ทำเอาบรรดาด้อมเชียร์กันสุดลิ่มทีเดียว เมื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" จากพรรคก้าวไกลไปออกรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ก่อนเผยถึงรสนิยมการดื่มของตนเอง พร้อมยกตัวอย่างเหล้าบางยี่ห้อ ที่มีโอกาสเติบโตมีชื่อเสียงได้ภายใต้นโยบายสุราก้าวหน้าของพรรค
กระทั่งมีรายงานในเวลาต่อมาหนึ่งในเหล้าไทยที่เจ้าตัวระบุว่าชอบดื่มเป็นประจำที่มีชื่อว่า "สังเวียน" นั้นถูกซื้อไปถึงกับขาดตลาดกันเลยทีเดียว
นอกจากเหล้ายี่ห้อดังกล่าวแล้วเจ้าตัวยังระบุถึงแบรนด์เหล้าอื่นๆ อย่าง Kilo จากกระบี่, ฉลองเบย์ จากภูเก็ต, Iron Balls จากกรุงเทพฯ และหมาใจดำมาจากเชียงใหม่ พร้อมบอกด้วยว่านโยบายเหล้าเสรีจะทำให้เหล้าไทยมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 2 เท่า, ที่ไม่สามารถส่งออกต่างประเทศได้ก็ส่ง และนโยบายนี้ยังเป็นการช่วยชาวเกษตรที่ปลูกพืชเพื่อมาเป็นวัตถุดิบในการทำสุรามีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย
“ตอนนี้เหล้าส่งออกต่างประเทศไม่ได้ ถ้าปลดล็อคเรื่องสุราก้าวหน้าได้ ก็อาจจะเพิ่มกำลังการผลิตได้เป็น 2 เท่า ซึ่งนี่ก็เป็นอีกนโยบายเศรษฐกิจที่ทำให้สินค้าเกษตรกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มราคาได้รวดเร็วขึ้น"
"ช่วงที่เกิดโควิดระบาดและทำให้ไม่สามารถไปดื่มที่ร้านได้ โฆษณาไม่ได้ ก็ทำให้ขาดช่องทางในการทำงาน ผู้ค้ารายใหญ่จะมีเงินมากพอที่จะไปจ้างเอเย่นที่สิงคโปร์และยิงโฆษณามาในโซเชียลมีเดียเพื่อโฆษณาสินค้าได้อีกที แต่ของคนไทย ไม่มีใครมีงบประมาณที่จะทำเช่นนั้น"
"สินค้าต่างๆ ที่เป็นน้ำดื่มยี่ห้อเดียวกัน รายใหญ่จะมีกำลังมากพอที่จะทำ Port Folio เพื่อให้สินค้าติดตลาด แต่สังเวียนก็ดี Kilo ก็ดี ฉลองเบย์ก็ดี ไม่มีโอกาสจะทำแบบนั้น”
อย่างไรก็ตาม หากมองถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่เป็นอยู่ในบ้านเรา ณ ตอนนี้ก็ต้องบอกว่าสิ่งที่เจ้าตัวพูดนั้นมีทั้งถูกและผิด
ไม่ว่าจะเป็นในกรณีของแบรนด์อย่าง "ฉลอง เบย์” (Chalong Bay) นั้นต้องถือว่าเป็นแบรนด์ดังอยู่แล้ว โดยเกิดขึ้นมาจากผู้หญิงชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งที่ติดอยู่บนเกาะตอนเกิดภัยพิบัติสึนามิ ด้วยความที่เธอได้รับความช่วยเหลือและดูแลจากคนไทยเป็นอย่างดีจึงเกิดความประทับใจ ก่อนไปชักชวนแฟนหนุ่มชาวฝรั่งเศสที่ครอบครัวทำธุรกิจผลิตแชมเปญมาตั้งโรงกลั่นร่วมกับนักธุรกิจคนไทย
ปัจจุบัน “ฉลอง เบย์ รัม” ส่งออกไปขาย 14 ประเทศทั่วโลก ทั้ง อันดอร์รา, ฝรั่งเศส, อิตาลี, สิงคโปร์, เยอรมนี, สเปน, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ฮ่องกง, โปรตุเกส, สหราชอาณาจักร, สวีเดน, เช็ก และออสเตรเลีย นอกจากนี้ยังการใช้พื้นที่บริเวณโรงกลั่นเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องการผลิตเหล้ารัมในประเทศไทยอีกด้วย (อ่านเรื่องประกอบ : Chalong Bay รัมออร์แกนิกที่คนไทยควรรู้จัก)
ส่วนอีกแบรนด์ที่นายพิธาพูดถึงก็คือ Iron Balls แบรนด์นี้คนทำก็คือสถาปนิกชาว Australia ที่ชื่อ Ashley Sutton ปัจจุบัน Iron Balls ที่ได้รับความนิยมจากนักดื่มก็มีทั้งประเภท Gin และ Vodka ถือเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่แล้ว โดยว่ากันว่าชาวออสเตรเลียคนนี้ใช้เวลาในการขอใบอนุญาตเพื่อตั้งโรงกลั่นในบ้านเรานานถึง 31 ปีกันเลยทีเดียว
ขณะที่วัตถุดิบแม้จะมีการใช้ผลผลิตจากประเทศไทย อาทิ มะม่วง มะพร้าว สับปะรด ฯ ทว่าบางส่วนก็มีการนำเข้ามาจากต่างประเทศด้วยเช่นกัน เช่น ข้าว Winter Rye จากเยอรมัน
ที่น่าสนใจก็คือในขณะที่แด๊ดดี้ส้มพูดถึงเรื่องนี้ บรรดาด้อมส้มเองกลับพากันไปถล่มไวน์ไทย สัญชาติไทย ที่เกิดจากฝีมือคนไทยแท้ๆ และดังไปทั่วโลกอย่าง "กราน-มอนเต้" โทษฐานที่ทำให้แด๊ดดี้ฝันสลายกรณีระบุว่าอยากเห็นเหล้าไทยไปเสิร์ฟในเวทีการประชุมระดับโลก ทั้งๆ ที่ไวน์ยี่ห้อดังกล่าวได้ทำหน้าที่ตรงนั้นมาแล้วในการประชุมเอเปกเมื่อปี 2022 (อ่านเรื่องประกอบ : “กราน-มอนเต้” ไวน์ไทยชื่อดังแจงข้อเท็จจริง หลังโดนอันธพาลโซเชียลระราน เพราะเสิร์ฟผู้นำเอเปคก่อนฝันของ “พิธา”)
บางส่วนเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าจริงอยู่ที่ข้อกฏหมายบางอย่างอาจจะเป็นอุปสรรค ทุนอาจจะเป็นปัญหา แต่การที่แบรนด์ๆ หนึ่งจะมีชื่อเสียงนั้น เรื่องภูมิปัญญา ความรู้ ความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ ถือเป็น "ตัวตั้งต้น" ที่สำคัญ ยังไม่นับรวมระยะเวลาที่จะทำให้นักดื่มเองยอมรับ
งานนี้ก็เลยส่งผลให้แคนดิเดตนายกฯ คนนี้ต้องถูกวิจารณ์อีกครั้งว่าสิ่งที่เจ้าตัวกล่าวอ้างต่างๆ นานา ถึงประโยชน์ของนโยบายนี้โดยไม่พยายามมองข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการทำลายระบบทุนนิยมผูกขาด, เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า, ส่งเสริมการท่องเที่ยว, เพิ่มนักธุรกิจ(เหล้า)รายย่อย, เพิ่มการส่งออก ฯ ล้วนเป็นเพียงวาทกรรมเพื่อเรียกคะแนนเสียงให้พรรคตัวเองได้ผลประโยชน์เท่านั้น