“อาไท กลมกิ๊ก” เปิดใจเมื่อ 5 ปีก่อนทะเลาะกับพ่อจนไม่คุยกัน 6 เดือน แยกบ้านมาอยู่ออฟฟิศ หลังจากที่ขอพ่อบริหารเงินเอง สุดท้ายพิสูจน์ตัวเองและกลับมาดีกัน ลั่นอนาคตไม่อยากเป็นตลกตกอับ
ออกมาเล่าเรื่องราวชีวิตภายในครอบครัว เรื่องขอพ่อบริหารเงินเอง จนทำให้ทะเลาะกัน แยกบ้าน ไม่คุยกันนานหลายเดือน สำหรับ “อาไท กลมกิ๊ก” สุภทัต โอภาส ล่าสุดเจ้าตัวได้เปิดใจพร้อมคุณพ่อ เผยเป็นเรื่องเก่าเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนนี้กลับมาคุยกันแล้ว
อาไท : “เรื่องนี้ประมาณ 5 ปีได้แล้ว ตอนนั้นอายุ 17 ปี เราอยากจะบริหารเงินด้วยตัวเองเท่านั้นเอง แต่คุณพ่อเขาก็เป็นห่วง เห็นว่าเรายังเด็ก เขาก็ยังไม่เชื่อใจเรา สุดท้ายเวลาก็จะเป็นตัวตัดสินว่าเราทำมันได้ดีแค่ไหน ผมไม่ค่อยไฝว้ครับ ใช้การไม่พูดคุย แยกกันอยู่ไปเลยช่วงนั้น เราเลือกที่จะไม่คุย แยกออกมาอยู่ที่ออฟฟิศ”
พ่อ : “ปกติเราดูแลเขา ตัวเราเองก็มีรายได้ของเรา พอเขาโตมาหน่อยเขาก็มาบอกว่างานต่างๆ เขาขอรับเอง เราด้วยความเป็นห่วงลูก กังวลว่าเพื่อนที่สังคมยูทูบเบอร์จะดีไหม ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักใครก็เลยเป็นห่วง เขาก็เลยทำให้เห็น แต่ที่เราคิดได้คือ เรามาย้อนดูตัวเอง ตอนที่เราออกจากบ้านมาก็อายุ 14 เรายังอยู่รอดมาได้จนถึงตอนนี้ 38 แล้ว ลูกก็คงได้เชื้อเราแหละ เราก็เป็นห่วงลูกมากเกินไป ถามว่าตอนนั้นโกรธไหม ก็ไม่ขนาดนั้น เขาอยากจะดูแลเงินเขาเอง เราก็ให้เขาลอง ก็ไม่คุยกันประมาณ 6 เดือน แต่เราก็ยังดูแลคิวให้ตลอดจนถึงตอนนี้ แต่เรื่องเงินให้เขาไปรับเอง”
อาไท : “พอผ่านไปนานๆ เข้าสุดท้ายก็กลับมาคุยกันไปเอง เราแค่อยากดูแลเงินเรา ไม่ใช่ว่าเราอยากจะออกมาดูแลตัวเอง เราก็ยังจะดูแลครอบครัวอยู่เหมือนเดิมนี่แหละ แต่เราอยากดูแลเอง บริหารเอง”
เผยเรียนการเงินก็อยากบริหารเงินเอง
อาไท : “ใช่ครับ เรื่องการเงินเป็นเรื่องที่ทุกคนควรศึกษา ถ้าเราบริหารไม่ดี เราก็พังได้ พอเราเรียนมาแล้วเราก็อยากจะบริหารเงินด้วยตัวเอง ก็เลยเป็นสาเหตุที่ขอเงินมาบริหารเอง ผมมองว่าคนที่รวยมากๆ ถ้าเขาบริหารไม่ดี มันก็หมดได้ คนที่ไม่มี เขาก็เรียนรู้ หาวิธีบริหารมัน ซักวันเขาก็มีขึ้นมาจนได้”
ไม่อยากเป็นตลกตกอับ แก่ตัวแล้วไม่มีงาน ต้องนอนรอลูกหลาน
อาไท : “ผมเคยคุยกับลุงรงค์ (จตุรงค์ มกจ๊ก) ว่าผมไม่อยากเป็นตลกที่พอแก่ตัวแล้วไม่มีงาน นอนรอลูกหลาน ผมอยากมีลูกมีหลานที่ต่างคนต่างดูอยู่กันได้ด้วยตัวเอง”