พิธีการบวงสรวงเทพยดาหรือองค์เทพต่างๆ มีการทำกันมาเนิ่นนานแล้วในประเทศไทย ซึ่งผู้ประกอบพิธีก็คือพราหมณ์ที่ภาพจำอาจจะเป็นชายมีอายุ มัดผม นุ่งขาว ห่มขาว แต่ในยุคปัจจุบันเราเริ่มเห็นผู้ประกอบพิธีเป็นพราหมณ์ที่อาจจะดูเป็นวัยกลางคนมากขึ้น อย่าง “อาจารย์ป๋า ปุญญาดิศ เถียรวิชิต”ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าพิธีพราหมณ์ชื่อดัง ที่มีลูกศิษย์มากมายทั่วประเทศ และเคยไปประกอบพิธีบวงสรวงใหญ่ๆ มาแล้วมากมาย รวมถึงคนในวงการบันเทิงอย่าง “มดดำ คชาภา ตันเจริญ” ก็ได้เชิญให้ “อ.ป๋า” ไปประกอบพิธีเปิดถ้ำบวงสรวงพระอุปคุตครั้งใหญ่ ที่สะดือแม่น้ำโขง วัดอาฮงศิลาวาส จังหวัดบึงกาฬ ที่ออกอากาศไปแล้วในรายการคชาภา พาไปมู
นอกจากนั้นก็เป็นพราหมณ์เจ้าพิธีนำบวงสรวงองค์พระพิฆเนศองค์ใหญ่ที่บริษัท เวิร์คพ้อยท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด (มหาชน) ที่ถือว่าเป็นงานใหญ่ และเป็นองค์พระพิฆเนศที่ขึ้นชื่อว่ามีคนไปขอพร และได้สมตามความปรารถนามาแล้วนักต่อนัก ที่สำคัญทำให้บริษัทเวิร์คพ้อยท์ประสบความสำเร็จรุ่งโรจน์มาโดยตลอด หรืออย่างงานบวงสรวงงานคเณศจตุรถี ที่อาจารย์ป๋าได้ไปสร้างองค์พระพิฆเนศองค์ใหญ่ไว้ที่วัดท่าอู่ จ. สุราษฎร์ธานี ก็เช่นกัน
วันนี้มาทำความรู้จักกับ “อาจารย์ป๋า ปุญญาดิศ” กันให้มากขึ้นสักหน่อย กับคำว่า “เจ้าพิธี” และหลักการบวงสรวง ขอพรยังไงให้ประสบผลสำเร็จ
คำว่า “เจ้าพิธี” คืออะไร?
“เจ้าพิธี ก็เหมือนเป็นพิธีกรในศาสนพราหมณ์ พิธีกรในเรื่องของการทำพิธีพราหมณ์ต่างๆ ให้ถูกต้องตรงตามขั้นตอนของคติพราหมณ์โบราณนะครับ เพราะฉะนั้นในเรื่องของการทำพิธีบวงสรวงต่างๆ ให้มันเหมาะสม เหมาะเจาะ จะต้องนำพาดวงจิตเขาไปในทิศทางไหน เพื่อการใด บวงสรวงเพื่ออะไร จัดของไหว้แบบไหนให้ถูกต้อง แล้วกล่าวโองการอย่างไรให้มันถูกต้องเหมาะสมในการเชิญองค์เทพเทวดา หรือพลังงานต่างๆ มาสถิต หรืออำนวยอวยชัยให้กับผู้ที่ประกอบธุรกิจประกอบพิธี พิธีกรพราหมณ์ก็อารมณ์เหมือนพิธีกรผู้ดำเนินรายการ แต่ว่าเจ้าพิธีเราก็จะดำเนินรูปแบบในแบบของพราหมณ์ ก็เลยกลายเป็นบัณฑิตพราหมณ์เจ้าพิธี”
เริ่มมาเป็นเจ้าพิธีพราหมณ์ตั้งแต่เมื่อไหร่?
“10 กว่าปีนะครับ จริงๆ เรียนรู้ในเส้นทางสายเทวศาสตร์มาประมาณ 20 กว่าปี ตั้งแต่ปี 2545 ที่ได้เริ่มรู้จักกับอาจารย์สุชาติ รัตนสุข บรมครูผู้ก่อตั้งพระพิฆเนศห้วยขวาง และท่านก็ทำเทวสถานให้กับองค์กรใหญ่ๆ มากมายนะครับ อย่าง พระตรีมูรติ หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ พอปี 2545 ผมก็มีโอกาสได้ฝากตัวเป็นศิษย์ท่าน และเรียนรู้เทวศาสตร์มาเรื่อยๆ จนกระทั่งวันนึงจับผลัดจับผลูเมื่อเราไปประกอบธุรกิจการงาน แล้วมันไม่ประสบความสำเร็จ เหมือนเราถูกกำหนดว่าให้มาทางนี้ ก็เลยตัดสินใจว่าลองดู ถ้าเกิดมันดีก็ขอให้รุ่งเรืองก็แล้วกัน ก็ปรากฎว่าเริ่มเข้ามาทำได้ 10 กว่าปี ความสำเร็จที่เราทำให้กับองค์กรต่างๆ นักธุรกิจที่ให้เราทำเจ้าพิธีให้ก็เกิดเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน หลังจากที่เขาทำแล้ว เขาก็มีสิ่งดีๆ เข้ามาในรูปแบบความเชื่อของแต่ละคน และมีงานต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ครับ”
มีงานไหนที่เคสใหญ่ๆ ยากๆ บ้างไหม?
“ก็ไม่ได้เรียกว่ายาก แต่เป็นเคสที่ผมบรรจงจัดมาก ก็คือเป็นเรื่องของการเข้าไปบวงสรวงพระพิฆเนศที่บริษัท เวิร์คพ้อยท์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเท่าที่ทราบมาจากผู้หลักผู้ใหญ่ คือที่เวิร์คพ้อยท์จะไม่ค่อยให้พราหมณ์เข้าไปทำพิธีใหญ่แบบนี้ แล้วเมื่อปีที่แล้วในช่วงคเณศจตุรถี ผมก็ได้มีโอกาสได้เข้าไปทำพิธีบวงสรวงใหญ่ ซึ่งเป็นพิธีที่ประทับใจมาก ก็มีความภูมิใจว่าเราได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่เรื่องนี้ก็พิเศษแล้ว และเป็นพิธีที่มีคนเข้าร่วมพิธีเยอะที่สุดของเวิร์คพ้อยท์ หลังจากที่เราไปประกอบพิธีให้ เขาก็รู้สึกอิ่มเอม มีความสุขใจที่ได้ไหว้ขอพรต่อเทพเทวดาที่เขารัก นี่ถือเป็นเคสใหญ่ที่ผมประทับใจมากที่สุด
และเคสที่ผมมีโอกาสได้ไปบวงสรวงให้กับคุณมดดำ (คชาภา ตันเจริญ) รายการ คชาภา พาไปมู ก็ได้ไปทำที่วัดอาฮงศิราวาส ที่สะดือแม่น้ำโขง ซึ่งก็เป็นพิธีใหญ่เหมือนกัน เป็นพิธีที่ผมทำถวายต่อครูบาอาจารย์ของผมด้วย ก็คือหลวงพ่อสมาน สิริปัญโญ ซึ่งท่านเป็นผู้สร้างวัดอาฮง และท่านก็เป็นพระที่ทางบ้านของคุณมดดำมีความนับถือศรัทธาอย่างมาก และพิธีนั้นก็มีผู้หลักผู้ใหญ่ มีท่านสุชาติ ตันเจริญไปร่วมด้วย ก็เป็นพิธีที่รู้สึกว่าเราได้รับเกียรติและภูมิใจครับ”
การจะไปทำพิธีแต่ละครั้ง จะดูยังไงว่าตรงนี้ควรเป็นเทพองค์ไหน?
“ถ้าพูดเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นความเชื่อส่วนบุคคล เรื่องของเซ้นส์ ของความรู้สึกของแต่ละคน บังเอิญผมอาจจะโชคดีที่มีความรู้สึกตรงนี้ พอไปถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าคนนี้เหมาะกับสิ่งนี้ คนนี้เหมาะกับแบบนี้ และพอทำให้เขา เขาก็ประสบความสำเร็จ ผมว่ามันพูดยากนะเรื่องของความรู้สึกที่เกิดขึ้น ผมใช้คำว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลจิตดลใจให้ผมรู้สึกว่าคนนี้เหมาะกับสิ่งนี้ ตรงนี้ทำแบบนี้ และผมก็ดึงพลังงานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกมารวมกันตรงนั้น สำหรับคนที่มีรักและศรัทธาก็เกิดเป็นปาฎิหารย์ความสำเร็จขึ้นกับหลายๆ ท่านนะครับ”
ขั้นตอนในการทำพิธีต้องมีอะไรบ้าง?
“อย่างแรกเราต้องดูความต้องการของเขาก่อนว่าเขาชอบเทพสายไหน ชอบเทวดาแบบไหน ในพื้นดวงเดิมหรือพื้นความเชื่อเดิม บางคนก็ชอบสายฮินดู บางคนชอบสายไทย บางคนชอบเทพสายจีน เราก็ต้องดูพื้นดวงตรงนั้นก่อน ว่าเขารักและศรัทธาตรงไหน คนเราถ้ามีรักและศรัทธา บูชาไปเถอะ ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้ทำให้ตัวเองและผู้อื่นเดือดร้อน ผมว่ามันมีพลังบวกกับจิตใจเราเอง อีกส่วนหนึ่งก็จะดูว่าเวลาไปที่ตรงนั้นแล้วมันมีแมสเซจ หรืออะไรที่บอกเรามา”
มีมั้ยที่เจ้าภาพก็ไม่รู้ว่าศรัทธาองค์ไหนเป็นพิเศษ หรือควรจะบูชาองค์ไหนดี?
“มีครับ บางคนก็ไม่รู้อะไรเลย ไม่เคยมีความเชื่อเรื่องอะไรเลย ก็มาขอคำแนะนำจากผม ผมก็จะให้คำแนะนำว่าดูประเภทธุรกิจของคุณว่าเหมาะกับเทพองค์ใด ดูการงาน ดูชีวิต ดูรูปแบบบริษัท หรือดูสถานที่ว่าเหมาะกับพลังงานแบบไหน แต่ส่วนใหญ่ของผมจะเป็นในสายของเทวศาสตร์ เนื่องด้วยร่ำเรียนมาในสายนี้ ผมก็จะมีศาสตร์ที่เกี่ยวกับของเทพซะเยอะ งานของผมหลักๆ ก็จะตั้งศาลพระพรหม พระภูมิ พระตรีมูรติ และพระพิฆเนศคือเป็นหลักเลย เพราะอาจารย์สุชาติก็คืออาจารย์ของผมเป็นผู้สร้างอยู่ในสายนี้ครับ จริงๆ ก็แล้วแต่บุคคล แล้วแต่ความเหมาะสม ก็ต้องดูที่หน้างานอีกที หรือบางครั้งมันจะมีเรื่องราวที่เราทักเขา แล้วเขาว้าว เขารู้สึกว่าใช่ เขาก็จะรู้สึกคลิกกับตัวเขาเอง เขาต้องเชื่อด้วยตัวเขาเองก่อน ว่าเราทักเรื่องนี้ไปแล้วให้ตั้งแบบนี้ ทำแบบนี้ เขาก็จะประมวลผลเองว่าใช่ สรุปก็ตกลงตามนั้น”
ภาพจำของคนทั่วไป พราหมณ์จะต้องเป็นคนมีอายุ มัดผม นุ่งขาว ห่มขาว แต่รุ่นหลังๆ เริ่มเปลี่ยนไป ดูเป็นวัยกลางคนมากขึ้น?
“ผมต้องขออนุญาตให้ความรู้ตรงนี้ก่อน ว่าพราหมณ์โดยแท้จริงในประเทศไทยมีอยู่แค่ 10 กว่าคน จะต้องสืบทอดทางสายเลือดเท่านั้น อย่างเช่นพราหมณ์ในโบสถ์พราหมณ์ที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ รุ่นลูก เฉพาะลูกชายถึงจะได้สืบทอดเป็นพราหมณ์ อย่างผมเองก็ไม่ได้เป็นพราหมณ์แท้ แต่ผมเป็นบัณฑิตพราหมณ์ เพราะครูพราหมณ์ของผมเป็นพระครูพราหมณ์ที่โบสถ์พราหมณ์ เราไม่ใช่ลูกแท้ แต่เราคือลูกศิษย์ เพราะฉะนั้นการวางตัวในแบบการเป็นลูกศิษย์เราต้องเข้าใจ ว่าเราไม่ได้มีศักดิ์ มีศรีที่เป็นสายเลือดมานะ แต่เราต้องประกอบพิธีพราหมณ์ด้วยวิถีแบบบไหน เช่น ผมจะไม่ใส่โจงกระเบน เพราะนี่มันคือสายของเขา นี่ผมไม่ได้ว่าใคร แต่มันเป็นความคิดของผม
ฉะนั้นตอนนี้ก็จะมีพราหมณ์แท้ กับ บัณฑิตพราหมณ์ ทีนี้บัณฑิตพราหมณ์ก็อยู่ที่คุณจะมีคุณภาพในการเรียนรู้ หรือมีจรรยาบรรณในการทำงานมากน้อยแค่ไหน สิ่งที่สำคัญที่สุด พราหมณ์จะต้องมีการปฎิบัติตัว อย่างน้อยต้องมีศีล ถ้าคุณมีศีลหรือมีวิชาความรู้มากพอ ก็ประกอบพิธีกรรมกับผู้อื่นได้ มีศักดิ์ มีศรีเป็นบัณฑิตพราหมณ์ได้ แต่อย่าไปกล่าวว่าตัวเองเป็นพราหมณ์แท้ ไม่ใช่ เราเป็นบัณฑิตพราหมณ์ก็ต้องปฎิบัติตัวให้สมกับที่เขารับเป็นศิษย์ มีจรรยาบรรณในการทำงาน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีคุณธรรม มีคุณภาพ และมีศีล เท่านี้ก็ถือว่าสามารถที่จะรับพลังงานดีๆ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และส่งต่อไปยังผู้คนได้ ผมว่าเรื่องของสภาวะจิตและสภาวะกายเป็นเรื่องสำคัญ”
เคยมีเคสที่ไปโดนพราหมณ์เก๊หลอก แล้วต้องให้ “อ.ป๋า” ไปแก้ให้ไหม?
“มีครับ ผมว่ามีทุกวงการแหละ คนที่แสวงหาผลประโยชน์ มันก็มีความโลภะอะไรต่างๆ ทุกวงการมีหมดครับ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงนะ เพราะด้วยกระแสโลกตอนนี้มันกว้าง คนแค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็มีช่องของตัวเองที่จะทำสื่อออกไป เพราะฉะนั้นสื่อมันจริงหรือไม่จริง คุณภาพหรือไม่คุณภาพเราก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นก็ด้วยความเป็นห่วงนะครับ ผู้ที่รับสารก็ต้องมีวิจารณญาณดูให้ดี วิเคราะห์นิดนึงว่าผลงานเขาเป็นแบบไหน อะไรยังไง จะได้มีภูมิคุ้มครองป้องกันตัวเราเองจากสิ่งเหล่านี้ ส่วนตัวการประกอบพิธีสำหรับผม มันคือการนำพาผู้คนไปสู่แดนบวกด้านความคิดของจิตใจ บางคนอาจจะมีความกังวลในการประกอบธุรกิจ จะออกสินค้าใหม่ เปิดกล้องละครหรืออะไรก็ตามแต่ การประกอบพิธีมันคือกุญแจในการปลดล็อคความกังวล ความคิดลบที่จะเกิดขึ้น และพาผู้คนเหล่านี้ที่มาร่วมในพิธีข้ามแดนไปสู่พลังบวกของจิตใจ จริงๆ กุญแจสำคัญก็ประมาณนี้ ส่วนเรื่องจารีตประเพณีก็คือส่วนที่พร่ำเรียนมาจากครูบาอาจารย์”
เทคนิคในการบูชา หลังจากที่ทำพิธีบวงสรวงเสร็จแล้ว ควรทำยังไงให้ถูกต้อง?
“สำหรับพระพิฆเนศ ท่านเป็นเทพแห่งมหาปัญญา ความคิดบวก สร้างสรรค์ การมองโลกในแง่บวก ความมีจิตใจแจ่มใส มีปัญญาสว่างไสว สิ่งพวกนี้ถ้าเราทำตามพระองค์ได้ มันคือกุญแจไปสู่่ความสำเร็จในทุกสรรพสิ่ง มหาปัญญาจะนำพาไปสู่มหาโภคทรัพย์ มหาโภคทรัพย์ก็คือความสำเร็จในหน้าที่การงาน ทางโลก ทางธรรมต่างๆ มากมาย ไม่ว่าพราหมณ์จะเก่งขนาดไหน ไปตั้งมลฑนพิธีให้คุณศักดิ์สิทธิ์ขนาดไหน แต่ถ้าคุณทำเสื่อมด้วยตัวคุณเอง เทพเทวดาก็ช่วยคุณไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าตั้งดีแล้ว ก็ต้องทำตัวให้ดี จิตใจให้ดีด้วย ดำรงความมงคลนั้นไว้ให้นานที่สุด ด้วยการคิด พูด ทำในแดนบวก ชีวิตคุณก็จะเข้าไปในแดนบวก โดยมีเทพเป็นประจักษ์สักขีพยานว่าคุณทำดีแล้ว คุณต้องได้ดีนะ ขอโชคอำนวยอวยพรเป็นกำลังใจให้คุณ
ผมอยากฝากว่าทุกครั้งที่มีการบวงสรวงตั้งบูชา ให้คุณมีกำลังใจบวก เห็นพระพิฆเนศก็ให้คุณมีกำลังใจ ให้คุณดำรงตนได้ด้วยความคิดอันเป็นบวก ผมว่ามันก็จะเป็นสิ่งที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จได้อย่างง่าย และสว่างไสว ทุกอย่างมีกุศโลบายหมด เทพถ้ามีอยู่จริงก็ดี เพราะเราได้บูชาบวงสรวงแล้ว แต่ถ้าท่านไม่มีอยู่จริง แต่เราเห็นแล้วเรามีพลัง มันก็ดี ถ้าเรามองในแง่ดี ทุกอย่างมันก็ดี แต่ถ้ามันพาไปในแดนลบ อันนั้นไม่ดี อย่าไป อย่าเดินในเส้นทางนั้น อย่าทำ และชีวิตเราก็จะอยู่ในแดนบวก ทุกอย่างก็จะสว่างไสวตามที่เราต้องการครับ
สำหรับเครื่องบวงสรวงต่างๆ สำหรับผมนะ เรื่องที่ผมจะเจออยู่เสมอ ลูกศิษย์จะถามว่า ต้องใช้บทสวดไหนนั่นนู่นนี่ ผมก็จะบอกว่าจริงๆ แล้วเทพฟังออกทุกภาษาแหละ ไม่ต้องบาลีสันสกฤตก็ได้ ถ้าเรามีจิตใจบริสุทธิ์ในการถวายของ แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ก็แล้วกันถ้าเป็นเทพ ก็ถวายพวกผลไม้ ขนมหวานอะไรก็แล้วแต่ แต่การอธิษฐาน ถ้าเราใจบริสุทธิ์ การใช้ภาษาธรรมได้เลย ใช้ดวงจิตของเรา พูดตรงๆ บอกท่านเลย ไม่ต้องสวดอะไรก็ได้ ท่านรับรู้และเข้าใจ ถ้าเรามีจิตแน่วแน่และตั้งมั่น ก็สำเร็จ ส่วนเรื่องของไหว้เราก็รู้ๆ กันอยู่แล้ว ก็มีผลไม้มงคล ของมงคล อย่าไปเอาของแผลงๆ มา ก็แค่นั้น”
สำหรับผู้ที่สนใจอยากนัดคิวหาฤกษ์บวงสรวง ทำพิธีต่างๆ กับ “อาจารย์ป๋า ปุญญาดิศ เถียรวิชิต”สามารถติดต่อได้ที่เบอร์0944694963,0656624599 คุณจอยด์