xs
xsm
sm
md
lg

“เอมมี่ มรกต” ควงสามี “หนุ่ม จิรยุทธ” เปิดเส้นทางรัก 17 ปี ชีวิตคู่เหมือนจำเลยรัก เคยเลิกกันเพราะฝ่ายชายไม่อยากมีลูก?!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เอมมี่ มรกต” ที่วันนี้ควงคุณสามี “หนุ่ม จิรยุทธ” มาเปิดใจที่แรกกับเส้นทางรัก 17 ปี และปัญหาความรักที่ทำเอาสาวเอมมี่ถึงขั้นออกปากว่าชีวิตคู่เหมือนเป็นจำเลยรัก ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ และเบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

คู่นี้คบกันมานานมาก?
เอมมี่ : แต่งงาน 8 ปี คบกัน 9 ปี ทั้งหมด 17 ปี

เริ่มต้นความรักยังไง?
หนุ่ม : เริ่มจากพี่ดูทีวี วันนั้นเป็นประกวดนางงามอะไรสักอย่าง จำได้ว่าพี่ดู๋ สัญญา เป็นพิธีกรคู่กับผู้หญิงคนหนึ่งในรายการประกวด แล้วผู้หญิงคนนี้พูดภาษาอังกฤษ แล้วพี่ดู๋พูดภาษาไทย ก็ดูแบบไม่ได้ตั้งใจดูมาก ผู้หญิงคนนี้สวยดี มาบอกกับน้องในออฟฟิศว่าเมื่อคืนดูรายการ พิธีกรผู้หญิงสวย น่ารักดีนะ เขาก็บอก เอมมี่ มรกต เราก็ได้ยินแค่เอมมี่ มรกต หลังจากนั้นไม่นานสัก 2-3 อาทิตย์ เราทำโฆษณาใช่ไหม มันมีหนังโฆษณาเมืองนอก แชมพูติดต่อมา เขาหาคนแคส เราบอกแคสติ้งว่าฝากเอาเอมมี่ มรกต มาแคส ลึกๆ ก็คืออยากเจอ ถึงเวลามาแคสที่ออฟฟิศ พอเดินขึ้นมาพี่เปิดประตู อึ้งเลย ผมพังมาก แดง ยาว พังมาก ครั้งแรกก็สงสารไม่อยากให้ลงไปเจอพวกน้องแคส ก็เลยนั่งคุยอยู่ในห้อง กลัวเขารู้สึกไม่ดี คือใจไม่ได้แน่ รู้ว่าส่งไปไม่ได้หรอก ก็สงสารเขา เรียกน้องเข้ามาถ่ายในห้อง

เอมมี่ : ปกติไปแคสงานก็จะมีผู้จัดการไปด้วยทุกครั้ง วันนั้นบังเอิญพี่แอมบอกเสร็จงานไม่ทัน เราก็บอกไปเองได้ แคสติ้งแค่นี้เอง ก็เลยกลายเป็นว่าแคสติ้งไดเรกเตอร์ไม่อยู่ ผู้จัดการตัวเองไม่อยู่ก็เลยได้อยู่กันสองคน

เราเห็นพี่หนุ่มปุ๊บเรารู้สึกยังไงบ้าง?

หนุ่ม : สตั๊น

เอมมี่ : งงว่าผู้ชายคนนี้เป็นอะไร ติดกระดุมถึงสะดือ ติดอยู่เม็ดเดียว แล้วใส่สร้อย สร้อยก็ยาวถึงสะดือ มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก หน้าตาอาจจะไม่ได้หล่อ แต่นิสัยอาจจะดีมาก ก็ลองคุยดู วันนั้นคุยไปคุยมา 3 ชม.

หลังจากนั้นเป็นยังไง?
หนุ่ม : ก็ไม่เป็นไง รู้ว่าเขาต้องไปเดินแบบ จำได้ว่าเราไปยิม ก่อนที่จะเปลี่ยนชุด วางโทรศัพท์ในล็อกเกอร์ ก็ส่งข้อความไปขอบคุณหน่อย ขอบคุณนะคะที่มา ดีใจที่ได้เจอคนที่คุยกันรู้เรื่อง ประมาณนี้จำไม่ได้ พอกลับมาก็เห็นเขาตอบกลับมา เราโทรกลับไปเขากำลังแต่งหน้าจะเดินแบบ เขาก็ใส่หูฟังคุยต่อเป็นชั่วโมง

แล้วเอมมี่รู้สึกยังไงบ้าง ?
เอมมี่ : ก็ตั้งใจกะว่าจะหลอกเล่นๆ (หัวเราะ) ไม่หรอก มี่ชอบความคิดของเขา เขาก็เรียนเมืองนอกมา เราก็เป็นเด็กที่มาจากอังกฤษ ไม่ได้รู้จักใครมาก เพื่อนอาจจะไม่ได้เยอะมาก แล้วเหมือนเขาเก็ตในสิ่งที่เราเป็นและสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ตอนนั้นเราอยากทำงาน แล้วอยากเป็นอะไรสักอย่าง เขาก็เข้าใจ เหมือนจะซัปพอร์ตสิ่งที่เราเป็น ณ วันนั้น เราก็เออ คุยถูกคอ แต่วันนั้นพอมี่บอกพี่หนุ่มกำลังจะไปเดินแบบแล้วนะคะ เขาบอกไม่เป็นไรถือสายรอได้ มี่ก็เลยเอาโทรศัพท์วางไว้ในกระเป๋า เขาก็ไม่วางสาย มี่หายไปประมาณ 40 นาที พอกลับมาเขายังอยู่ในสายก็รู้สึกดี หลังจากนั้นคุยทั้งหมด 3 วันคุยยาว 72 ชั่วโมงไม่วางสายเลย

หนุ่ม : ก็คุยกันปกติ ไม่ได้เจอ ประมาณ 10 วันเราจำได้ตอนพี่เจอเขา เขาใส่กระโปรงสั้นมา แล้วขาเขาเป็นแผล รู้สึกไปตกเวทีมา ก็เลยบอกว่าไปหาหมอไหม เดี๋ยวพาไป เดตแรกก็ประมาณ 10 กว่าวัน

เอมมี่ : พาไปหาหมอ

หนุ่ม : แต่หลังจากโรงพยาบาลเสร็จ พาเข้าบ้านเลยนะ

หลังจากออกเดตแรกก็โดนขโมยจุ๊บเลย?
เอมมี่ : ใช่ นิสัยไม่ดีสุดๆ เราก็นั่งรอในโรงพยาบาล จำได้เลยว่านั่งรอคุณหมออยู่ นี่ก็เข้ามานั่งข้างๆ จุ๊บเลย

หนุ่ม : หนูจำผิดแล้ว เห็นนั่งอยู่เหมือนกลัวอะไรสักอย่าง ผมก็แค่เดินมาไม่ต้องกลัวนะคะแล้วก็คิสเฉยๆ

หลังจากนั้นก็คุยกันยาวเลย?
เอมมี่ : ยาวค่ะ บอกทุกคนสิว่าตั้งใจหลอกเด็กคนนี้เหมือนกัน

หนุ่ม : ไม่ได้ตั้งใจจะหลอก

เอมมี่ : อายุห่างกัน 13 ปี ได้ยินข่าวมาว่าก่อนที่เขาจะเจอเรา เขาก็ไม่ธรรมดา เขาก็หลายอยู่ คนในวงการเขาก็รู้กัน จริงๆ แล้วตั้งใจจะหลอกเด็ก

หนุ่ม : คิดว่าจะลองดู แต่ไม่ไปไหนเลย อยู่จนถึงทุกวันนี้

ที่บอกว่าคุยหลายคน ทำไมถึงมาปิ๊งคนนี้?
หนุ่ม : จริงๆ เราไม่อยากแต่งงาน ไม่ได้จะคิดว่าจะมีคู่ คิดว่าสนุกกับชีวิตโสด สนุกมากกับการที่ไม่ต้องรับผิดชอบใคร ไม่ได้คิดอะไร แต่ของแบบนี้มันเป็นอะไรที่บังคับไม่ได้ พอมาเจอ มาคุย ก็อยากคุยต่อ พี่ว่ามันไม่ได้แปลว่าอยากจะหยุดหรืออยากจะคุยคนเดียว พอช่วงเวลานั้นเราคุยกับเขา เราไม่อยากคุยกับใคร เขาเก็บให้เรามีความรู้สึกนี้อยู่เรื่อยๆ

เรื่องอายุมันมีปัญหาบ้างไหม?
เอมมี่ : มีค่ะ ประเด็นมี่มีเพื่อนเยอะ แล้วชอบเที่ยว แล้วตอนนั้นเราก็เด็ก อายุ 22 เป็นช่วงอยากเที่ยว อยากทำโน่น ทำนี่ เขาเป็นห่วงเราไปหมด เรากลายเป็นไข่ในหินของเขา เหมือนถูกขัง เหมือนจำเลยรัก

หนุ่ม : เล่าข้ามช็อตไง ต้องเล่าว่า เริ่มคบกันเขา 22 ก็คบกัน 2-3 ปี ไม่มีปัญหา ติดกันอยู่กันสองคนไม่ได้มีประเด็น พอมาช่วงนึง 2-3 ปีผ่านไป เขาก็เริ่มโตถึงอายุนึง ช่วง 25-26 มั้งที่ต้องปรับตัวครั้งแรก เขาเริ่มรู้สึกอยากทำอะไรที่นอกเหนือจากอาชีพนักแสดง มองดูเรื่องธุรกิจ อยากทำโน่น มีเพื่อนเยอะขึ้น มีเพื่อนกลุ่มใหม่ เริ่มจะเที่ยวเยอะ อยากจะเจอคนเยอะ อยากลองผิด ลองถูก ช่วงนั้นเราก็อย่างที่เคยพูด เวลารัก รักใครไม่ค่อยเป็น คือรักแล้วจะโพรเทคไปหมด บางทีคนก็อึดอัด เขาเคยพูดกับเราว่าปล่อยให้เขาล้ม ให้เขาผิดได้เจ็บเอง ไม่ต้องมาห้ามเขาทำอะไรทุกอย่าง ก็มีช่วงนั้นแหละที่ค่อยๆ ปรับตัวกัน

เป็นห่วงมากกว่าไม่ใช่หึง?
หนุ่ม : ก็เป็นห่วงแหละ หึงแหละ มาหมด

มี่ต้องปรับตัวยังไงบ้าง พี่หนุ่มขี้หึง ขี้หวงขนาดนี้?
เอมมี่ : ตอนนั้นมี่รู้สึกว่ามี่เด็ก มากเกินไปก็อึดอัด มีทะเลาะ เถียงกัน ห่างกันบ้าง เพราะเรายังปรับตัว จูนกันไม่ค่อยได้ บางเหตุการณ์เราก็โอเค เขาเป็นห่วง แต่บางครั้งก็เหมือนถูกขัง ก็มีปรับกันบ้าง

แล้วด้วยความที่พี่หนุ่มเป็นคนที่อยู่ด้วยยาก มี่บอกว่ายากที่สุด?
เอมมี่ : เขาเป็นผู้หญิงในร่างผู้ชาย จุกจิก มีระเบียบ เสื้อผ้าก็ต้องเรียงสี เรียงแบบ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังเป็น ทะเลาะกันเรื่องนี้อยู่เลย คือของมี่ มี่ก็จะวางของไว้ อีก 2-3 วันอาจจะต้องใช้ ยังไม่ถึง 2 วัน หนูอันนี้อะไร ทำไมวางอยู่แบบนี้ มีอยู่ช่วงนึงขนของมี่ทิ้ง

หนุ่ม : มันหมดอายุ เราชอบจัดตู้ขนม

เอมมี่ : โอเคมันหมดอายุ มี่ก็อยากจะทิ้งเอง

หนุ่ม : เรื่องนี้ยังปรับกันอยู่ ยังหาจุดตรงกลางไม่ได้ ล่าสุดเอกสารวางอยู่ 4-5 วันแล้ว อันนี้ไม่ได้ใช้ เราก็รู้ว่าเขาไม่ชอบ คนเราไม่ได้โง่นะ มันรู้ว่าเขาไม่ชอบเรื่องพวกนี้ รู้ว่าเขาขอเรื่องพวกนี้ อย่าไปยุ่งกับเขาเยอะ แต่ก็อดไม่ได้ ใช้อีกไหม จะทิ้งให้ไหม โกรธ พูดเพราะมากเลยนะ มี่ขาอันนี้หนูจะใช้หรือเปล่าพี่หนุ่มทิ้งให้ไหม โกรธ

เอมมี่ : หนูหันมาพูดว่าไง

หนุ่ม : จำไม่ได้

เอมมี่ : นี่มันก็บ้านของหนูเหมือนกัน หนูจะวางไม่ได้เหรอ อยู่ด้วยยาก

เห็นว่าคบกันมา 6 ปี ความเห็นไม่ตรงกันแล้วเลิก?
หนุ่ม : เรื่องมีลูก

เอมมี่ : พอเราคบกันมาหลายปีแล้ว เราก็เล่าความฝันให้เขาฟัง เขาจะพูดตลอดเวลาว่าเขาไม่อยากมีลูก มี่รู้สึกว่ามี่เกิดมาเป็นมนุษย์แม่ อยากมีลูก แล้วเขาก็ไม่เก็ต จนปีที่ 6 เราก็เริ่มซีเรียสขึ้น เราก็อายุ 20 ปลายๆ แล้ว ก็คุยกันเรื่องนี้ ก็หลายรอบที่คุยแต่มันก็ไม่ลงตัวสักที ครั้งสุดท้ายทะเลาะกันยิ่งใหญ่เลย

หนุ่ม : เรื่องนี้มันทำให้เรามีความหงุดหงิด เหมือนต่างคนต่างมีข้อนี้ในใจ เราไม่อยากมีจริงๆ เราเคยบอกว่าโลกเราสมัยนี้มันอยู่ยาก คนไม่น่ารักเหมือนสมัยก่อน แล้วรู้สึกว่าเราเป็นคนรักคนไม่ค่อยเป็น เวลารักใครเนี่ย ก็จะรักมาก แล้วเขาก็จะรู้สึกว่าคนนั้นจะอึดอัด รักแล้วเราก็ต้องมานั่งเป็นห่วง เห็นแก่ตัวแหละ คือมันไม่อยากมีความรู้สึกแบบนั้นกับใคร แล้วเขาก็สตรองมากที่อยากมี มันหาจุดลงตัวไม่ได้ มันก็เริ่มทะเลาะกันเรื่องอื่น แต่เรื่องนี้มันเหมือนติดอยู่ในใจ สุดท้ายวันนึงก็เลิกกัน นั่นแหละห่างกันสัก 2 ปี

เอมมี่ : หนูก็ไปเดตกับคนอื่น

หนุ่ม : ออกเดตเต็มเหนี่ยวเลยกลับมาโสด

เอมมี่ : พี่หนุ่มไปคุยกับคนอื่น เราก็ไปคุยกับคนอื่น มันรู้สึกยังไม่ใช่ ยังคิดถึงกันอยู่

หนุ่ม : เห็นพี่หนุ่มไปคุยกับคนอื่นเลยรีบกลับมา ก็ขอนัดคุย ก็มาคุยกันว่าเอายังไง รักกันก็รักกัน อยากจะกลับมาคบกันไหม ก็มีข้อสรุปง่ายๆ พี่หนุ่มให้เวลา 2 ปี แต่งงาน มีลูก สเต็ปแรกพี่ยอมก่อน แต่เขาก็ยอมจากมุมที่ยังไงเขาต้องมีให้ได้ เราก็บอกอย่างนี้ไหม 2 ปีแล้วให้ธรรมชาติกำหนดว่าเราจะมีลูกไหม แต่ต้องสัญญานะว่าถ้า 2 ปีแล้วยูต้องไม่งอแง ถ้าพ้นไปแล้ว เราก็ใช้ชีวิต 2 คน คือข้อตกลงเจอกันคนละครึ่งทาง แล้วก็กลับมา และแต่งงาน มาใช้ชีวิตพยายามมีลูกกัน 2 ปี

เอมมี่ : เราต้องมานั่งดูวันไข่ตก แล้วก็สะกิดถึงเวลาแล้วๆ เขาไม่ชอบอะไรที่โดนบังคับอยู่แล้ว 6 เดือนก็ไม่ติด ทุกๆ เดือนเวลาเราตรวจแล้วไม่ขึ้น 2 ขีด เราก็จะเสียใจ

หนุ่ม : 6 เดือนแรกมันไปชนวันเกิดเขาพอดี เราก็เห็นว่าเขาดูกระเป๋ามานานแล้ว ก็ถามว่าเอาไหมมี่ พี่หนุ่มซื้อให้ แต่แลกกันว่าขอย่นเวลานะหายไปปีนึง มี่เขาอยากมีลูกมาก เขาก็คิดสักพักประมาณครึ่งชั่วโมง

กลับมาแล้วบอกว่า?
เอมมี่ : เอากระเป๋า

หนุ่ม : เราก็โอเคซื้อกระเป๋าให้ ลดเวลาลง 6 เดือนสุดท้ายนี่แหละ ร้องไห้ทุกเดือนเวลาตรวจแล้วไม่มา ไม่มี เราก็เริ่มเห็นแล้วว่าดาราใส่หรือว่าเรื่องจริง พอดีเราไปเจอเพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นคุณหมอ

เอมมี่ : พี่หนุ่มก็โอเคที่จะไปตรวจ จนมาถึงขั้นที่ธรรมชาติมันก็ไม่ติดสักที พี่หมอก็เลยบอกว่ามันมีวิธีการแบบฉีดเชื้อ พี่หนุ่มก็เลยบอกโอเคลองดูไหม แต่ก็ไม่ติด อาจจะมีความผิดปกติ มี่มีเลือดไหลออกมาเยอะ เราตกใจทรุดไปกับพื้นแล้วเป็นลมไปเลย เขามาเห็นแล้วอุ้มถามว่าโอเคไหม เขาคงเห็นว่ามี่เสียใจมากที่ไม่ติดด้วย แล้วยังมีปัญหาแบบนี้ เขาก็เลยยอม

สภาพจิตใจตอนนั้นมันเป็นยังไง?
เอมมี่ : ตอนนั้น 1.เสียใจด้วยเวลากำลังจะหมดแล้ว คงไม่มีลูก เราต้องรักษาสัญญาที่เคยบอกกับเขา เขาก็เลยบอกว่างั้นลองไปปรึกษาพี่หมออีกรอบ พี่หมอเลยแนะนำอีกวิธี เลยได้ทำอันนั้นครั้งแรก

หนุ่ม : สงสารเขา เขาดูอยากมีจริงๆ ก็เลยงั้นลองกิฟต์สักครั้ง ก็ติด

ความรู้สึกที่เรารู้ว่าเราท้องแล้ว ตอนนั้นมี่รู้สึกยังไง?
เอมมี่ : ตอนนั้นรู้สึกดีใจมากๆ ในความลำบากคือรกเกาะต่ำ ลูกเกาะต่ำ ต้องอยู่นิ่งๆ 2 อาทิตย์เต็มๆ

วันแรกที่ลูกออกมาจากท้อง?
หนุ่ม : วันนั้นก็วุ่นวายอีก พอรกเกาะต่ำคุณหมอก็เตือน เขาคลอดก่อนกำหนดด้วย คุณหมอต้องเตรียมเลือด โทรหาเพื่อนกรุ๊ปเลือดเดียวกันมาเตรียมไว้

เอมมี่ : คุณหมอมาเล่าให้ฟังอีกทีคือรกของเราอาหารที่ไปเลี้ยงลูก มันไม่ไปเลี้ยงลูกมา 2 วันแล้ว มันแห้งเป็นเหมือนกระเพาะปลาเลย เขาเลยต้องรีบเอาไปดูว่ายังไง

หนุ่ม : กว่าจะได้อุ้มหลายวันนะ อยู่ในกล่อง ความตื่นเต้นมันเลยไม่ค่อยเหมือนคนอื่นมั้ง ตอนนั้นห่วงเขามากกว่า

เอมมี่ : ตอนนี้กำลังจะ 5 ขวบ

ทุกวันนี้เวลามองหน้าลูก?
หนุ่ม : เหมือนเห็นตัวเอง เด็กโตกว่าที่เราคิด เขารู้อะไรมากกว่าที่เราคิดว่าเขาจะรู้ สายน้ำเขามีความคิดวางแผนไว้ล่วงหน้า เขาคิดว่าจะทำอะไร เพื่ออะไร ทั้งๆ ที่เด็ก 4 ขวบ มันมีความเหมือนเราบางอย่าง ความระเบียบ ไม่ได้บอก

เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวไหม?
หนุ่ม : เป็นเหมือนเรา เราไม่ชอบทำกิจกรรม

เอมมี่ : ซึ่งแตกต่างจากมี่ตอนเรียนหนังสือ ชอบสปอตไลต์ ชอบการแสดง อยู่บนเวที

หนุ่ม : อันนี้ยอมรับใช่ไหมคะ ว่าชอบสปอตไลต์

เอมมี่ : นี่จะเป็นเทปแรกและเทปสุดท้ายที่เธอจะได้ออกหน้ากล้อง พูดเลย

ปกติมีลูกความหวานของพ่อแม่ลดลง บ้านนี้ไม่เป็นใช่ไหม?
หนุ่ม : เราคุยกันไว้ก่อนมี เราเคยมีความคิดที่จะอยู่กัน 2 คน เราเห็นภาพที่อยู่แก่ๆ กัน 2 คน มันน่ารักดี เราเคยพูดว่าถ้ามีเราต้องช่วยกันนะไม่ให้ชีวิตคู่มันหายไป หรือความเป็นแฟนมันหายไป อย่าเป็นแค่ พ่อ แม่ พี่พยายามไม่เรียกกันว่าพ่อ แม่ ด้วยซ้ำ

เอมมี่ : แต่ตอนนี้มันติดแล้ว

หนุ่ม : อยากให้มีความเป็นคู่ไว้ นั่นคือความตั้งใจอยากจะทำ

เรามีวิธีมัดใจสามียังไง?
เอมมี่ : ก็พยายามเป็นภรรยาที่ดีที่สุดให้กับเขา เท่าที่เราจะเป็นได้ คือไม่ได้เป็นคนอื่น เป็นตัวเอง เพื่อเขาจะได้ภูมิใจเวลาเขาพูดถึงภรรยา ว่าภรรยาเขาเป็นแบบนี้ อยากให้เขามีความสุข และอยากให้เขาภูมิใจที่เขาเลือกเรามาเป็นคู่ชีวิตเขา

เหมือนตอนแรกๆ ไม่ชอบให้ไปปาร์ตี้ แต่ตอนนี้คุณแม่มีลูกแล้ว คุณแม่ก็ยังปาร์ตี้อยู่?
หนุ่ม : ยังปาร์ตี้อยู่บ้าง

พี่หนุ่มไปด้วยกันไหม?
หนุ่ม : ไม่ค่อยไป

กลับดึกไหมคุณแม่?
เอมมี่ : จริงๆ มีกฎก่อนหน้านี้ต่างคนต่างมีกฎถ้าเกิดกลับหลังเที่ยงคืนเสียชั่วโมงละหมื่น สองคนอัตโนมัติเลยกลับก่อนเที่ยงคืนกลัวเสียเงิน

บอกความในใจกันนิดนึง?
หนุ่ม : ก็รักแหละ ไม่รู้อธิบายไม่ถูกว่ารักขนาดไหน เราก็คุยกันเสมอ หงุดหงิดกันก็แยกกันไปสักพัก เราอยู่กันก็ช่วยกันเติมเต็ม ช่วยกันแก้ไขอีกมุมนึงของอีกฝ่ายนึง เราเคยมาสำรวจตัวเอง มี่มีมุมที่ให้เราแทบจะทุกความรู้สึก ตั้งแต่เอ็นดู ห่วงใย รัก เขาเป็นหลายๆ อย่างของเรา แล้วเราก็มีความรู้สึก ไม่ว่ามุมไหน เราก็หามุมมองที่เอ็นดูให้อภัย มองข้าม แล้วกลับมารักกันใหม่ เมื่ออารมณ์เราเย็นลง ชีวิตเรากับเขาก็จะประมาณนี้ เขาไม่ได้ทำอะไรที่ทำให้เราเสียใจ ยอมรับไม่ได้ หรืออภัยไม่ได้ อย่างบางคนก็มีอารมณ์วูบๆ วาบๆ บ้าง เราก็ต้องยอมรับให้ได้ มองข้ามบ้าง

เอมมี่ : ก็เป็นห่วง อยากให้ดูแลตัวเองดีๆ เพราะลูกเล็ก อยากให้อยู่กับลูกนานๆ อย่าเพิ่งรีบไปไหนนะ

หนุ่ม : วันก่อนลูกก็ถาม พ่อแก่แล้ว พ่อจะตายเมื่อไหร่

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama













กำลังโหลดความคิดเห็น