xs
xsm
sm
md
lg

สวีตเกิ๊น “เจมส์ มาร์” เรียก “พาย รินรดา” ว่าแฟนตั้งนานแล้ว! ลั่นพิเศษและดีที่สุดในชีวิต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เจมส์ มาร์” ทำมดตายเกลื่อนเพราะหวานสุด เรียก “พาย รินรดา” ว่าแฟนตั้งนานแล้ว ลั่นเป็นคนพิเศษและดีที่สุดในชีวิต พรหมลิขิตทำให้เจอกัน บอกยิ่งรู้จักยิ่งรักมากกว่าเดิม

เปิดตัวแล้วคลั่งรักมากๆ สำหรับ “เจมส์ มาร์” พระเอกช่อง 3 กับหวานใจ “พาย รินรดา แก้วบัวสาย” ที่ตอนนี้พูดเต็มปากว่าเป็นแฟนกัน ดูแลกันและกันดี๊ดี จนแฟนๆ พากันอิจฉาไม่ไหว โดยหนุ่มเจมส์ มาร์ เปิดใจถึงภาพสวีตบังแดดให้ฝ่ายหญิงระหว่างไปร่วมงานแต่ง “คิมเบอร์ลี่-หมาก ปริญ” ที่อิตาลี ลั่นทำแบบนี้ประจำอยู่แล้ว
 
“จริงๆ โมเมนต์บางอย่างผมทำอะไรแบบนี้อยู่ คือเรารู้สึกว่าอะไรที่ดูแลเขาได้เราก็จะดูแล แล้วคือแดดมันร้อนมาก เราไม่อยากให้เขาร้อนเราก็เลยพยายามนั่งแค่บังแดดตรงไหนเฉยๆ เพราะเรามีแว่นกันแดดเราก็ไม่ร้อนเท่าไหร่ ส่วนที่บอกว่าหน้าแดง เราร้อนแทนเขาได้ครับ จริงๆ ผมไม่กลัวแดด ผมตากแดดได้เลยเห็นโมเมนต์นั้นแดดมันมาฝั่งนี้พอดีเรารู้สึกว่านั่งบังแดดให้เขาแล้วกัน ในโมเมนต์เดียวกันก็นั่งฟังเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปเลยแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรครับ (ผู้จัดการก็ร้อน?) (หัวเราะ) ตอนนั้นไม่ได้โฟกัสเพราะว่ามัวแต่ไปโฟกัสบ่าวสาว (หัวเราะ) คือถ้าพี่อ๋าขอให้ผมบังให้ผมก็บังครับ ส่วนน้องผมบังให้เขาก่อนดีกว่าเพราะแดดมันอยู่ฝั่งนี้แล้วนั่งตรงนี้พอดีด้วยสัญชาตญาณ แต่ก็อย่างที่บอกเราอยากเทคแคร์ ถามว่าน้องรู้ไหมวาผมบังแดดให้ ผมว่าเขาก็รู้แหละคือทุกคนร้อนหมด (หัวเราะ) แต่ของเขามีร่มกันให้อยู่”

ไม่คิดว่าจะมีรูปด้วยซ้ำ
“ไม่ได้บอกอะไรคือไม่ได้คุยกันก็ไม่คิดด้วยว่าจะมีรูปนั้นออกมา เพราะอย่างที่บอกโมเมนต์นั้นเป็นโมเมนต์ที่พิเศษมากซึ่งคนรอบข้างแดดร้อนแต่เราก็โฟกัสที่พี่หมากกับคิมร้องไห้ไปกับเขายิ้มแย้มดีใจไปกับเขาเลยไม่ได้โฟกัสว่าเอ๊ะตรงนี้หรือไม่ได้หันไปดูว่าพี่อ๋าร้อนไหม ก็ต้องขอโทษด้วย (หัวเราะ) ตอนเห็นแล้วอ่านผมก็เออน่ารักดี เห็นหน้าพี่อ๋า แต่พี่เขาก็สวยประมาณนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเห็นบ่อยแล้วครับ (หัวเราะ)”

รู้จักกันเพิ่มอีกสเต็ป
พอได้มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันมากขึ้นก็ค่อยๆ พัฒนาเริ่มรู้จักเขาในอีกสเต็ปหนึ่งมากขึ้น มันก็มีโมเมนต์ที่ไปตามสเต็ป วันแรกเราอาจจะแค่ 1 2 3 วันนี้ก็อาจจะ 4 5 6 ไป ก็เริ่มมีโมเมนต์อย่างที่เห็น ซึ่งมันเป็นธรรมชาติของผมและเขาอยู่แล้ว”
 
ขอบคุณที่คิดว่าโชคดี เติมเต็มกันและกัน
“เขาพูดแบบนั้น หนึ่งก็ต้องขอบคุณเขาที่เขารู้สึกแบบนั้น ผมเองก็รู้สึกโชคดีเช่นกันเพราะทั้งที่เขาอายุน้อยกว่าเราเขาก็ยังเทคแคร์เราได้ เพราะมีบางมุมที่เขาโตกว่าเรา บางมุมที่เราโตกว่าเขา มันก็เลยเป็นเหมือนการเติมเต็มกันได้ดี ส่วนที่เขาบอกว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต โหย ขอบคุณครับ น้องก็เป็นสิ่งที่พิเศษและดีที่สุดในชีวิตผมเหมือนกัน ต่อหน้าก็พูดครับ ก็คุยกันตลอดเวลาที่มีโอกาสได้เจอกัน จะบอกว่าพรหมลิขิตก็ได้ที่ทำให้เราได้เจอกันแล้วก็ซัปพอร์ตซึ่งกันและกันจะใช้คำนี้เรารู้สึกว่าเราดูแลและซัปพอร์ตกันในสิ่งที่เราไม่ได้มีมาก่อน”
 
ยิ่งรู้จักยิ่งรัก
ยิ่งรู้จักยิ่งรักครับ ใช่ๆ อันนี้ถูกต้องเลยครับ ถามว่าทำไมมองว่าเป็นพรหมลิขิต เราไม่เคยตั้งไว้ว่าจะเจอใครตอนไหน ผมไม่เคยบอกว่าจะต้องเจอใครตอนนี้ ไม่เคยตามหาเพราะอย่างที่บอกด้วยความคิดของผมค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เมื่อไหร่จะเจอก็เจอเองพอถึงเวลาที่ใครคนนั้นมาก็เลยรู้สึกว่าเหมือนชีวิตเรานำพาให้เขามาหาเราเอง เรื่องพรหมลิขิตเราก็เชื่อ เพราะหลายๆ อย่างในชีวิต ไม่ต้องเป็นความรักบางทีจังหวะและเวลาชอบรังสรรค์ให้เราเจอสิ่งที่ดีที่สุด

ตอนนี้เราก็รู้จักกันให้เยอะขึ้นไปอีก แล้วก็เอ็นจอยสิ่งที่เรามีด้วยกันให้มีขึ้นไปอีกอนาคตจะเป็นยังไงเราก็ค่อยๆ วาดมันไปด้วย ตอนนี้ถ้าเป็นภาพวาดมันก็ยังไม่เสร็จก็ค่อยๆ วาดกันไปดีกว่า ยังไม่อยากนิยามอะไรมากเพราะเหมือนเราเริ่มมีความรู้สึกแบบนี้ไม่อยากนิยามเจอตอนนี้ตอนนั้นเราก็ค่อยๆ เดินทางไปด้วยจะไปถึงไหนก็ค่อยว่ากันอีกที”

แฮปปี้หลายคนอิจฉา มีเขาแค่คนเดียว เพราะเป็นคนพิเศษมากๆ
“ใช่ครับ (ยิ้ม) ผมว่าหลายคนก็อยากเป็นเราเหมือนเพราะน้องเขาเป็นคนที่พิเศษมากๆ ขอบคุณคนที่น่าชื่นชมแล้วก็ชอบในโมเมนต์แบบนี้ของเราสองคนคือเป็นธรรมชาติของเราสองคนที่เชียร์และให้กำลังใจ ถามว่าเรียกแฟนได้ยัง เรียกตั้งนานแล้วครับ (หัวเราะ) เรียกเรียกเขาว่าน้องครับ ส่วนใหญ่เรียกเป็นภาษาอังกฤษแต่ไม่ได้มีคำน่ารักๆ (พายเรียกเราว่าไง?) พี่เจมส์ๆ”

ขี้อ้อน และเทคแคร์
“ผมว่าทุกคนต้องมีอยู่แล้วครับ (ทำหน้าร้องไห้) เราขอร้องๆ เป็นอารมณ์แบบไม่ต้องใช้คำพูด ฮือๆ อะไรแบบนี้ ถามว่าเขามีมุมอะไรที่ไม่เคยเห็น สำหรับผมน่าจะเป็นมุมที่เทคแคร์และโต คือเรารู้สึกว่าเขาจัดแจงอะไรหลายๆ อย่างได้ดี อย่างที่ผ่านมาไปอิตาลีเขาก็จัดแจงเรื่องเดินทาง เรื่องสั่งอาหารอะไรแบบนี้ได้ดีบางอย่างดีกว่าเราด้วยซ้ำคือความเป็นผู้ใหญ่ของเขาในบางมุมโตกว่าเราอีก ในการคุยในประสานอะไรเรารู้สึกว่าเขาอายุน้อยกว่าเราเขาทำได้ดีกว่าเรา เรารู้สึกสบายว่ามีคนช่วยเราทำอะไรแบบนี้”







กำลังโหลดความคิดเห็น