xs
xsm
sm
md
lg

กว่าจะเป็น “มนต์รักนักพากย์” ที่จับใจผู้ชม เปิดเบื้องลึกการเดินทางของทีมรถเร่ (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อำนาจ



ออกเร่สร้างโมเมนต์ความสุขให้ผู้ชมทั่วไทยกันแล้ว กับ มนต์รักนักพากย์ ฝีมือการกำกับและอำนวยการสร้างของ “นนทรีย์ นิมิบุตร” ที่ทะยานคว้าอันดับหนึ่ง บนชาร์ต Netflix ประเทศไทยภายในสัปดาห์แรกที่เปิดตัว!

ภาพยนตร์เรื่องนี้คือความตั้งใจที่จะบอกรักถึงหนังไทยผ่านการถ่ายทอดความประทับใจของยุค 70’s ให้ผู้ชมร่วมสมัยได้สัมผัส และยังเป็นการบันทึกความทรงจำทั้งเรื่องของการพากย์และพระเอกตลอดกาลอย่าง มิตร ชัยบัญชา ไม่ให้เลือนหายไปตามกาลเวลา วันนี้เราจึงอยากชวนเปิดเรื่องราวสุดเอกคลูซีฟว่ากว่าจะมาเป็น มนต์รักนักพากย์ ต้องผ่านเรื่องราวมามากแค่ไหน



มนต์รักนักพากย์ ภาพยนตร์ดลใจ โดยมิตร ชัยบัญชา
ความผูกพันของอุ๋ย นนทรีย ผู้กำกับของเรื่อง มนต์รักนักพากย์ ที่มีต่อคุณมิตร ชัยบัญชา พระเอกตลอดกาล เรียกได้ว่าเริ่มมาตั้งแต่ตอนเขาเป็นเด็กๆ เพราะหนังมิตรเป็นหนึ่งในหนังที่เขาโปรดปราน แต่ความผูกพันนี้ได้เริ่มชัดเจนมากขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อนจนกลายเป็นความตั้งใจที่จะทำภาพยนตร์เพื่อระลึกถึงพระเอกที่ไม่เคยหายไปจากใจคนไทยคนนี้ ซึ่งนนทรีย์ได้เล่าเรื่องความเชื่อส่วนตัวเกี่ยวกับคุณมิตร ชัยบัญชาเอาไว้ว่า...

“วันหนึ่งผมได้มีโอกาสไปทำงานที่หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ซึ่งเป็นที่ที่คุณมิตรเคยซื้อไว้เพื่อที่จะทำโรงหนังแต่ต้องชะงักไปเมื่อเขาประสบอุบัติเหตุ ในตอนขากลับผมทำกุญแจรถหาย เดินวนหาอยู่เป็นชั่วโมง หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ"

"จนต้องโทรหาผู้ช่วยที่เป็นผู้หญิงให้เอากุญแจสำรองมาให้ แต่กลับได้ยินเสียงผู้ชายพูดกลับมาในโทรศัพท์ว่า กุญแจอยู่ที่ลานจอดรถ! และเมื่อเดินกลับไปก็เจอกุญแจรถวางอยู่ที่ล้อรถจริงๆ เป็นตรงที่เราเดินหาเป็นสิบๆ รอบ ตอนนั้นผมยังไม่ได้คิดอะไรจึงขับรถออกไปเพื่อทำธุระต่อ แต่กลับมีเพื่อนทักว่า มีผู้ชายตัวสูงๆ นั่งข้างๆ ผมมาด้วย ผมขนลุกตั้งแต่หัวถึงเท้าจนต้องนึกในใจว่าขอเชิญคุณมิตรลงก่อนได้ไหมครับ”

นนทรีย์เล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมเล่าต่อว่า “แต่ที่น่าแปลกคือหลังจากนั้นเพียงอาทิตย์เดียว ผมได้มีโอกาสเจอกับคุณยอดชาย เมฆสุวรรณ โดยบังเอิญและได้ทราบว่าเขากำลังปั้นหุ่นคุณมิตรอยู่ แต่ยังขาดเงินทุนอยู่ประมาณสามแสนบาท ผมจึงขอร่วมสบทบเพื่อที่จะให้หุ่นคุณมิตรเป็นรูปเป็นร่างให้สำเร็จ จากนั้นก็มีคนชวนผมไปทำบุญเกี่ยวกับคุณมิตรอยู่ตลอด ที่ห้องทำงานของผมมีรูปคุณมิตรเยอะมาก ตอนทำ มนต์รักนักพากย์ เองถ้าติดขัดตรงไหนผมจะให้หันไปถามรูปคุณมิตรอยู่เรื่อยๆ ซึ่งความผูกพันแบบนี้จะเหมือนกับที่ทีมโอสถเทพยดาหันไปปรึกษารูปคุณมิตรตลอดการเดินทางของพวกเขาครับ”


ฟุตเทจจริง เพิ่มพลังความเรียล
ในเรื่อง มนต์รักนักพากย์ นี้มีการนำฟุตเทจเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นที่วัดสุนทรธรรมทาน หรือ วัดแคนางเลิ้ง ซึ่งเป็นวัดที่จัดพิธีศพของมิตร ชัยบัญชา มาใช้ในหนังด้วยเพราะ อุ๋ย นนทรีย์ เห็นว่าต่อให้สร้างฉากให้สมจริงแค่ไหนก็ไม่อาจถ่ายทอดความรู้สึก หรือบรรยากาศของความสูญเสียที่ผู้คนในวันนั้นรู้สึกได้ ซึ่งก่อนที่จะเริ่มทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ทางผู้กำกับและทีมงานได้มีการติดต่อไปยังญาติของคุณมิตร ชัยบัญชา เพื่อพูดคุยและขออนุญาตนำเรื่องราวประวัติศาสตร์นี้มาถ่ายทอดให้คนรุ่นใหม่ได้รับรู้

ในครั้งนี้เอง ลูกชายของคุณมิตรได้มอบอัฐิของคุณมิตรให้แก่อุ๋ย นนทรีย์ ซึ่งเขาได้พกติดตัวไว้ตลอดเวลาเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงาน ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อให้นักแสดงมีความรู้สึกร่วมในบทบาทของตัวละครมากที่สุด เขาจึงเลือกใช้วันที่ 8 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่คุณมิตร ชัยบัญชา เสียชีวิตลง มาเป็นวันที่ถ่ายทำฉากเสียชีวิตของคุณมิตร ที่ถือว่าเป็นฉากไคลแมกซ์ของเรื่องอีกด้วย


อีแก่…ที่ไม่ยอมแก่ แบกความฝันตะลุยกว่า 50 โลเคชั่น

รู้หรือไม่ว่าเอก เอี่ยมชื่น ผู้เขียนบทและผู้ออกแบบงานสร้าง ต้องสร้างพร็อบที่อยู่ในเรื่องนี้มากกว่า 1,000 ชิ้น ทั้งของประกอบฉากที่เป็นชิ้นหลักๆ อย่าง พิมพ์ดีดของเรืองแข กล่องบุหรี่ของมานิตย์ หรือแม้แต่ กระเป๋า รองเท้า และหนังสือพิมพ์ในเรื่อง เพราะต้องการเก็บรายละเอียดให้ มนต์รักนักพากย์ สมจริงเหมือนช่วงปี 2513 มากที่สุด

แต่สิ่งที่ทั้งอุ๋ย นนทรีย์ และ เอก เอี่ยมชื่น ถึงกับออกปากว่าสร้างยากที่สุดในเรื่องนี้ก็คือ รถอีแก่!...“ผมว่าของที่ผลิตขึ้นมายากที่สุดในเรื่องนี้ก็คือ รถเร่ขายยานี่แหละครับ ซึ่งรถรุ่นนี้มีอายุ 70 แล้วไม่น่าเชื่อว่าเขาจะสามารถขึ้นเขา ลงห้วย สมบุกสมบันกับเรามาได้ตลอดการถ่ายทำ ไปด้วยกันมามากกว่า 50 โลเคชั่นทั่วประเทศไทย แถมยังเสร็จตามคิวที่เราวางไว้อีกด้วย"

"เขาอึดมากจริงๆนะครับ แต่ดั้งเดิมเราเรียกเขาว่า อีแก่ แต่เหมือนเขาไม่ค่อยชอบ เรียกที่ไรงอแงทุกครั้ง รวนบ้าง โครงสร้างหลุดลงมาบ้าง เราเลยต้องเรียกเขาว่า น้องส้มแทน ผมได้เห็นน้องส้มครั้งแรกก็เหมือนรักแรกพบเลย เป็นรถคันนี้แหละที่เราอยากได้ ก็ใช้เวลานานประมาณนึงเลยครับกว่าจะวิ่งได้จริงๆ ” เอกเล่าถึงเรื่องราวของน้องส้มพร้อมรอยยิ้ม









กำลังโหลดความคิดเห็น