การตลาดสร้างภาพ(ว่ารวย) ของ "เม พรีมายา"

เป็นที่ฮือฮาทีเดียวกับการถูกดำเนินคดีของ นส.พิชญ์รี ตันติวิทย์ หรือที่คนในสังคมออนไลน์รู้จักกันในชื่อของ "เม พรีมายา" เจ้าของแบรนด์ PRIMAYA ในข้อหาทุจริตหรือโดยหลอกลวงฯ

ที่ผ่านมาภาพที่หลายคนเห็นเจ้าตัวผ่านโลกสังคมออนไลน์อาจจะรู้สึกเหมือนๆ กันว่าเธอคือผู้หญิง สวย รวย เก่ง ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย และนั่นก็คงเป็นสิ่งที่เธออยากให้คนเห็น

แต่ในขณะเดียวกัน เชื่อว่าคงจะมีหลายคนที่รู้สึกเหมือนกันว่าการโพสต์โชว์ของเธอ ทั้งเอาเงินสดมากอง ของแบรนด์เนม ภาพกินหรูอยู่ดี เหล่านี้ หาใช่ไลฟ์สไตล์จริงๆ แต่เป็นการตั้งใจอวดเพื่อหวังผลอะไรมากกว่า

ทั้งนี้หลังข่าวการถูกดำเนินคดีออกมาหลายคนต่างก็พากันจับผิดคำพูดและคำโฆษณาโอ้อวดของเจ้าตัวกันยกใหญ่

ไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่ทำให้เธอถูกดำเนินคดีโดยอ้างว่าลงทุน 6 พันก็สามารถหาเงินได้ 15 ล้าน ทั้งๆ ที่งบการเงินปี 64 ของบริษัทนั้นระบุว่ามีกำไรสุทธิ 8 ล้านบาทกว่า(ซึ่งเป็นกำไรสูงสุดของบริษัทที่มีการแจ้งงบฯ)เท่านั้น

นอกจากนี้เมื่อย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วเจ้าตัวกับสามีนายสิทธานต์ สรรเสริญ หรือ "แซค" ก็เคยถูกดพเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันจำหน่าย และมีไว้เพื่อจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภทที่ 1 (ไซบูทรามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต” มาแล้ว

โดยในตอนนั้นทั้งสองต่างให้การปฏิเสธในชั้นจับกุม พร้อมอ้างว่าเป็นการว่าจ้างโรงงานแห่งหนึ่งทำการผลิตให้ ทั้งๆ ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าตัวมักจะคุยว่าตนเป็นเจ้าของโรงงานผลิตอาหารเสริมและเครื่องสำอางที่เป็นของตนเองรวมถึงทำให้กับแบรนด์อื่นๆ ด้วย

ยังไม่นับการทำตลาดของเธอที่ดูส่วนใหญ่ไม่ได้เน้นเรื่องของการขายผลิตภัณฑ์ แต่มุ่งเน้นการใช้วิธีการสร้างภาพที่ดูดี อวดอ้างถึงความสำเร็จของตนเอง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือชักชวนให้คนมาร่วมทุนเสียมากกว่า

ตรงนี้ยืนยันได้จากหนึ่งในคลิปที่เจ้าตัวโพสต์ซึ่งเธอเองระบุว่างานหลักๆ ของเธอส่วนใหญ่ในแต่ละวันก็คือการถ่ายภาพเพื่อทำคอนเทนต์ให้คนติดตามนั่นเอง

ไม่เพียงเท่านั้น ที่ผ่านมาเรายังพบว่าเธอเองดูจะเน้นให้ความสำคัญกับการหา "ตัวแทนจำหน่าย" เป็นอย่างมาก

โดยในช่วงเดือนเมษายนของปีที่ผ่านมาก็มีข่าวว่าเธอเองได้มีการเซ็น MOU กับ Primya Prime Medical Center ซึ่งมีข่าวว่าหนึ่งในหุ้นส่วนของคลีนิกดังกล่าวก็คือนักร้องลูกทุ่งหญิง "ใบเตย สุธีวัน กุญชร" พร้อมทุ่มเงินกว่า 10 ล้านบาทเพื่อให้ตัวแทนจำหน่ายอารหารเสริมของตัวเองที่มีในระบบกว่า 10,000 คนไปทำศัลยกรรมโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

เรียกว่าเป็นการทำการตลาดที่เหนือชั้นและเป็นซีอีโอที่ใจปล้ำสุดๆ ถึงขนาดลงทุนเปิดคลีนิกขึ้นมาเพื่อทำสวยให้กับตัวแทนจำหน่ายของตนเองเช่นนี้