“จีน่า ญีนา” เผยต้องกินยานอนหลับและพบจิตแพทย์มาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ บอกเพราะเข้าวงการตั้งแต่เด็ก และไม่มีผู้จัดการ ต้องดูแลตัวเองตลอด เลยมีภาวะเครียดสะสม แต่ไม่ค่อยมีผลกระทบกับเรื่องงาน และเวลาถ้ามีอาการก็จะปิดตัวเองจากโซเชียลและโทรศัพท์ทั้งหมด หาอย่างอื่นทำแทนเพื่อไม่ให้เครียด
ออกมาเปิดใจเรื่องที่ยังต้องคอยพบจิตแพทย์ ขอยานอนหลับมาทานอย่างสม่ำเสมอ สำหรับนางเอกสาว “จีน่า ญีนา ซาลาส” ที่ยอมรับว่าเพราะทำงานมาตั้งแต่ยังเด็ก และไม่มีผู้จัดการที่คอยดูแล ทำให้เกิดภาวะเครียด และกดดันตัวเอง จนทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ จนในที่สุดต้องพบแพทย์ และตอนนี้ก็ยังคงรับการรักษาอยู่เรื่อยๆ
“อาการนอนไม่หลับเป็นมาตั้งนานแล้วค่ะ มันอาจจะด้วยเราเริ่มทำงานตั้งแต่เด็กด้วยมั้งคะ และเราต้องออกไปเผชิญโลกคนเดียว ตอนนั้นเรายังไม่มีผู้จัดการ ไม่มีคนดูแล เราต้องไปทำงานคนเดียวในอายุ 13-14 มันก็มีความเครียด มีความกดดันมาอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องปกติของสภาพจิตใจเราข้างใน ก็มีต้องกินยาค่ะ แต่ไม่ได้กินทุกวัน ก็เฉพาะวันที่เราจะต้องไปทำงาน เราจะจัดตารางเวลาเลยว่าจะต้องกินเวลาไหน เพื่อที่จะให้การตื่นไปทำงานตอนเช้ามันไม่ง่วงค้าง
คือหนูโชคดีตรงที่ว่าที่บ้านไม่ใช่ครอบครัวที่เครียดหรือมีปัญหาเยอะขนาดนั้น มันก็เลยทำให้เราไม่ได้เป็นเด็กที่เครียดขนาดนั้น เวลาอยู่กับเพื่อน อยู่กับที่บ้านเราก็จะทำตัวสนุกสนานปกติตามวัย แต่โหมดเครียดมันก็มี ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการทำงานมากกว่าที่เราจะกดดันตัวเอง เป็นเด็กชอบกดดันตัวเอง”
รับต้องพบแพทย์ตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ
“จริงๆ หาหมออยู่แล้วค่ะ เป็นเรื่องปกติ เพราะด้วยการทำงานในวงการก็เจอคนหลากหลายรูปแบบ สภาพแวดล้อมที่เราเจอก็ส่งผลต่อจิตใจเรา ก็ต้องไปพบหมอเพื่อให้เขาได้เคลียร์ความรู้สึกเรา คุยกับหมอก็เป็นทางหนึ่งที่ทำให้เราดีขึ้น หนูว่าน่าจะเป็นตั้งแต่ช่วงที่เข้าวงการมา เพราะทำงานตั้งแต่เด็ก อย่างที่บอกว่าไม่มีผู้จัดการ ไม่มีคนคอยไปทำงานด้วย และทำงานกับผู้ใหญ่มันก็จะมีความจริงจัง ความซีเรียสในช่วงแรกๆ ค่ะ
ตอนนี้ก็กินยาปกติค่ะ มีเพิ่มยา ลดยาบ้างในบางช่วง แต่เราก็นอนหลับบ้าง นอนไม่หลับบ้าง มันก็แล้วแต่วัน อยู่ที่เราจะจัดการกับความรู้สึกยังไงมากกว่า ที่บ้านแน่นอนต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว เพราะเราเขาเห็นเราเครียด เขาก็จะรู้สึกว่าอันนี้ท่าจะไม่ดีแล้ว เพราะคนที่เป็นโรคนี้มันก็บอกยากเนอะ พี่ๆ ในวงการที่เขาเป็นเวลาเราเห็นข่าวบางคนก็ฆ่าตัวตาย บางคนก็ตัดพ้อชีวิตแบบสุดๆ แต่จีน่าโชคดีที่มีคนรอบข้างที่เขาคอยซัปพอร์ตตลอดเวลา ก็เลยไม่ได้ดาวน์ขนาดนั้น”
บอกเวลามีอาการต้องงดโซเชียลทุกอย่าง
“เวลาดาวน์ๆ ก็จะคุยกับที่บ้านเยอะๆ ค่ะ คุยกับคนรอบข้างเยอะๆ คุยกับคนที่สร้างสรรค์ ถ้าเราคุยกับคนที่เขามีพลังลบ เราก็จะยิ่งลบไปด้วย เราต้องคุยกับคนที่เขามีพลังบวกที่ดี ไม่ใช่มีแต่เอนเนอร์จี้ลบอย่างเดียว ถามว่าเล่นโซเชียลไหม คือมันเป็นปกติของเด็กยุคนี้อยู่แล้วที่จะเล่นโทรศัพท์ ดูโซเชียล เสพข่าวต่างๆ ก็เป็นปกติค่ะ แต่ถ้าช่วงไหนที่เราเสพเยอะๆ แล้วมันมีผลกระทบต่อจิตใจเรา ก็จะไม่เล่น และจะไปหาอย่างอื่นทำ ออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง แค่นั้น
เมื่อไหร่ที่ไม่โอเคหนูจะปิดทุกการสื่อสาร หนูจะไม่ให้โทรศัพท์เด้งเตือนว่ามีคนทักมานะ หรือมีคนคอมเมนต์ถึงเรานะ คือจะตัดเลย แต่ก็ไม่ใช่ไม่อ่านเลย คือเราอ่านในสิ่งที่เราควรจะอ่าน อันไหนที่มันเป็นความจริงและเราควรจะนำมาปรับแก้ไข เราก็เอามาแก้ไข แต่อันไหนที่มันไม่ใช่เรื่องจริงเราก็รู้อยู่แก่ใจ เขาพูดถึงเราได้ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อตัวเราขนาดนั้น เพราะเราก็ต้องรู้ตัวเราว่าเราเป็นคนยังไง เราต้องมีสติมากๆ เวลาเจออะไรแบบนี้ ต้องยืนให้แข็งเข้าไว้ ตัวเองสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะมีคนรอบข้างที่แข็งแกร่งแค่ไหน แต่ถ้าเราเจอกับตัวเอง เราก็ต้องช่วยตัวเองนะในเรื่องจิตใจ”
เผยไม่มีผลกระทบกับงาน เพราะค่อนข้างปรับตัวเองได้
“มุมที่อยากอยู่คนเดียวมีอยู่แล้วค่ะ เมื่อไหร่ที่เครียดมากๆ อย่างวันนี้ฉันไม่อยากเจอเพื่อน แต่เพื่อนอยากเจอเรามาก ก็จะบอกว่าเดี๋ยวค่อยเจอกันนะ แต่ก็ไม่ได้พูดให้เขาเป็นห่วง แต่จะบอกว่าติดเรียน ติดนั่นนี่ แต่เมื่อไหร่ที่อยู่กับตัวเองก็จะไม่ปล่อยให้บรรยากาศมันเคว้งไปกว่าเดิม ก็เปิดเพลงฟัง บางทีก็ร้องเพลงในห้องน้ำบ้าๆ บอๆ ของเราไป ช่วงเวลาที่ผ่อนคลายก็เล่นกับแมว คุยกับที่บ้าน
หนูว่ามันไม่ได้มีผลกระทบกับงานขนาดนั้นถ้าเรารู้ตัวเองและดึงตัวเองกลับมาได้ มันก็ไม่มีผลกระทบค่ะ แต่ถ้าเมื่อไหร่เราจัดการกับตัวเองไม่ได้ ทุกคนก็จะเห็นเลยว่าวันนี้เรามีอะไรในใจแน่ๆ แต่ไม่ใช่ว่าออกทางสีหน้าขนาดนั้นนะคะ ก็ยังคงคุยกับทุกคนสนุกสนานได้ แต่แววตามันฟ้อง (หัวเราะ) แต่ถ้าตอนนั้นเราต้องถ่ายละคร คือตัวละครมันก็เครียดอยู่แล้วค่ะ มันก็เลยไม่ได้ยาก (หัวเราะ) เรื่องต่อไปขอวอนผู้จัดเลยได้ไหมคะ ขอเป็นเด็กสดใสตลกน่ารักบ้าง (หัวเราะ)”
เชื่อถ้าได้เล่นละครแนวคอมเมดี้ก็สามารถเล่นได้
“หนูเชื่อว่าผู้จัดหลายๆ ท่านคิดว่าหนูเล่นตลกได้ เพราะจริงๆ หนูก็เป็นคนโบ๊ะบ๊ะอยู่ หนูไม่ได้เป็นคนซีเรียส แต่หนูว่าด้วยคาแรกเตอร์มากกว่า เพราะคาแรกเตอร์หนูไม่ได้เอิ๊กอ๊ากตามวัย และด้วยหน้าตาเราที่ดูเข้ม ดูจริงจัง ดูเป็นสาววิชาการ สาวทำงานในบริษัทเป็น CEO เป็นผู้นำคนได้อะไรประมาณนั้น ถามว่าเป็นสาวบ้านไร่ได้ไหม ก็เป็นได้ แต่หน้าหนูลูกครึ่งมาก หนูจะบ้านไร่ยังไง (หัวเราะ) จะให้หนูไปนั่งอยู่หลังไอ้ทุยมันไม่ได้หรือเปล่า (หัวเราะ) แต่ถ้าได้รับบทแบบนั้นจริงๆ พอเราได้ทำการบ้าน หนูว่ายังไงก็เล่นได้ มันก็จะออกมาเป็นอีกลุคนึงที่คนไม่เคยเห็น หนูว่าก็น่ารักไปอีกแบบนะ”