“อู๊ด เป็นต่อ” เผยธุรกิจร้านชาบูฟื้นแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์ หลังเผชิญโควิด ปิด 70 สาขา แบกหนี้ 10 ล้าน แต่ต้องสู้ ไม่คิดสั้น วอนคนซื้อแฟรนไซส์ ไม่อยากเจ๊งต้องสั่งวัตถุดิบจากตนเท่านั้น อย่าผสมสูตรเองมั่วๆ
เป็นคนบันเทิงอีกคนที่ต้องแบกหนี้สินจำนวนมากถึง 10 ล้าน จากการทำธุรกิจชาบู ในช่วงโควิดระบาดในช่วงแรกๆ ต้องปิดพร้อมกัน 70 สาขาตามนโยบายรัฐบาล แต่ก็สู้เรื่อยมา จนวันนี้ “อู๊ด เป็นต่อ”เผยว่าธุรกิจเริ่มฟื้นขึ้นมาได้ 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว ถึงมีหนี้แต่ก็สู้ต่อไป
“ก่อนจะเล่าเรื่องร้าน ขอขอบคุณแฟนๆ พี่ๆ สื่อทุกสำนักเลย และแฟนๆ ที่เป็นกำลังใจให้อู๊ดนะครับ ตอนนี้เรียกว่าฟื้นขึ้นมาในระดับที่ดีขึ้น โอเคครับในช่วงโควิด ที่เขามีคำสั่งว่าร้านที่เป็นห้องแอร์ต้องปิด แล้วร้านเราเป็นห้องแอร์ซะทั้งหมดต้องปิด ปิดจริงๆ โดยไม่มีกำหนดด้วย ก็ปิด เราให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ตอนนั้นก็ 70 สาขา ปิดหมด ตอนนี้ในส่วนที่เปิดอยู่ของอู๊ดเองก็ 4 สาขา มีหทัยราษฎร์ ลาดปลาเค้า มหาชัย อีกสาขาหนึ่ง ศรีเทพ เพชรบูรณ์
ที่ถูกสั่งปิดที่แรกก็ที่มหาชัย แล้ววัตถุดิบเราก็เก็บไว้ที่นั่นส่วนใหญ่ เป็นโกดัง ที่เป็นห้องเย็นห้องแข็ง คือใช้ไม่ได้เลยน่าจะประมาณ 10 ล้าน ของที่เราเผื่อไว้กับความต้องการว่ายังไงก็ต้องเหลือ พอมีประกาศปุ๊บก็ตัวเบาเลย”
เป็นหนี้ทันที แต่ต้องสู้ ไม่คิดสั้น
“ไม่ต้องห่วงครับผม (หัวเราะ) เป็นหนี้ครับ แต่เรารู้ว่าการลงทุนมีความเสี่ยงอยู่แล้ว เป็นหนี้ยังไงเราก็ต้องสู้ เราไม่คิดสั้นแน่นอนไม่คิดในทางลบ เราเป็นหนี้เราจะผ่อนชำระยังไง เราค่อยๆ ผ่อนไปเจ้านี้เท่านี้ๆ ค่อยๆ เพราะการประนีประนอมหนี้จากเจ้าหนี้ หรือจากลูกหนี้ ลูกหนี้เราก็มีนะ แต่เราเข้าใจก็มีการประนีประนอมนี้กัน ก็ผ่อนให้เขา แต่ก็ต้องผ่อนตรง รักษาคำพูดรักษาเครดิตด้วย
ตอนนี้คลี่คลายได้ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว ที่ผ่านมาทำงานใช้หนี้ 10 ล้านครับ การเป็นหนี้มันก็คือเงินหมุนในธุรกิจ มันไม่สามารถเอามาใช้ได้ พอธุรกิจพับลงก็เลยทำให้เงินมันหายไปเลย ก็อยู่ตามร้านตามสาขา มาวัตถุดิบโน่นครับ”
ลุยต่อไม่ทิ้ง ขายแฟรนไชส์เพิ่ม
“แฟนๆ และลูกน้อง พนักงานบอกว่าพี่ทำเลย ผม-หนูยังไม่เอาเงินเดือน ให้ร้านไปได้ต่อก่อน ร้านมีปิดไปบ้างแล้ว แต่สำนักงานยังมีการประชุมว่าจะเอายังไง จะเปลี่ยนแผนรับมือยังไงดี จัดการยังไงดี ก็หาทางแก้ไข พัฒนาให้มันดีขึ้น แล้วมีสาขาที่เป็นแฟรนไชส์บอกมาว่าอยากเปิดอีกได้ไหม ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรอีก ก็บอกไม่ต้องเสีย เปิดเลย เซ็ตระบบใหม่ ขายของต่อได้เลย ยังเปิดแฟรนไชส์อยู่ ล่าสุดก็เพิ่งเปิดสาขาสิชล นครศรีธรรมราช และกำลังจะเปิดที่ตะกั่วป่า อยู่ในช่วงก่อสร้างอยู่ ไปด้วยตัวเองทุกที่ เราเป็นคนดูแลหน้าบ้านมากกว่า หลังบ้านทีมงานกับภรรยาดูแล เราเป็นสื่อไปครับ”
วอนคนซื้อแฟรนไชส์ ต้องสั่งวัตถุดิบจากตนเท่านั้น อย่าผสมสูตรมั่ว
“มี อันนี้จริงเลย คือเอาชื่อไปใช้แล้วไม่สั่งวัตถุดิบจากเรา ทำให้คุณภาพมันเพี้ยน มันเปลี่ยนไป เราควบคุมคุณภาพประมาณนี้แต่พอเขาไปซื้อของตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทันก็จะได้เนื้อ-หมูคุณภาพไม่เหมือนกัน
เราก็มีการเตือนครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ถ้าไม่สั่งเลยก็ต้องขออนุญาตยกเลิกสัญญา ถามว่าอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไหม ไม่ได้อยากให้เกิดเลย การที่เราเปิดสาขาแต่ละสาขา แฟนๆ จะแน่นมาก แห่กันมาอุดหนุน เราก็คืนกำไรให้ด้วย ชอบรสชาติแบบนี้ๆ แต่พอเปิดไปสักพักมีการลดต้นทุน บางคนทำอาหารเป็นอยู่แล้ว ก็เอานั่นนี่ออก ไปหาซื้อนั่นนี่ที่นี่ บอกเลยนะครับว่าอยู่ได้ไม่นานหรอก คนมารับประทานเขารู้ เขาไม่พูดไม่บอกไม่กล่าวเขาหายไปเลยนะ เสียชื่อเราด้วย
ก็พยายามแก้ข่าวกัน แล้วก็มีคอมเมนต์แรงๆ เลยนะ เราก็ไม่เคยเถียง ก็น้อมรับครับ ตรวจสอบให้ครับ ก็เกิดจากการผิดพลาดจากเราด้วย พอเราไปตรวจสอบเขาก็ใช้ของทางร้านอยู่ดี (หัวเราะ) ไม่ใช่แค่เฉพาะของอู๊ดนะ แฟรนไชส์อื่นๆ ก็เหมือนกัน ถ้าไม่ใช้วัตถุดิบของร้านที่เราคิดสูตรมา เราไม่ได้ผสมกันเล่นๆ มีการวัด ชั่ง ตวง ทุกอย่างเป็นสูตร แล้วของเรา อาจารย์สอนคหกรรมเป็นคนคิดสูตรให้ ซึ่งคือคุณป้าผมเอง เราไม่ได้ผสมมั่วๆ ดังนั้นแล้ววิงวอนเลยนะครับ ใครที่ซื้อแฟรนไชส์ไป ขอให้รักษาคุณภาพและทำตามนโยบายที่เขากำหนดไว้เถอะ รับรองลูกค้าไม่หนีไปไหนแน่นอนครับ”
หม่าล่าทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ “ชาคริต แย้มนาม” ยังยกให้เป็นที่หนึ่ง
“นี่จะบอกให้นะ ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ บอกเลยว่าหม่าล่าของเรานะ น้ำซุปใช้หม่าล่าจากเสฉวนสูตรตรงจริงๆ จังๆ เลย ชาคริต (ชาคริต แย้มนาม) ยังบอกว่าของพี่ให้ที่ 1 เลย เอ้ ชาคริตโกหกรึเปล่า อยากรู้ต้องลองไปชิมนะครับ(หัวเราะ) เรามีก่อนเพื่อนด้วยซ้ำ มีนานแล้วครับ”