรายุ ละอองมณี เล่นหนังเล่นละคร แต่ทั้งคู่โชว์ฝีมือให้เชื่อสนิทใจว่าเขาคือ ‘หัวหน้ามานิตย์’ และ ‘เก่า’ ลูกน้องห่ามห้าวในคณะหนังเร่ขายยา
เพื่อนรุ่นน้องอีกคนแสดงทัศนะ ว่า สามารถ พยัคฆ์อรุณ แย่งซีนทุกคนสุดๆ
ทว่าผู้เขียนกลับให้คะแนน หนึ่งธิดา โสภณ ผู้รับบท ‘เรืองแข’ เกินกว่าคนอื่นๆ ว่าพี่น้องนักแสดงตัวหลักเจ๋งเป้งแล้ว เรืองแขซู้ดดดหยอดกว่า
อีกหนึ่งที่ยกนิ้วชมเปาะแม้ไม่ได้พูดเลยสักคำ คือ ‘อีแก่’ ช่างพาผู้อ่านและคนดูในวัยเกินครึ่งศตวรรษย้อนเวลาหาอดีตได้อย่างชื่นมื่น
ยิ่งเมื่ออุ๋ย - นนทรีย์ ผูกเรื่องของ มิตร ชัยบัญชา เข้ามาสอดร้อยกับตัวละครและหนัง จึงยิ่งส่งผลให้ มนต์รักนักพากย์ กลมกลืน ลงตัว สมบูรณ์แบบแทบหักคะแนนไม่ได้เลย
นอกจากหักคะแนนไม่ได้ ผู้เขียนยังให้ดาวเพิ่มอีก 4 ดวงครึ่งกับ ‘ดนตรีประกอบ’ ชอบจริงๆ