โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวดังในแวดวงบันเทิงบ้านเรา เมื่อโลกโซเชียลได้แชร์ภาพของ “เด่น ดอกประดู่” อดีตตลกชื่อดัง เดินถือถุงปุ๋ยโต๋เต๋แบบไร้จุดหมายอยู่ที่ขอนแก่น พร้อมกับข่าวว่า
...ลุงเด่นไม่รู้จะไปไหน ส่วนที่ไปขอนแก่นนั้นเพื่อหางานทำ...
เรื่องนี้กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ย่อย ๆ พร้อมกับมีคนคาดเดาไปต่าง ๆ นานา บ้างก็ว่าลุงเด่นตกอับไร้หนทาง บ้างก็ลือว่าตลกรุ่นใหญ่ผู้นี้เป็นอัลไซเมอร์
ขณะที่ตลกเพื่อนสนิทอย่าง “เด๋อ ดอกสะเดา” นั้นบอกเป็นเรื่องปกติ ลุงเด่นไม่ได้เป็นอะไร แต่เป็นไปตามอารมณ์ของแก คือ บางครั้งอยากบวช ก็ไปบวช อยากสึกก็สึก แล้วก็ไปบวชอีก
ล่าสุดนาง “สุวพันธ์ อุบลชาติ” หรือ “เจ๊ตือ” ภรรยาของเด่น ดอกประดู่ ได้มารับสามีกลับบ้านเพื่อไปปรับความเข้าใจกัน โดยสาเหตุของการหนีออกจากบ้านของลุงเด่นก็มาจากเรื่องทะเลาะกับภรรยา ซึ่งลุงเด่นแกน้อยใจว่าภรรยานั้นรักหมามากกว่าสามี ก่อนที่เรื่องราวต่าง ๆ จะจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
สำหรับชื่อของ “เด่น ดอกประดู่”นั้น ชื่อนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะในอดีตนี่คือหนึ่งในดาวตลกชื่อดังก้องฟ้าเมืองไทย แถมยังเป็นตลกที่มีดีกรีเคยได้เล่นเป็นพระเอกหนังไทยสุดฮอตมาแล้ว
อนึ่งการที่ตลกมาเล่นเป็นพระเอกถือเป็นความแปลกใหม่ของวงการหนังไทยในอดีต เนื่องจากสมัยจะคัดเฉพาะคนหน้าตาดูดีมาเป็นพระเอก (ลุงเด่นในยุคนั้นก็หน้าตาดี หล่อเหลา จึงได้รับเลือก) ผิดกับหนังไทยสมัยนี้ที่คัดพระเอกโดยอิงจากบทเป็นหลัก เพราะฉะนั้นการที่ตลกดัง อย่างหม่ำ เท่ง โหน่ง แจ๊ส ชวนชื่น ได้เป็นพระเอกหนังจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
เด่น ดอกประดู่
เด่น ดอกประดู่ มีชื่อจริงว่า “บรรพต วีระรัฐ” เป็นชาวจังหวัดสตูล เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2485 ปัจจุบัน (2562) อายุ 77 ปี
บรรพตเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาดี ในสมัยที่เคยเป็นนักเรียนโรงเรียนดุริยางค์กองทัพเรือจึงได้รับเลือกให้เป็นดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของวงดุริยางค์ทหารเรือ เมื่อเข้าสู่วงการบันเทิง เขาจึงได้นำสัญลักษณ์ “ดอกประดู่”ของกองทัพเรือไทยที่ตนเองเคยเรียนมาใช้เป็นชื่อฉายาว่า “เด่น ดอกประดู่”
เด่น เด๋อ เทพ
เด่น ดอกประดู่ เคยเป็นตลกเอกของวง“เพลิน พรหมแดน”(วงดนตรีลูกทุ่งชื่อดังในยุคนั้น) ที่นี่เขาได้พบกับ “สุเทพ โพธิ์งาม” หรือที่รู้จักกันดีในนาม “เทพ โพธิ์งาม” หนึ่งในตลกชื่อดังระดับตำนานของบ้านเรา ซึ่งเข้าวงเพลิน พรหมแดนมาด้วยความฝันอยากเป็นนักร้องเพลงลูกทุ่ง แต่ทว่าตอนนั้นทำได้เพียงแค่เป็นเด็กยกแผ่นโน้ตดนตรี
เด่นเมื่อพบกับเทพ เขาได้เห็นแววความสามารถในชั้นเชิงตลกของรุ่นน้องคนนี้ จึงชักชวนให้เทพขึ้นเวทีแสดงตลกร่วมกันในวงเพลิน พรหมแดน ซึ่งแม้ในช่วงแรกเทพจะไม่เต็มใจนัก เพราะตนอยากเป็นนักร้องมากกว่า แต่ก็ขัดเสียมิได้เพราะเป็นคำสั่งของเพลิน พรหมแดน หัวหน้าคณะ
และด้วยความมีพรสวรรค์ในทางตลก เทพ โพธิ์งาม จึงเปลี่ยนบทบาทจากเด็กยกแผ่นโน้ตมาตลกประจำวงดนตรีร่วมกับเด่นด้วยอีกคน
ด้วยความที่ทั้งคู่สนิทสนมกัน หลังจากเด่นออกจากวงเพลิน พรหมแดน ก็ได้ชักชวน เทพ โพธิ์งาม ให้มาร่วมเล่นตลกด้วยกัน โดยมี “สมใจ สุขใจ” หรือที่รู้จักกันดีในนาม “เด๋อ ดอกสะเดา” อีกหนึ่งตำนานตลกชื่อดังของเมืองไทยที่ร่วมเล่นตลกกันเด่นมาจนเข้าขากัน ได้มาร่วมในโปรเจคครั้งนี้
และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของคณะตลกจาก 3 ตลกชื่อดังในระดับตำนานของเมืองไทย คือ “เด่น เด๋อ เทพ” ที่หลังจากคณะนี้เล่นอยู่ที่คาเฟ่ได้ไม่นานประมาณ 3 เดือนกว่า ก็มีโอกาสได้ขึ้นชั้นไปเล่นตลกที่ช่อง 4 บางขุนพรหม ซึ่งถือเป็นตลกยุค ๆ แรก ที่ได้เล่นออกจอแก้ว ทำให้พวกเขาเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
เทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง
หลัง 3 คนเริ่มโด่งดังจากจอแก้ว ทางบริษัทไฟว์สตาร์ก็ติดต่อให้ทั้ง 3 ไปแสดงในภาพยนตร์เรื่อง “เทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง” โดยวางตัวให้ เด่น ดอกประดู่ ตลกหนุ่มหน้าตาดี หล่อเหลาเอาการ (ในสมัยนั้น) เป็นพระเอกของเรื่อง ประกบกับ “ลลนา สุลาวัลย์” นางเอกวัยรุ่นสุดฮอตของยุคนั้น
เทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง เป็นหนังตลกว่าด้วยเรื่องราวของไอ้หนุ่มบ้านนอกผู้ถูกรางวัลใหญ่ จึงชักชวนเพื่อนอีก 2 คน เข้ารับรางวัลในกรุงเทพฯ จนเกิดเป็นเรื่องราวสนุกสนาน ครื้นเครง ตลกขบขัน รวมไปถึงการพบกันระหว่างคู่พระคู่นาง
เทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง ออกฉายเมื่อปี 2520 ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำรายได้ถล่มทลายหลายสิบล้าน (เป็นรายได้สูงมากสำหรับหนังไทยในยุคนั้น) จนทำให้ต้องมีการสร้างภาคต่อ อย่าง เท่งป๊ะต๊ะติ้งโหน่ง และ ถอดหญิงต๊ะติ๊งโหน่ง ออกมาฉายในปีต่อมา
ไม่เพียงเท่านั้นหนังเรื่องเทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง ยังจุดพลุให้คนรู้จักกับชื่อเสียงของ 3 ตลกดังกันอย่างถล่มทลาย จนกลายมาเป็นตำนานตลก “เด่น เด๋อ เทพ” สืบมาถึงทุกวันนี้
นอกจากเทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่งแล้ว 3 ตลกดาวดังของยุคนั้น ยังได้ลงจอเงิน เล่นหนังด้วยกันอีก อย่างเช่น รักเธอเท่าช้าง (2521) ปล้น บ้าๆ บวมส์ๆ (2522) และ เจ๊จ๋าเจ๊ (2524) เป็นต้น
ด้าน เด่น ดอกประดู่ นั้นก็ได้รับการจารึกในฐานะตลกชั้นนำที่มีดีกรีเป็นถึงพระเอกหนัง ซึ่งนอกจากเทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่งแล้ว ลุงเด่นยังมีผลงานทั้งในภาพยนตร์และละครอีกมากมาย รวมถึงเป็นผู้ผลิตรายการทีวี และสินค้าเกษตรในนาม “ไม่ลองไม่รู้” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ประจำตัวของเด่น ดอกประดู่
และนี่ก็คือ เด่น ดอกประดู่ อดีตตลกชื่อดังของเมืองไทยที่ไม่ธรรมดา เพราะมีดีกรีเคยเป็นพระเอกหนังไทยสุดฮอต อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นตลกที่เล่นมุกสุภาพไม่หยาบคาย
อย่างไรก็ดีสำหรับอดีตตลกชื่อดังผู้นี้ เรื่องราวชีวิตของเขาในช่วงหลังที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น มันดูช่าง “ไม่ตลก” เอาเสียเลย
ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวดังในแวดวงบันเทิงบ้านเรา เมื่อโลกโซเชียลได้แชร์ภาพของ “เด่น ดอกประดู่” อดีตตลกชื่อดัง เดินถือถุงปุ๋ยโต๋เต๋แบบไร้จุดหมายอยู่ที่ขอนแก่น พร้อมกับข่าวว่า
...ลุงเด่นไม่รู้จะไปไหน ส่วนที่ไปขอนแก่นนั้นเพื่อหางานทำ...
เรื่องนี้กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ย่อย ๆ พร้อมกับมีคนคาดเดาไปต่าง ๆ นานา บ้างก็ว่าลุงเด่นตกอับไร้หนทาง บ้างก็ลือว่าตลกรุ่นใหญ่ผู้นี้เป็นอัลไซเมอร์
ขณะที่ตลกเพื่อนสนิทอย่าง “เด๋อ ดอกสะเดา” นั้นบอกเป็นเรื่องปกติ ลุงเด่นไม่ได้เป็นอะไร แต่เป็นไปตามอารมณ์ของแก คือ บางครั้งอยากบวช ก็ไปบวช อยากสึกก็สึก แล้วก็ไปบวชอีก
ล่าสุดนาง “สุวพันธ์ อุบลชาติ” หรือ “เจ๊ตือ” ภรรยาของเด่น ดอกประดู่ ได้มารับสามีกลับบ้านเพื่อไปปรับความเข้าใจกัน โดยสาเหตุของการหนีออกจากบ้านของลุงเด่นก็มาจากเรื่องทะเลาะกับภรรยา ซึ่งลุงเด่นแกน้อยใจว่าภรรยานั้นรักหมามากกว่าสามี ก่อนที่เรื่องราวต่าง ๆ จะจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
สำหรับชื่อของ “เด่น ดอกประดู่”นั้น ชื่อนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะในอดีตนี่คือหนึ่งในดาวตลกชื่อดังก้องฟ้าเมืองไทย แถมยังเป็นตลกที่มีดีกรีเคยได้เล่นเป็นพระเอกหนังไทยสุดฮอตมาแล้ว
อนึ่งการที่ตลกมาเล่นเป็นพระเอกถือเป็นความแปลกใหม่ของวงการหนังไทยในอดีต เนื่องจากสมัยจะคัดเฉพาะคนหน้าตาดูดีมาเป็นพระเอก (ลุงเด่นในยุคนั้นก็หน้าตาดี หล่อเหลา จึงได้รับเลือก) ผิดกับหนังไทยสมัยนี้ที่คัดพระเอกโดยอิงจากบทเป็นหลัก เพราะฉะนั้นการที่ตลกดัง อย่างหม่ำ เท่ง โหน่ง แจ๊ส ชวนชื่น ได้เป็นพระเอกหนังจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
เด่น ดอกประดู่
เด่น ดอกประดู่ มีชื่อจริงว่า “บรรพต วีระรัฐ” เป็นชาวจังหวัดสตูล เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2485 ปัจจุบัน (2562) อายุ 77 ปี
บรรพตเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาดี ในสมัยที่เคยเป็นนักเรียนโรงเรียนดุริยางค์กองทัพเรือจึงได้รับเลือกให้เป็นดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของวงดุริยางค์ทหารเรือ เมื่อเข้าสู่วงการบันเทิง เขาจึงได้นำสัญลักษณ์ “ดอกประดู่”ของกองทัพเรือไทยที่ตนเองเคยเรียนมาใช้เป็นชื่อฉายาว่า “เด่น ดอกประดู่”
เด่น เด๋อ เทพ
เด่น ดอกประดู่ เคยเป็นตลกเอกของวง“เพลิน พรหมแดน”(วงดนตรีลูกทุ่งชื่อดังในยุคนั้น) ที่นี่เขาได้พบกับ “สุเทพ โพธิ์งาม” หรือที่รู้จักกันดีในนาม “เทพ โพธิ์งาม” หนึ่งในตลกชื่อดังระดับตำนานของบ้านเรา ซึ่งเข้าวงเพลิน พรหมแดนมาด้วยความฝันอยากเป็นนักร้องเพลงลูกทุ่ง แต่ทว่าตอนนั้นทำได้เพียงแค่เป็นเด็กยกแผ่นโน้ตดนตรี
เด่นเมื่อพบกับเทพ เขาได้เห็นแววความสามารถในชั้นเชิงตลกของรุ่นน้องคนนี้ จึงชักชวนให้เทพขึ้นเวทีแสดงตลกร่วมกันในวงเพลิน พรหมแดน ซึ่งแม้ในช่วงแรกเทพจะไม่เต็มใจนัก เพราะตนอยากเป็นนักร้องมากกว่า แต่ก็ขัดเสียมิได้เพราะเป็นคำสั่งของเพลิน พรหมแดน หัวหน้าคณะ
และด้วยความมีพรสวรรค์ในทางตลก เทพ โพธิ์งาม จึงเปลี่ยนบทบาทจากเด็กยกแผ่นโน้ตมาตลกประจำวงดนตรีร่วมกับเด่นด้วยอีกคน
ด้วยความที่ทั้งคู่สนิทสนมกัน หลังจากเด่นออกจากวงเพลิน พรหมแดน ก็ได้ชักชวน เทพ โพธิ์งาม ให้มาร่วมเล่นตลกด้วยกัน โดยมี “สมใจ สุขใจ” หรือที่รู้จักกันดีในนาม “เด๋อ ดอกสะเดา” อีกหนึ่งตำนานตลกชื่อดังของเมืองไทยที่ร่วมเล่นตลกกันเด่นมาจนเข้าขากัน ได้มาร่วมในโปรเจคครั้งนี้
และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของคณะตลกจาก 3 ตลกชื่อดังในระดับตำนานของเมืองไทย คือ “เด่น เด๋อ เทพ” ที่หลังจากคณะนี้เล่นอยู่ที่คาเฟ่ได้ไม่นานประมาณ 3 เดือนกว่า ก็มีโอกาสได้ขึ้นชั้นไปเล่นตลกที่ช่อง 4 บางขุนพรหม ซึ่งถือเป็นตลกยุค ๆ แรก ที่ได้เล่นออกจอแก้ว ทำให้พวกเขาเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
เทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง
หลัง 3 คนเริ่มโด่งดังจากจอแก้ว ทางบริษัทไฟว์สตาร์ก็ติดต่อให้ทั้ง 3 ไปแสดงในภาพยนตร์เรื่อง “เทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง” โดยวางตัวให้ เด่น ดอกประดู่ ตลกหนุ่มหน้าตาดี หล่อเหลาเอาการ (ในสมัยนั้น) เป็นพระเอกของเรื่อง ประกบกับ “ลลนา สุลาวัลย์” นางเอกวัยรุ่นสุดฮอตของยุคนั้น
เทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง เป็นหนังตลกว่าด้วยเรื่องราวของไอ้หนุ่มบ้านนอกผู้ถูกรางวัลใหญ่ จึงชักชวนเพื่อนอีก 2 คน เข้ารับรางวัลในกรุงเทพฯ จนเกิดเป็นเรื่องราวสนุกสนาน ครื้นเครง ตลกขบขัน รวมไปถึงการพบกันระหว่างคู่พระคู่นาง
เทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง ออกฉายเมื่อปี 2520 ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำรายได้ถล่มทลายหลายสิบล้าน (เป็นรายได้สูงมากสำหรับหนังไทยในยุคนั้น) จนทำให้ต้องมีการสร้างภาคต่อ อย่าง เท่งป๊ะต๊ะติ้งโหน่ง และ ถอดหญิงต๊ะติ๊งโหน่ง ออกมาฉายในปีต่อมา
ไม่เพียงเท่านั้นหนังเรื่องเทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง ยังจุดพลุให้คนรู้จักกับชื่อเสียงของ 3 ตลกดังกันอย่างถล่มทลาย จนกลายมาเป็นตำนานตลก “เด่น เด๋อ เทพ” สืบมาถึงทุกวันนี้
นอกจากเทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่งแล้ว 3 ตลกดาวดังของยุคนั้น ยังได้ลงจอเงิน เล่นหนังด้วยกันอีก อย่างเช่น รักเธอเท่าช้าง (2521) ปล้น บ้าๆ บวมส์ๆ (2522) และ เจ๊จ๋าเจ๊ (2524) เป็นต้น
ด้าน เด่น ดอกประดู่ นั้นก็ได้รับการจารึกในฐานะตลกชั้นนำที่มีดีกรีเป็นถึงพระเอกหนัง ซึ่งนอกจากเทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่งแล้ว ลุงเด่นยังมีผลงานทั้งในภาพยนตร์และละครอีกมากมาย รวมถึงเป็นผู้ผลิตรายการทีวี และสินค้าเกษตรในนาม “ไม่ลองไม่รู้” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ประจำตัวของเด่น ดอกประดู่
และนี่ก็คือ เด่น ดอกประดู่ อดีตตลกชื่อดังของเมืองไทยที่ไม่ธรรมดา เพราะมีดีกรีเคยเป็นพระเอกหนังไทยสุดฮอต อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นตลกที่เล่นมุกสุภาพไม่หยาบคาย
อย่างไรก็ดีสำหรับอดีตตลกชื่อดังผู้นี้ เรื่องราวชีวิตของเขาในช่วงหลังที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น มันดูช่าง “ไม่ตลก” เอาเสียเลย