xs
xsm
sm
md
lg

“ณเดชน์” เปิดตำนานผู้บ่าวคลั่งรัก ที่นั่งบนรถตู้ข้างๆ “ญาญ่า” ต้องกูเท่านั้น! ใช้ความรักเดิมพันชีวิตจนมีกันและกันในวันนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เป็นอีกครั้ง ที่ทำให้แฟนคลับ NY น้ำตาไหล หลังได้เห็นการสัมภาษณ์อย่างเปิดใจถึงเส้นทางความรัก จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ระหว่าง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” และ “ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์” โดยในรายการ On That Day ทางช่อง The Standard Pop ทั้งคู่ได้เผยจุดเริ่มต้นความรัก และการจับมือกัน จนมีกันและกันอย่างทุกวันนี้ น่ารักจนอดยิ้มไม่ได้เลยทีเดียว

ความชอบในการแสดง
ณเดชน์ : ไม่เลย ศูนย์เลย ให้ทำอะไรก็ทำ แต่เขาคงมีวิธีการตัดต่อช่วย แต่เราชอบการอยู่สังคมกองถ่าย มีแต่เสียงหัวเราะ

ญาญ่า : ตอนนั้นเคยเจอเขาแค่ตอนแฟชั่นโชว์ หลับอยู่ข้างหลัง ตอนนั้นเล่นกุหลาบไร้หนาม โมเมนต์แรกที่เหยียบมาในโลกใหม่ โชคดีมากๆ เป็นประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่ครั้งแรก ผู้ใหญ่ทุกคนน่ารักมากๆ คอยช่วยทุกอย่าง ภาษาไทยไม่แข็งแรง พูดไม่ได้เลย ต้องอัดเสียงตัวเองและเอามาฟังทุกคำเพี้ยนหมดเลย มันยากมาก เล่นโตกว่าตัวมากๆ ก็ต้องพยายามต่อไป แต่ทุกอย่างก็ว้าวสุดๆ ไปเลย

ความสัมพันธ์เริ่มต้นในละคร “ดวงใจอัคนี”
ญาญ่า : ได้คุยและรู้จักกันตอนแคสติ้ง ทุกคนไปแคสเรื่องนี้ที่ช่อง 3 นั่งต่อหน้าผู้กำกับหลายๆ คน

ณเดชน์ : สิ่งแรกที่ผมเดินเข้าไปในห้องแคสติ้ง ผมเดินเข้าไปหาพี่หมาก (ปริญ สุภารัตน์) พี่บอย (ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์) ทันที เพราะผมรู้สึกว่านั่นคือผู้ชาย ต่อให้ไม่รู้จักมากมากขนาดไหน แต่แน่ๆ ผมรู้จักพี่หมาก ไปอยู่ตรงนั้นแล้วถามว่ามันทำอะไรบ้าง แคสติ้งอะไรวะ (หัวเราะ) พวกสาวๆ นั่งอยู่อีกฝั่ง ญ่าก็อยู่ มีคิม (คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ) มิ้นต์ (ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง) พี่มาร์กี้ (ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์) เขาก็ให้มาเล่นกับทีละคน สลับไปสลับมา สลับคนนี้เล่นกับคนนี้ เพื่อให้ผู้จัดดูความหลากหลายของเคมี ญาญ่าจะตามมาอีกที

ญาญ่า : จริงเหรอ ของหนูเขาจับเล่นกับพี่แบร์เลย ไม่ได้ต่อบทกับคนอื่นๆ

ณเดชน์ :เขาใส่กระโปรงลูกไม้สีๆ หน่อย เสื้อยืดสีดำ เด็กมาก ตัวเล็กนิดเดียว ผมรู้สึกว่าทำไมโคตรเด็กเลย แต่แอบเขินอยู่ เกร็ง ป้าแจ๋ว ยุทธนา กับพี่แหม่ม ธิติมา ก็ให้ลองเข้าคู่คุยกันดู

ญาญ่า : จำได้ว่าโห เล่นดีจัง เก่ง

ยังไม่สปาร์ก
ญาญ่า : ไม่ ตอนนั้นเครียดมาก แต่ไม่ได้อวยนะ รู้สึกว่าจังหวะมันถูกกันมากๆ

ณเดชน์ : ตอนนั้นมันทั้งตื่นเต้น ทั้งมีเรื่องให้คิดเยอะ กลัวไม่ได้งานด้วย (หัวเราะ) ตอนเปิดกล้องถ่ายที่ฟาร์มโคนม สระบุรี ผมประมาณ 10 เทป

ญาญ่า : หนูอยากกลับบ้าน พี่คนนี้เขาไม่ได้สักที จนหนูงับคำเขาตลอด งับไดอะล็อกพี่แบร์ให้ตลอดเลย

ณเดชน์ : เขาพยายามช่วย (หัวเราะ)

ช่วยดูแลเหมือนน้องคนหนึ่ง
ณเดชน์ : ผมพยายามช่วยดูแลเขา กินข้าว นั่งเก้าอี้ บางทีไปเช็กเทปหน้ามอนิเตอร์ แต่พอเขาเดินเข้ามาก็จะบอกว่านั่งเลยๆ กำแพงที่กั้นๆ แล้วทำให้การแสดงไม่ไปข้างหน้า มันเหมือนเป็นเพื่อนที่ทำงานร่วมกันได้จริงๆ ช่วยเหมือนน้องคนนึง แต่ปิ๊งๆ แอบชอบเลยไหม ตอนนั้นยัง

ญาญ่า : โกหก (หัวเราะ)

ณเดชน์ : ไม่ได้โกหก ถ้าทุกวันนี้กลับไปมอง เกมร้ายเกมรักชัดเจนที่สุดในตอนนั้น

เริ่มชอบจากเกมร้ายเกมรัก ถูกคนในกองแซวยับจนร้องไห้
ญาญ่า : ตอนที่ถ่ายเรื่องนี้เขาไม่คุยกับหนูเลย 2-3 คำต่อวัน เงียบมากๆ เหมือนจะร้องไห้ด้วยครั้งนึง พี่บอย พี่หมาก พี่อั้ม (อธิชาติ ชุมนานนท์) มาแซวหนูว่ามีผู้ชายคนนึงอยากจับมือ แต่หนูไม่เข้าใจสิ่งนี้ ไม่ชอบให้คนมาแซวในทางนั้น จำได้ว่าร้องไห้ ตอนที่ไปกองพี่อ๊อฟ (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) เรื่องสุดท้าย

ณเดชน์ : ตอนนั้นชอบแล้ว

ญาญ่า : ตอนนั้นเราก็รู้สึกแย่นิดหน่อย (หัวเราะ) ไม่ชอบโดนแซว

ณเดชน์ : ผมก็ผู้ชาย ปรึกษา แต่ไม่ได้ขนาดนั้น

ปรากฎการณ์คู่ขวัญแห่งปี
ณเดชน์ : มันเกิดขึ้นตอนละครออนแอร์ จากนั้นเราได้กลับมาทำงานกันอีก งานถ่ายโฆษณา อีเวนต์ต่างๆ

ญาญ่า : เจอกันเกือบทุกวัน เราทำงานเยอะมากในช่วงนั้น

ณเดชน์ : ตอนนั้นผมรู้สึกสนุก

ญาญ่า : เอาจริงๆ ถ้าย้อนกลับไปคิด ทุกอย่างมันเบลอๆ นิดหน่อย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก อารมณ์เหมือนเกิดขึ้นข้ามคืน กดดันเพิ่มขึ้น

รับมือกับชื่อเสียงไม่ค่อยถูก ปรับตัวไม่ค่อยทัน
ญาญ่า : ของญ่ามีอันเดียวเลยค่ะ เหนื่อย (หัวเราะ) เพราะทำงานเยอะมากๆๆ จริงๆ อันเดียวที่ปรับตัวไม่ได้คือเหนื่อย (หัวเราะ)

ณเดชน์ : มีแค่ตื่นเช้าตี 4 รถตู้มารับไปถ่ายละครที่เขาใหญ่ รู้สึกว่าทำไมต้องมาทำงานอะไรแบบนี้วะ ไม่อยากได้ตังค์แล้ว (หัวเราะ) อยากใช้ชีวิตแบบเด็กมัธยม มหาวิทยาลัย อยากไปเที่ยว จบม. 6 ไม่มีโอกาสได้ไป เราก็ต้องเก็บบางอย่างตลอดเวลา เปิดฝักบัวร้องไห้อยู่ในห้องน้ำ น้ำตาซึมออกมา อะไรวะเนี่ย ทำไมต้องทำอะไรขนาดนี้วะ จำเป็นหรือเปล่า

ญาญ่า : เป็นเหมือนกันค่ะ ตอนนั้นเรียนก็ยากมาก แล้วญ่าเป็นพวกเพอร์เฟกต์ชั่นนิสต์ ทำอะไรแล้วอยากทำให้ได้ แล้วรู้สึกว่ามันไม่ดีสักอย่าง เพราะเราให้เวลาแต่ละอย่างเต็มที่ไม่ได้

ณเดชน์ : สิ่งที่ทำให้เราทำงานต่อไป ผมคิดถึงครอบครัว ป๊าเริ่มปิดบริษัท เกษียณตัวเอง รายได้หลักๆ ก็ต้องเป็นผม มันเป็นอะไรที่ตัดสินใจได้ไม่ยาก เรามีงานต้องทำอยู่อีกเยอะ ไม่กี่นาทีก็กลับมาเป็นณเดชน์ที่ต้องไปกองละครทุกเช้า

ญาญ่า : มันเป็นโมเมนต์ที่ลงจากรถ ตั้งแต่นั่งอยู่ในรถจากบ้านถึงหน้ากอง จะทำตัวเหมือนเด็ก แต่พอไปถึงหน้ากอง ก็โห มนุษย์ร้อยกว่ามนุษย์อยู่ตรงนี้ ความรับผิดชอบครอบงำทุกอย่าง

เล่าอย่างเขิน มีแรงไปทำงานเพราะจะได้เจอหน้ากัน ณเดชน์ ขึ้นรถตู้ ที่นั่งข้างๆ ญาญ่า ต้องตนเท่านั้น
ญาญ่า : อีกอย่างที่ทำให้เราได้ไปทำงาน เพราะรู้สึกดีใจที่ได้เจอ (หัวเราะ) อยากไปเพราะได้ทำงานกับคนนี้

ณเดชน์ : เรามีคุยเรื่องปัญหากัน ผมก็อยากไปทำงานเพราะเขาแน่นอน ขึ้นรถตู้นี่คือ ที่กูอย่านั่ง (หัวเราะ) ถ้าญ่านั่งแล้วข้างๆ ต้องเป็นของกู (หัวเราะ) เปรียบเปรยให้ฟังนะครับ จริงๆ ระหว่างทางแม่ก็นั่งอยู่ข้างๆ มีความสุขแค่นั่งใกล้กัน บางทีหูฟังวัยรุ่นเลย ก็เลือกลิสต์ที่กินใจหน่อย หลับสิ ไหล่มาแล้ว จะมีความรู้สึกแบบนั้นตลอดเวลา

ญาญ่า : (หัวเราะถูกใจ)

ณเดชน์ : ตอนนั้นมันยังไม่ได้ถึงขั้นจีบ แต่ใส่ใจ แกล้งเขาเยอะขึ้น แคร์เขา ทำงานเป็นยังไง เรื่องนี้บู๊เยอะ ดรามาก็เยอะ พยายามดูแลเขา ให้รู้ว่าเราแคร์เขาอยู่

ญาญ่า : ญ่าว่าทุกอย่างเริ่มต้นด้วยเราค่อยๆ พัฒนาจากการเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากๆ เรื่องนี้ยากมากๆ เนื้อเรื่องซับซ้อน บทมันยาก เนื้อเรื่องมันยาก เราช่วยกันมากๆ ปกติถ้าฉากยากมาก นักแสดงบางคนก็จะทำอารมณ์ของตัวเอง แต่นี่เราช่วยกันตลอดเวลา ให้ส่งไหม ให้ช่วยบิวต์ไหม
ณเดชน์ : เรื่องนี้ยากมาก ดูแลกันตลอด

ญาญ่า : เรื่องนี้จะผ่านไปไม่ได้ ถ้าเราไม่จับมือทำงานไปด้วยกัน

“ธรณีนี่นี้ใครครอง” ยังไม่ได้ขอเป็นแฟน แต่มาตกลงหลังจากผ่านไปนานหลายปี
ญาญ่า : ยังค่ะ จริงๆ เราไม่เคยขอกัน ว่าเฮ้ย เป็นแฟนกันนะ ไม่เคยเลย เราแค่ไปๆ มาๆ นี่เราจะนับว่าเราคบกันตั้งแต่ตอนไหนดี ไม่เคยได้นั่งขอกัน จริงๆ ตอนนั้นเรายังไม่รู้ตัวหรอกว่าเราจะตกลง เพราะเรามาตกลงหลังจากผ่านไปหลายปีมากๆ เราไม่เคยนับด้วยว่าสรุปจากตอนไหน

ใครสักคนที่จะบ่นและระบายให้ฟัง
ญาญ่า : สำหรับหนู มีสองคนที่เล่นเสร็จจะดูรีแอ็กของเขา คือพี่แบร์กับแม่เขาเป็นสองคนที่พร้อมจะบอกความรู้สึกจริงๆ ว่าดีหรือไม่ดี มันเป็นแรงผลักดันที่ดีมากๆ เพราะเราจะรู้ตัวว่าต้องให้ดีกว่านี้ นี่คือความสำคัญที่มีเขาอยู่ในเซ็ตด้วย

ณเดชน์ : เวลาเราเหนื่อยจากการทำงาน เราต้องการใครสักคนที่เราบ่น ระบายอะไรได้สักอย่าง ปัญหาการแสดง ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ มันจะมีตลอดเวลา เขาเป็นคนนึงชอบปลอบเรา ใช้วิธีเสนอไอเดียนึง ลองคิดแบบนี้สิ ไม่ได้เออออตาม เบรกเราด้วย รับฟังเราด้วย

วันที่เติบโตมาพร้อมกัน
ญาญ่า : เราจะเติบโตพร้อมกัน ทุกอย่างจะไปพร้อมกัน แต่ก็มีช่วงที่เราสื่อสารไม่เข้าใจกัน

ณเดชน์ : ช่วงที่คิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ต้องคุยกัน ผมติดตรงที่มีปัญหาจะไม่พูด แต่ญ่าบอกว่ามีอะไรพูดมา อาจด้วยนิสัย สุดท้ายเราก็ต้องคุยกัน เราไม่อยากพูดถึงมันเพราะเราไม่มีวิธีกรพุดที่ดี ต้องคุยให้ไปทิศทางเดียวกันให้ได้

ญาญ่า : เราหาจุดกลางในการคุยกันไม่ได้ จนถึงจุดนึง เราโตมาพร้อมกันจริงๆ เราคุยกันทุกอย่าง จะทำยังไงให้ดีขึ้นในทุก ๆ ปีที่เราเติบโตมาด้วยกัน เหมือนปลดล็อกอะไรไม่รู้ เขาก็พูดไม่หยุดเลย (หัวเราะ)

ณเดชน์ : จุดเปลี่ยนคือเราคิดถึงเขาตลอดเวลา มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะเรียนรู้หรือพัฒนาให้เราได้เดินไปด้วยกัน มันไมได้ฝืนอะไรเลย เราอยากเดินไปต่อกับเขา อยากเรียนรู้กับเขา อยากวาดฝันถึงวันที่ยิ่งใหญ่ของเรามากขนาดไหน ถ้าตอบคำถามความสัมพันธ์องทั้งคู่ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

ญาญ่า : ก็คล้ายๆ พี่แบร์ สุดท้ายแล้วก็มานั่งถามตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด มันก็คือความรัก ถ้าบวกลบคูณหาร ปล่อยทิฐิทุกอย่างได้ ทุกอย่างก็คือความรัก เราก็พร้อมทำทุกอย่างเพื่อความรัก

มุมมองความรักที่เปลี่ยนไป ได้เรียนรู้มาใหม่ระหว่างทาง
ณเดชน์ : ถ้าเป็นตัวเองกับเพื่อนสนิทได้ ก็ต้องเป็นตัวเองกับแฟนได้ ถ้าพูดทุกย่างกับเพื่อนได้ กับแฟนเราก็ต้องพูดได้ เราคุยกับเขาได้ทุกเรื่อง มันไม่ใช่คำตอบที่ยาก มันไม่มีความรู้สึกทรมาน ไม่ดี รับได้ก็เรียนรู้กัน ไม่ชอบอะไร ตดเหม็นหรือเปล่า กินข้าวไม่ล้างจานหรือเปล่า มีอะไรไม่ชอบก็บอกกันตรงๆ

ญาญ่า : ทำไมเอาความจริงมาพูด (หัวเราะ) เมื่อก่อนเราเดิมพันชีวิตกับเหตุผลอื่น อยากได้ผลงานที่ดี แต่พอเราโตขึ้น ถ้าเราเดิมพันชีวิตด้วยคำว่ารัก ชีวิตเราจะดีขึ้นมาก มันทำให้ชีวิตเรามีความสุขมากขึ้นมากๆ จริงๆ พี่แบร์เป็นไอดอล ที่สามารถทำได้ทุกอย่าง เขาจะพูดตรง บอกจริงๆ ก็เลยรู้สึกว่านี่คือกำลังใจที่ต้องการ เขาให้สิ่งนี้เรามา 
 
ณเดชน์ : คำว่าผู้หญิงที่ผมรักที่สุดในโลก ก็รู้สึกอย่างที่เราอยากเขียน เขิน (หัวเราะ) พูดไม่ได้ (หัวเราะ) มันมีความสุขมาก เขามีความเป็นเด็กอยู่ในตัว มันเลยชัดเจนว่าเขาเป็นคนเดียวที่จะมาเติมสีสันในชีวิตเราได้ ถ้าเราไม่เจอคนที่เข้ามาอยู่ในทุกๆ โมเมนต์ที่มันจม แล้วเขาดึงเราขึ้นมาด้วยการกระทำ และคำพูดต่างๆ มันเป็นคำตอบว่าทำไมเราถึงรักเขาที่สุดในโลก
 
ญาญ่า : โอ้มายก๊อด (หัวเราะ)















กำลังโหลดความคิดเห็น