ถ้าพูดถึงหนังตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ที่มีพลังพิเศษเหนือธรรมชาติ เชื่อแน่ว่า คนดูส่วนใหญ่ก็คงนึกถึงหนังฮอลลีวูดอย่างมาร์เวลและดีซี หรือไม่ก็ญี่ปุ่น ซึ่งมีการผลิตออกมาอย่างต่อเนื่องจนเป็นภาพจำและตำนาน แต่ ณ วันนี้ เกาหลีใต้ได้ให้กำเนิดเรื่องราวซูเปอร์ฮีโร่อีกเรื่องหนึ่งซึ่งดูแล้วหลายคนจะต้องชอบและติดใจอย่างแน่นอน
Moving เป็นซีรีส์เกาหลีที่สตรีมทางดิสนีย์ พลัส ฮอตสตาร์ ความยาว 20 ตอน ตอนละประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่เมื่อได้ดู กลับรู้สึกว่า เวลามันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วและลื่นไหล นั่นก็เพราะความสนุก น่าสนใจ และชวนให้กดเพลย์ตอนต่อ ๆ ไปเพราะความน่าติดตาม
เสน่ห์อันดับแรกสุดที่ฉุดดึงความสนใจของคนดูได้อยู่หมัด คือตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ที่ค่อยเผยตัวออกมาพร้อมกับพลังพิเศษที่แตกต่างกันไป แม้ว่ากันตามจริง ในเรื่องของพลังพิเศษนี้ จะดูมีกลิ่นอายของซูเปอร์ฮีโร่ที่เราได้เห็นมาแล้วทั้งจากมาร์เวลและดีซี แต่สิ่งที่แตกต่างออกไป คือเงื่อนไข แง่มุม เงื่อนปม และเรื่องราวความเป็นมาในแบบฉบับตัวเอง ซึ่งสามารถทำให้เรามองข้าม “ความคล้าย” ในเรื่องพลังพิเศษที่ละม้ายคล้ายคลึงไปได้อย่างไม่ติด
และเอาเข้าจริง เรื่องของความสามารถพิเศษ หรือพลังพิเศษ ในโลกนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรพิสดารไปกว่านี้ได้อีกแล้ว ส่วนสำคัญนั้นอยู่ที่ว่า ใครจะสามารถเสกสรรปั้นแต่งเรื่องราวให้ออกมาได้น่าทึ่งน่าสนใจได้ดีกว่ากัน ซึ่งนี่แหละ ถือว่าเป็นจุดแข็งหนึ่งประการของผลงานเรื่องนี้
อารมณ์ของซีรีส์มีทั้งดราม่าบีบคั้นหัวใจ มีความโรแมนติก มีทั้งอารมณ์ขันแบบโบ๊ะบ๊ะแต่ถูกที่ถูกทางและได้ผลในเชิงทำให้หัวเราะหรือยิ้มออกมาได้ และแน่นอน สำหรับฉากแอ็กชั่นการต่อสู้ ก็ทำออกมาได้ดุเดือด คือมันได้รสชาติแบบหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ใช้พลังพิเศษอัดใส่กัน บวกกับแอ็คชั่นสไตล์เกาหลีที่มักจะเห็นในหนังประเภทไล่ล่า ล้างแค้น หนังฆาตกร (Midnight, Night in Paradise, I Saw the Devil, My Name ฯลฯ) แม้ว่า Moving จะไม่ได้จัดเต็มความโหด ดิบ เถื่อน และเลือดสาดขนาดนั้น แต่ก็ใกล้ ๆ เคียง ๆ และได้อารมณ์ความมันส์ลุ้นระทึก ซึ่งหนังแอ็คชั่นดี ๆ ที่ทำให้ฉากการต่อสู้มันลุ้นเอาใจช่วยได้ ก็มาจากการมีเรื่องราวหรือสถานการณ์ที่ดี ช่วยบีบคั้นกระตุ้นร่วมด้วย และ Moving ก็มีสิ่งนั้นเช่นกัน
เรื่องราวโดยย่อที่พอเล่าได้ เกี่ยวข้องกับ 2 ตัวละครหลัก คือ เด็กหนุ่มและเด็กสาว ม.ปลาย อย่าง “คิมบงซ็อก” กับ “จางฮีซู” ที่ต่างมีพลังพิเศษเช่นเดียวกัน แต่คนละแบบ ฮีซูย้ายมาจากโรงเรียนอื่นและเข้ากันได้ดีกับบงซ็อกอย่างรวดเร็ว และท่ามกลางชีวิต ม.ปลาย ที่ต่างคนต่างกำลังพยายามวิ่งไล่ตามความฝันเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย ก็มีเหตุการณ์ชวนสงสัยเกิดขึ้นถี่ ๆ โดยมีคนตายอย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้ชัดว่าเกี่ยวเนื่องกับอะไร เงื่อนงำปริศนาที่พอจับต้องได้คือการที่ซีรีส์นำเสนอเรื่องราวของสำนักงานวางแผนความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ควบไปด้วย หรือนี่จะเป็นการตามเก็บกวาดครั้งสำคัญของสมาชิกหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อหลายสิบปีก่อน...
อย่างไรก็ดี ขณะที่ซีรีส์ค่อย ๆ เผยเงื่อนงำและคลายปมปริศนาไปเรื่อย ๆ ก็มีแง่มุมหลายอย่างให้เก็บเกี่ยวระหว่างทาง ทั้งการสะท้อนภาพความรุนแรงในโรงเรียน (การบูลลี่) อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ซีรีส์ก็ยังทำออกมาได้ทรงพลัง , การพูดถึงความไม่เหมือนกันระหว่าง ความแตกต่างกับความแปลกประหลาด , ปมบาดแผลและความผิดหวังในวันวานที่ส่งผลให้คนคนหนึ่งไม่สามารถจะปกติได้อีกต่อไปและเป็นตัวเร่งความรุนแรงก้าวร้าวให้หนักข้อยิ่งขึ้น , คนทำงานที่ถูกใช้งานแล้วพอหมดคุณค่าก็ถูกทอดทิ้งอย่างไม่ไยดี แล้วยังต้องหนีหัวซุกหัวซุนเพื่อให้มีชีวิตรอด
ซีรีส์เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฮีโร่ และทำให้ความหมายของการเป็นฮีโร่ได้อย่างคมชัด ถ้าหากสไปเดอร์แมนมีถ้อยคำประจำตัวระดับตำนานอย่าง “พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง” ซีรีส์เรื่องนี้ก็พูดถึงฮีโร่อย่างมีความหมาย เพราะการเป็นฮีโร่ที่แท้ ไม่จำเป็นต้องมีพลังพิเศษเหนือใคร แต่ถ้ารู้จักเห็นอกเห็นใจและเข้าใจในบุคคลอื่น ๆ ก็นับว่าเป็นฮีโร่ได้เช่นกัน
ความเจ็บปวด ความสูญเสีย และความตาย ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความลับอันน่าอัปยศกำลังถูกเปิดโปง แต่ซีรีส์ก็มีแง่มุมงาม ๆ ให้ชื่นใจได้ตลอดเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ในครอบครัว และความรักที่ถักทอไปเรื่อย ๆ ของตัวละครเอก อย่าง “จางฮีซู” กับ “คิมบงซ็อก” ซึ่งต้องบอกว่า นักแสดงสาวที่มารับบทเป็นจางฮีซู นั้นเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการนักแสดงเกาหลี นั่นก็คือ โกยุนจอง ทุกเสียงต่างพูดไปในทางเดียวกันว่า นอกจากเนื้อเรื่องที่ดีแล้ว โกยุนจองคืออีกหนึ่งความดีงามของซีรีส์เรื่องนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้ ด้วยทักษะการแสดงที่เก่ง และความสวยที่โดดเด่นดึงดูดใจ เป็นเสน่ห์ที่ทำให้คนดูพร้อมจะ Move ไปกับเธอตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง
ขณะที่ในส่วนของนักแสดงหนุ่มสุดหล่ออย่าง “อีจองฮา” ซึ่งรับบทเป็นคิมบงซอก ก็ทุ่มเทถึงขั้นต้องเพิ่มน้ำหนักมากถึง 30 กิโลกรัม เพื่อรับบทนี้โดยเฉพาะ ตัวละครนี้คืออีกหนึ่งความเจ๋งของซีรีส์อย่างปฏิเสธไม่ได้ เป็นทั้งดราม่าและตัวเติมโมเมนต์น่ารัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเขินจนตัวลอยเวลาได้อยู่ใกล้ชิดคนที่ชอบ
นอกจากเรื่องราวความรักในรุ่นลูก ซีรีส์ยังเล่าย้อนไปถึงความรักในรุ่นของพ่อแม่ ที่เป็นทั้งการบอกให้ทราบถึงจุดกำเนิดความแตกร้าวในกลุ่มสายลับซูเปอร์ฮีโร่ และเป็นจุดกำเนิดของความรัก ความพลัดพราก ในเวลาต่อมา ซึ่งแน่นอนว่า เราจะได้เห็นดีเอ็นเอและตัวตนของพ่อแม่ที่ส่งทอดมาถึงลูกอย่างไม่ตกหล่น ทั้งเรื่องพลังพิเศษและหัวจิตหัวใจ โดยในรุ่นพ่อแม่ซึ่งเป็นฮีโร่รุ่นใหญ่นี้ก็มีนักแสดงมืออาชีพมารับบท ทั้ง รยูซึงรยง, โจอินซอง , ฮันฮโยจู ฯลฯ
Moving คือซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่ที่มีมุมมองเป็นของตัวเอง โดย “คังฟูล” (Kang Full) ผู้แต่งเว็บตูนต้นฉบับ และคนเขียนบทบอกว่า ถึงแม้ Moving จะเป็นแนวซูเปอร์ฮีโร่ แต่ก็ไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่แบบที่คุ้นเคย เพราะพวกเขาไม่ได้มีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่อย่างการต่อสู้เพื่อปกป้องโลก หนำซ้ำยังต้องเผชิญกับความยากลำบากจากการมีซูเปอร์เพาเวอร์อีกต่างหาก แต่ใจความสำคัญคือ พวกเขาพร้อมลุกขึ้นสู้เพื่อคนที่พวกเขารัก ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน และคนรัก
ลองกดเพลย์เข้าไปลิ้มรสชาติดูครับ ไม่แน่ว่า คุณอาจจะเป็นอีกหนึ่งคนที่ติดใจจนอยากดูต่อไปให้จบ เช่นเดียวกับคนอีกหลายล้านคนในเวลานี้