คนบันเทิงจากไปอีกหนึ่ง คราวนี้เป็นอดีตตลกดัง "เด่น ดอกประดู่" ในวัย 80 ปีที่เสียชีวิตในช่วงตีหนึ่งของคืนที่ผ่านมาจากโรคชรา (อ่านข่าว : "เด่น ดอกประดู่" อดีตสุภาพบุรุษพระเอกตลกดังเสียชีวิตแล้ว)
"เด่น ดอกประดู่" หรือ “บรรพต วีระรัฐ” เป็นชาวจังหวัดสตูล เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2485
ด้วยความที่เป็นเด็กหน้าตาดี ในสมัยที่เคยเป็นนักเรียนโรงเรียนดุริยางค์กองทัพเรือจึงได้รับเลือกให้เป็นดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของวงดุริยางค์ทหารเรือ เมื่อเข้าสู่วงการบันเทิง เขาจึงได้นำสัญลักษณ์ “ดอกประดู่”ของกองทัพเรือไทยที่ตนเองเคยเรียนมาใช้เป็นชื่อฉายาว่า “เด่น ดอกประดู่”
เจ้าตัวเริ่มเข้าวงการบันเทิงในฐานะตลกเอกของวง“เพลิน พรหมแดน”(วงดนตรีลูกทุ่งชื่อดังในยุคนั้น) และที่นี่เองที่เขาได้พบกับ “สุเทพ โพธิ์งาม” หรือที่รู้จักกันดีในนาม “เทพ โพธิ์งาม” หนึ่งในตลกชื่อดังระดับตำนานของบ้านเรา ซึ่งเข้าวงเพลิน พรหมแดนมาด้วยความฝันอยากเป็นนักร้องเพลงลูกทุ่ง แต่ทว่าตอนนั้นทำได้เพียงแค่เป็นเด็กยกแผ่นโน้ตดนตรี
เด่นเมื่อพบกับเทพ เขาได้เห็นแววความสามารถในชั้นเชิงตลกของรุ่นน้องคนนี้ จึงชักชวนให้เทพขึ้นเวทีแสดงตลกร่วมกันในวงเพลิน พรหมแดน ซึ่งแม้ในช่วงแรกเทพจะไม่เต็มใจนัก เพราะตนอยากเป็นนักร้องมากกว่า แต่ก็ขัดเสียมิได้เพราะเป็นคำสั่งของเพลิน พรหมแดน หัวหน้าคณะ
ด้วยความมีพรสวรรค์ในทางตลก เทพ โพธิ์งาม จึงเปลี่ยนบทบาทจากเด็กยกแผ่นโน้ตมาตลกประจำวงดนตรีร่วมกับเด่นด้วยอีกคน
ด้วยความที่ทั้งคู่สนิทสนมกัน หลังจากเด่นออกจากวงเพลิน พรหมแดน ก็ได้ชักชวน เทพ โพธิ์งาม ให้มาร่วมเล่นตลกด้วยกัน โดยมี “สมใจ สุขใจ” หรือที่รู้จักกันดีในนาม “เด๋อ ดอกสะเดา” อีกหนึ่งตำนานตลกชื่อดังของเมืองไทยที่ร่วมเล่นตลกกันเด่นมาจนเข้าขากัน ได้มาร่วมในโปรเจคครั้งนี้
นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของคณะตลกจาก 3 ตลกชื่อดังในระดับตำนานของเมืองไทย คือ “เด่น เด๋อ เทพ” ที่หลังจากคณะนี้เล่นอยู่ที่คาเฟ่ได้ไม่นานประมาณ 3 เดือนกว่า ก็มีโอกาสได้ขึ้นชั้นไปเล่นตลกที่ช่อง 4 บางขุนพรหม ซึ่งถือเป็นตลกยุค ๆ แรก ที่ได้เล่นออกจอแก้ว ทำให้พวกเขาเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
หลัง 3 คนเริ่มโด่งดังจากจอแก้ว ทางบริษัทไฟว์สตาร์ก็ติดต่อให้ทั้ง 3 ไปแสดงในภาพยนตร์เรื่อง “เทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง” โดยวางตัวให้ เด่น ดอกประดู่ ตลกหนุ่มหน้าตาดี หล่อเหลาเอาการ (ในสมัยนั้น) เป็นพระเอกของเรื่อง ประกบกับ “ลลนา สุลาวัลย์” นางเอกวัยรุ่นสุดฮอตของยุคนั้น
เทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง เป็นหนังตลกว่าด้วยเรื่องราวของไอ้หนุ่มบ้านนอกผู้ถูกรางวัลใหญ่ จึงชักชวนเพื่อนอีก 2 คน เข้ารับรางวัลในกรุงเทพฯ จนเกิดเป็นเรื่องราวสนุกสนาน ครื้นเครง ตลกขบขัน รวมไปถึงการพบกันระหว่างคู่พระคู่นาง
หนังออกฉายเมื่อปี 2520 ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำรายได้ถล่มทลายหลายสิบล้าน (เป็นรายได้สูงมากสำหรับหนังไทยในยุคนั้น) จนทำให้ต้องมีการสร้างภาคต่อ อย่าง เท่งป๊ะต๊ะติ้งโหน่ง และ ถอดหญิงต๊ะติ๊งโหน่ง ออกมาฉายในปีต่อมา
ไม่เพียงเท่านั้นหนังเรื่องเทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง ยังจุดพลุให้คนรู้จักกับชื่อเสียงของ 3 ตลกดังกันอย่างถล่มทลาย จนกลายมาเป็นตำนานตลก “เด่น เด๋อ เทพ” สืบมาถึงทุกวันนี้
นอกจากเทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่งแล้ว 3 ตลกดาวดังของยุคนั้น ยังได้ลงจอเงิน เล่นหนังด้วยกันอีก อย่างเช่น รักเธอเท่าช้าง (2521) ปล้น บ้าๆ บวมส์ๆ (2522) และ เจ๊จ๋าเจ๊ (2524) เป็นต้น
ขณะที่ เด่น ดอกประดู่ ก็ได้รับการจารึกในฐานะตลกชั้นนำที่มีดีกรีเป็นถึงพระเอกหนัง ซึ่งนอกจากเทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่งแล้ว ลุงเด่นยังมีผลงานทั้งในภาพยนตร์และละครอีกมากมาย รวมถึงเป็นผู้ผลิตรายการทีวี และสินค้าเกษตรในนาม “ไม่ลองไม่รู้” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ประจำตัวของเจ้าตัว
หลังจากที่เงียบหายไปพักหนึ่ง ในช่วงประมาณกลางปี พ.ศ. 2562 เด่น ดอกประดู่ ก็ตกเป็นข่าวดังเมื่อโลกโซเชียลได้แชร์ภาพของเขาเดินถือถุงปุ๋ยพร้อมข้อความ...ลุงเด่นไม่รู้จะไปไหน ส่วนที่ไปขอนแก่นนั้นเพื่อหางานทำ...จนเรื่องดังกล่าวกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์
มีการคาดเดากันไปต่างๆ นานา ว่าเจ้าตัวชีวิตตกอับ บ้างก็ลือว่าตลกรุ่นใหญ่เป็นอัลไซเมอร์ ส่วนเพื่อนๆ ตลก อย่าง “เด๋อ ดอกสะเดา” นั้นบอกเป็นเรื่องปกติ ลุงเด่นไม่ได้เป็นอะไร แต่เป็นไปตามอารมณ์ของแก คือ บางครั้งอยากบวช ก็ไปบวช อยากสึกก็สึก แล้วก็ไปบวชอีก
ก่อนที่อดีตภรรยาของเจ้าตัวอย่าง “สุวพันธ์ อุบลชาติ” หรือ “เจ๊ตือ” จะมารับสามีกลับเพื่อปรับความเข้าใจกัน โดยสาเหตุของการหนีออกจากบ้านของอดีตตลกดังก็มาจากเรื่องทะเลาะกับภรรยา ซึ่งเจ้าตัวน้อยใจว่าภรรยานั้นรักหมามากกว่าสามี จนเรื่องราวต่างๆ จะจบลงด้วยดีก่อนเจ้าตัวจะมีข่าวเสียชีวิตในที่สุด
(ที่มา : “เด่น ดอกประดู่” ตลกไม่ธรรมดาดีกรีพระเอกหนังดัง ผู้น้อยใจเมียรักหมามากกว่าผัว)
