“กระติ๊บ” เตรียมเดินสายประกวดสักลาย และประกวดทำอาหาร เผยชีวิตคนเราไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ อยากทำอะไรให้รีบทำ
“กระติ๊บ ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล” ทั้งสวยทั้งเก่งเลยทีเดียว นอกจากจะมีฝีมือในการสักลายจนโด่งดังแล้ว ล่าสุดกิ๊บยังได้ประกวดทำอาหารระดับ Professional chef ครั้งแรกในชีวิต และคว้าเหรียญเงิน ประเภท Real California milk pizza challenge รุ่น Professional chef มาครอง ด้านงานสาธารณะเจ้าตัวก็ยังลงเข็มสักฟรีให้ผู้บริจาคร่างกายกับสภากาชาดไทยด้วย ซึ่งเจ้าตัวก็ได้เปิดเผยถึงการลงแข่งขันครั้งนี้ว่า
“คือติ๊บไม่รู้ว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้ายของติ๊บ ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต แล้วติ๊บไปเจอคำหนึ่งมา มีคนบอกว่าเวลาทำอะไร ให้คิดว่า Now or Never ตั้งแต่ติ๊บรู้จักคำนีั ติ๊บรู้สึกว่าจะลองให้ทุกอย่างเลย จะบ้งก็ช่างมัน จะดีก็ช่างมัน แต่อย่างน้อยได้ลองอย่าจำกัดตัวเอง บางคนบอกว่า ทำไปทำไม ไม่เสียเวลาเหรอ หรือชีวิตตรงนี้ก็โอเคอยู่แล้วหนิ คือทำไมเราต้องเอาความคิดคนอื่นมาครอบงำเรา ในเมื่อเรารู้ตัวเองว่า เราสามารถเป็นทุกอย่างที่เราอยากจะเป็นได้ แค่เราจริงใจกับหัวใจตัวเอง กว่าจะมาประสบความสำเร็จ ติ๊บผิดพลาดมาหลายอย่าง หลายๆ อย่างเราเละเทะไปหมด แต่ให้มันมีบางอย่างที่เราทำแล้วประสบความสำเร็จ ติ๊บรู้สึกว่ามีชีวิตครั้งเดียว สนุกกับมันให้สุดๆ ไปเลยค่ะ”
“ก็มาแขงกันทั้งหมด 11 ประเทศ ติ๊บแข่งในหมวดของพิซซ่า เพราะชะล่าใจสมัครช้า แล้วเหลือพิซซ่าอย่างสุดท้าย เลยพิซซ่าก็พิซซ่า แล้วคือต้องรีดแป้งเอง กว่าจะกลมเสียน้ำตาไปหลายหยด คือเราเคยทำมาบ้าง แต่ไม่ได้ทำจริงจังขนาดนั้น”
“ติ๊บเคยประกวดการทำอาหารในทีวีมาแล้ว แต่วันนี้อยากจะลงสนามจริง ที่คนตัดสินเป็นสมาคมเชฟของประเทศไทย จาก World Association Chefs ของโลก เหมือนวัดให้รู้ไปเลยว่า เราอยู่เลเวลไหน จะได้ไม่ต้องคาใจ แล้วติ๊บโชคดีที่มีคนซัปพอร์ตรอบตัวที่ดี ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คุณครู และเพื่อนๆ ซึ่งติ๊บชอบเกณฑ์การตัดสินของเขามาก เวทีนี้มันไม่ได้มีเหรียญทอง เหรียญเงิน เหรียญทองแดง คือไม่ได้มีแค่ 3 คนเท่านั้นที่ได้ที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 แต่เดินเข้าสนามไป ทุกคนมี 100 คะแนนเท่ากัน อยู่ที่ว่าคุณจะเก็บคะแนนไม่ได้แค่ไหน แต่รอบที่ติ๊บแข่งไม่มีใครได้เหรียญทองเลย มีแค่ติ๊บกับทีมชาติมองโกเลีย ที่ได้เหรียญเงินกัน 2 คน”
“ก็เรียกว่าได้ที่ 1 แต่เป็นเหรียญเงิน เพราะเราไม่สามารถทำได้ถึงเกณฑ์ที่กรรมการวาดไว้ว่าได้เหรียญทอง คือเวทีนี้เป็นฝันที่ไม่กล้าฝัน”
คุณแม่ก็เป็นเชฟ เรียกว่าได้รับการถ่ายทอดจากคุณแม่
“คือคุณแม่ติ๊บเป็นเชฟค่ะ โตมากับแวดวงอาหารอยู่แล้ว เลยรู้สึกขอบคุณที่แม่ค่อยให้เราปอกหอมแกะกระเทียม ขูดเกร็ดปลา มันเหมือนเราได้พื้นฐานมาโดยไม่รู้ตัว”
ต่อไปจะเดินสายประกวดทั้งการสักลายและเชฟ
“ก็มีอีกหลายด้านนะ สำหรับติ๊บรู้สึกว่าการแข่งขันเป็นความสุขและความสนุก ฉะนั้นก็จะทำต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ เป็นคนชอบการแข่งขัน ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากนี้ มันจะต้องเป็นเวทีที่ใหญ่กว่านี้ ในทั้งสองด้านเลย ทั้งเรื่องการสักและการเป็นเชฟ ปีนี้รอฟังได้เลยค่ะ”