โด่งดังสุดขีดกับเพลงฮิต “คุณลำใย” ที่สามารถขายเทปซีดีได้เป็นล้านตลับ แต่อยู่ดีๆ “ลูกนก สุภาพร” ก็หายไปจากวงการ เพื่อไปมีครอบครัว ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาเผยเรื่องราวการเป็น “คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว” ปิดฉากชีวิตคู่กว่า 10 ปีไปแล้ว ผ่านรายการ “โต๊ะหนูแหม่ม” กับพิธีกรตัวแม่ “หมูแหม่ม สุริวิภา กุลตังวัฒนา” ซึ่งเจ้าตัวถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“ตอนดังมาก วันนึงมี 3-4 งาน กินนอนบนรถตู้ คนเรียกว่าคุณลำไย ไม่ได้เรียกลูกนก สุภาพร ทุกวันนี้ไปร้องสดอีกแพลตฟอร์ม สองชม.ผ่านไป ร้องคุณลำไย 10 รอบ เราก็ตามใจให้ เพราะเขาบอกว่าเขาไม่เบื่อ เราก็ดีใจนะ
ตำนานเพลงแรก ที่ดังเพลงเดียว แล้วอยู่ได้ จุดเริ่มต้นมาเพลงเดียวแล้วดังกินยาวจนวันนี้ จริงๆ เพลงนกเอง จะมีถ้าฉันรวยจะสวยให้ดู ฉันยังมีเธอ เพลงติดตลาดหมด แต่บริษัทไม่ได้โปรโมต พีกสุด เป็นอะไรที่พีกทั้งชีวิตและผลงาน นกเป็นคนอยู่สุดท้ายตลอด ไม่เคยถูกใครเลือก วันที่พีก นกจำได้ว่าได้เงิน 1.2 ล้าน เฉพาะเรื่องเงินกับเพลงคุณลำใย เราไม่ได้โทษใคร
ได้เงิน 100 กว่าล้าน ขายซีดี เทป 1.5 ล้านแผ่น เงินอยู่กับบริษัทใหม่ที่ทำกับเรา ถามว่าถึงนกเท่าไหร่ จัดสรรปันส่วน หักค่าใช้จ่ายออกไปก่อน แล้วหัก 70-30 บริษัทเอาไป 30 แล้วมาแบ่งกับนักร้องอีกคน ที่เหลือถึงเป็นของนก หลักพันหลักหมื่นตามสัดส่วน เป็นอยู่ประมาณ 2-3 ปี แต่พอบริษัทไม่ทำ นกถึงได้รับคนเดียว แต่พอถึงตอนนั้นงานก็เริ่มซาไปแล้ว”
เหนื่อยแทบตายแต่ได้รายได้แค่นั้น แต่ก็คิดว่าตอบแทนบุญคุณ ขอแค่มีชื่อให้ได้ทำมาหากินก็ดีใจแล้ว
“ตอนนั้นเราไม่ได้อะไร เรารู้แค่ว่าเราตอบแทนบุญคุณเขา นกมาด้วยความเป็นศูนย์ไม่มีใครเลือกนก แต่พอมาตรงนี้เขาเลือกนกให้เราร้องเพลงนี้ ตอนแรกเพลงเขาก็ไม่ได้เชียร์นกด้วย มันดังด้วยตัวของมันเอง พอมันได้ปุ๊บ กลายเป็นว่าไม่เป็นไร ถ้าบริษัทไม่ให้เราก็ถือว่าเราตอบแทนบุญคุณ ไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจ หนูคิดว่าหนูได้ชื่อทำมาหากิน หนูก็ดีใจแล้ว ถ้าบริษัทไม่ให้หรือใครไม่ให้ก็ตอบแทนไป
ตอนนั้นหนูมีเงินอยู่ 1.2 ล้าน ดาวน์บ้าน 400,000 จ่ายเงินสด และดาวน์รถซีอาร์วีเป็นคันแรก 500,000 และทุกอย่างหนูก็ผ่อน ผ่อนมาจนหมดไม่ได้ซื้อเงินสด ทุกวันนี้หนูผ่อนหมดแล้ว”
หายหน้าจากวงการเพราะมีลูก มีครอบครัว
“เพราะมีน้อง มีครอบครัว ก็รู้สึกว่าเราจบป.6 และต้องมาทำงานกรุงเทพฯ เราเหมือนขาดความอบอุ่นอยากอยู่กับครอบครัว หนูก็เลยรู้สึกว่าถ้าหนูมีลูก ปัจจุบันอยู่ม.1 แล้ว 11-12 ขวบ เลยรู้สึกว่าอันไหนที่หนูเป็นปมด้อย หนูก็จะทำให้ลูก เราจะให้ความรักความผูกพันกับลูกให้เต็มที่ ไม่อยากเสียดายเวลาตรงนั้น เลยหยุดงานเพื่อดูลูก พ่อแม่ก็อยากเอไปเลี้ยง แต่ไม่ให้ หวงเป็นบ้าเป็นหลัง แล้วก็พูดได้คำเดียวว่าโคตรเหนื่อย (หัวเราะ)”
สถานะวันนี้คือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ปิดฉากชีวิตคู่สามีแล้ว
“ใช่ค่ะ เริ่มแรกคุณพ่อชอบดื่ม แต่ไม่ได้ดื่มสำมะเลเทเมาอยู่ในร้านอาหาร กลับตีสี่ ตีห้า ไม่ใช่ เขาดื่มแล้วก็นอน แต่เขาดื่มทุกวัน ถ้าพูดง่ายๆ ภาษาชาวบ้าน ผู้ชายก็ติดเหล้าแหละ แต่ไม่ได้ดื่มให้เสียหายต่อครอบครัว แต่เราอยากมีเวลาครอบครัวพ่อแม่ลูก มันเป็นเป็นแบบนี้มาระยะเวลา 10 กว่าปี พอมีลูกแล้วเลยคิดว่าถ้าคุณไม่ดูแลตัวเอง คุณเป็นอะไรไป ถ้านกตาย แล้วลูกจะอยู่ยังไง เราคุยกันมานานมาก เขาก็ไม่ค่อยได้ปรับตัวเข้าหา มีแต่เรากับลูกปรับตัวเข้าหา แล้วเราไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเป็นครอบครัว เขาจะอยู่ต่างจังหวัด 2-3 เดือน เดินทางทำงานแบบนี้ นกก็อยู่กับบ้านกับลูก
ตอนที่นกออกมายอมรับว่าเป็นช่วงที่น้อยใจ เราเหนื่อยขนาดนี้แต่คุณยังมีความสุข แต่พอเขาออกจากช่องและไปเป็นฟรีแลนซ์นักข่าว เขาก็เกรงใจเรา จะไปกินเหล้าเขาก็เกรงใจ ไม่กล้าไป พอไม่กล้าไปก็ไม่มีความสุขสำหรับตัวเขา และเขาก็มอบความสุขให้เราไม่ได้ เราเลยบอกว่างั้นพี่ เราจบกันเถอะ ต่างคนต่างอยู่”
ร่ำไห้ใจสลายขอแยกทาง คืนชีวิตให้กันและกัน
“เจ็บปวดนะพี่ ถามว่าทุกวันนี้มันก็เจ็บแต่ขอแยกกันอยู่ดีกว่า (เสียงสั่นเครือ) เพราะว่าเขาชอบแบบนั้น (ร้องไห้) ลูกก็เข้าใจ ช่วงแรกๆ ที่ออกมา ก็ถามลูกว่าอยากกลับไปอยู่กันเป็นครอบครัวไหม ลูกบอกไม่เอาไม่อยากเห็นแม่ร้องไห้ นกรู้สึกว่านกรักครอบครัว อยากอยู่กับครอบครัว ไม่ต้องรวยก็ได้ ชีวิตจบแค่ครอบครัว พ่อแม่ลูก และพ่อแม่นก และครอบครัวเขา เท่านี้ที่ต้องการ เราสร้างครอบครัวให้เรามีความสุข”
ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง รายการนี้เป็นรายการแรก (ร้องไห้) เลือกจะเล่าให้พี่หนูแหม่มฟังเป็นคนแรก (ร้องไห้กอดหนูแหม่ม) และหนูคิดว่าหนูจะไม่เปิดเผยให้ใครรู้ด้วย (ร้องไห้) ตอนนี้หนูทำใจได้แล้ว แค่ผู้หญิงคนนึงที่อยากมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่เมื่อมันมีไม่ได้ก็ต้องมูฟออน ถ้าหนูอยู่อย่างนั้นก็เหมือนคนแก่คนนึงที่ต้องยอมรับมัน ทนอยู่กับมัน (เสียงสั่น) หนูก็ให้ชีวิตพี่คืนนะ หนูก็ขอชีวิตหนูคืน พี่อยากทำอะไรก็อยากทำ”
ถึงเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวก็ไม่ลำบาก เพราะเป็นคนประหยัด มีเงินเป็นแสน เป็นล้าน ก็ยังทอดไข่เจียวกิน
“ไม่ค่ะ ต้องบอกว่าตั้งแต่งหนูเป็นลำไย ไม่ได้เป็นลำไย ชีวิตแม่-โคตรลำบาก ไม่รู้ว่าสบายคืออะไร หนูมีเงินล้าน มีเงินแสน ก็ต้องทอดไข่กิน ต้องเจียวไข่กิน ไม่ได้กินอาหารเลิศเลอเพอร์เฟกต์ หนูมีเงินแสนก็ไม่ได้ซื้อแบรนด์เนม มีครั้งนึงหนูอยากซื้อนาฬิกาโรเล็กซ์ หนูทำงานได้เงิน 5 แสน เข้าร้านเลยนะ อยากให้รางวัลตัวเอง หนูมีนาฬิกาเรือนนึงราคาแค่ 5 พัน แล้วก็บอกว่านาฬิกาเรือนนี้พี่ชอบมากเลยนะ เขาก็บอกว่าถ้าอะไรก็ตาม ถ้าเป็นของที่เรารัก ไม่ต้องแพง บ้านแม่ก็ยังไม่ได้ปลูก บ้านแม่ยังเป็นหลังคาแปะๆ แต่ตัวเองจะมีนาฬิกา 3.5 แสนอยู่ในข้อมือ เผอิญน้องคนนี้พูดอย่างนี้ด้วย ก็ขอบคุณมาก แล้วก็เดินกลับบ้าน ไม่ได้ซื้อ ตอนแรกไปดูว่าเป็นยังไง แต่พอดีน้องเขาพูดแล้วเรารู้สึกถ้าเราใส่นาฬิกา 3.5 แสน แต่บ้านแม่ยังอยู่อย่างนี้ เราจะไม่มีความสุขเลย”