“คานเย เวสต์” กับเมีย โดนแบนห้ามขึ้นเรือที่เวนิสหลังพากันกินบวบกลางทะเลสาบ

กลายเป็นภาพฉาวที่เผยแพร่ไปทั่วโลกเลยทีเดียวสำหรับพฤติกรรมเกินรับได้ของ “คานเย เวสต์” แร๊ปเปอร์สุดฉาวกับภรรยาสาวชาวออสเตรเลียอย่าง “บิอังกา เซนซอริ” ขณะที่พากันล่องเรือที่เวนิส แต่ถูกจับได้ว่ากำลังกินบวบกันกลางทะเลสาบ

ตามรายงานระบุว่าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาได้มีภาพฉาวของทั้งคู่ว่อนอินเทอร์เน็ตขณะกำลังนั่งเรือโดยสารกลางทะเลสาบที่เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี โดยเป็นภาพที่เห็นชัดว่า คานเย ถอดกางเกงโชว์บั้นท้ายโดยมีภรรยานั่งอยู่ด้านล่างกลางหว่างขาของเขา

ทางบริษัทที่ให้เช่าเรืออย่าง Venezia Turismo Motoscafi ได้ออกมาเคลื่อนไหว โดยระบุว่า ไม่ต้อนรับคู่รักคู่นี้อีกต่อไป ประกาศแบนทั้งคู่ทันที พร้อมยืนยันว่าทางบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็นกับพฤติกรรมฉาวของทั้งคู่และรับรู้เมื่อกลายเป็นข่าวมีภาพว่อนโซเชียลแล้ว

“บนเรือ คนขับเรือโฟกัสกับการขับเรือและพยายามดูเส้นทางเนื่องากการจราจรทางน้ำค่อนข้างคับคั่งจึงไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าเห็นจะมีการเข้าห้ามและแต้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทันที นอกจากนั้นบนเรือยังมีบุคคลอื่นอีกซึ่งมาพร้อมกับ คานเย เวสต์ และ บิอังกา ซึ่งยืนบดยังทัศนวิสัยของผู้ขับเรือจึงทำให้มองไม่เห็นพฤติกรรมดังกล่าว”

บุคคลดังกล่าวที่อยู่บนเรือ รายงานระบุว่าเป็นผู้หญิงที่คอยถ่ายภาพให้กับสามี-ภรรยาคู่นี้ระหว่างที่ไปเที่ยว

ทางบริษัทยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้อง และขอประณามการกระทำของทั้งคู่ โดยระบุว่า “เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมดังกล่าว นายเวสต์และภรรยาจะไม่ได้รับการต้อนรับบนเรือของบริษัทเราอีกต่อไป”

Venezia Turismo Motoscafi นับเป็นบริษัทเดินเรือที่มีชื่อเสียงของเวนิส เคยต้อนรับและให้บริการผู้มีชื่อเสียงมาแล้วมากมายทั้ง เลดี้ กาก้า, เบ็น อัฟเฟล็ก, เจนนิเฟอร์ โลเปซ, แฮร์รี สไตล์ ฯลฯ

พฤติกรรมของทั้งคู่ถูกพูดถึงบ่อยมากในหน้าสื่อมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว หลังจากแต่งตัวแปลกๆไปตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะ บิอังกา ที่มักปรากฏตัวในชุดรัดรูป และโนบราโชว์จุกภายใต้ชุดซีทรู ซึ่งตามรายงานระบุว่า การเดินไม่ใส่เสื้อ หรือเดินในชุดกึ่งเปลือย หรือชุดว่ายน้ำในตัวเมืองเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม นอกจากว่ากำลังเดินเล่นอยู่ริมชายหาด

ส่งให้พฤติกรรมของ คานเย เวสต์ กลายเป็นที่ถกเถียงอย่างกว้างขวาง โดยระบุว่าการกระทำของเขาถือเป็น 'การทำอนาจารในที่สาธารณะ' ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาซึ่งมีโทษปรับสูงถึง 309 ยูโร (ประมาณ 12,000 บาท) ตามการระบุของศาลรัฐธรรมนูญอิตาลี

ซึ่งชาวเน็ตส่วนใหญ่ต่างเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่จับกุมตัวทั้งคู่มาดำเนินคดีตามกฏหมาย