เป็นประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อยหลังมีรายงานว่านักแสดงหญิง "เนฟ แคมป์เบลล์" (Neve Campbell) ในวัย วัย 48 ปี จะไม่กลับไปเล่นหนังแฟรนไชส์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธออย่าง "Scream" (หวีดสุดขีด) ในภาค 6 แล้ว
“น่าเสียดาย แต่ฉันจะไม่แสดงภาพยนตร์เรื่อง 'Scream' เรื่องต่อไปแล้ว” แคมป์เบลล์เผยกับวาไรตี้ดอทคอมทั้งที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าเธอรับแสดงหนังเรื่องนี้ไปแล้ว
โดยนักแสดงที่โด่งดังจากบท "ซิดนีย์ เพรสคอตต์" ในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวระบุถึงเหตุผลหลักๆ ว่าเป็นเพราะเธอรู้สึกว่าข้อเสนอที่ได้รับไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่เธอได้ทำให้กับแฟรนไชส์เรื่องนี้มาโดยตลอดนั่นเอง
“ในฐานะผู้หญิง ฉันต้องทำงานหนักมากในอาชีพการงานเพื่อสร้างคุณค่าของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงเรื่อง 'Scream' ฉันรู้สึกว่าข้อเสนอที่เสนอมานั้นไม่เท่ากับมูลค่าที่ฉันมอบให้กับแฟรนไชส์ เป็นการตัดสินใจที่ยากมากที่จะเดินหน้าต่อไป"
"ถึงแฟนๆ 'Scream' ทุกคน ฉันรักคุณ คุณให้การสนับสนุนฉันอย่างไม่น่าเชื่อเสมอมา ฉันรู้สึกขอบคุณคุณตลอดไปและสิ่งที่ได้รับจากแฟรนไชส์นี้ให้ฉันตลอด 25 ปีที่ผ่านมา”
ก็แค่(นักแสดง)หนังสยองขวัญ
หลังได้รับความนิยมอยู่พักหนึ่งในช่วงทศวรรษที่ 80 หนังแนวไล่ล่า-ไล่ฆ่าชวนหลอนประสาทที่ถูกเรียกว่า Slasher ก็ดูจะซบเซาลงไปอย่างเห็นได้ชัด
กระทั่งการมาของ Scream ในปี 1996 ผลงานของ "เวส คราเวน" เจ้าพ่อหนังแนวสยองขวัญ อาทิ The Hills Have Eyes (1972), A Nightmare on Elm Street (1984) ก็ทำให้หนังในแนวนี้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามตลอดทั้ง 5 ภาคของ Scream แม้หนังจะได้รับความนิยม รวมถึงประสบความสำเร็จในเรื่องรายได้ แต่กระนั้นหนังก็ยังถูกมองว่าเป็นเพียงหนังสยองขวัญที่ไม่จำเป็นจะต้องมีต้นทุนอะไรที่สูงมากนัก
โดยก่อนหน้านี้ แคมป์เบลล์ และเพื่อนนักแสดง "เจมี ลี เคอร์ติส" เคยออกมาพูดถึงความเหมาะสมในเรื่องของค่าตัวของนักแสดงด้วยการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องของค่าจ้างอย่างตรงไปตรงมา โดยเคอร์ติสเองแม้จะแสดงนำในซีรีส์เรื่อง “ฮัลโลวีน” ที่ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ แต่เธอก็ยอมรับว่าเธอไม่ได้รายได้อะไรที่มากมายนักจากการแสดงภาพยนตร์สยองขวัญจริงๆ
ขณะที่แคมป์เบลล์ก็ได้เล่าถึงประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกันกับ “Scream 3” ในปี 2000 โดยระบุว่าแม้เธอจะมีการทำข้อตกลงที่เรียกกันว่า "แบกเอนด์" (BACKEND การทำสัญญาแบ่งรายได้ในภายหลังหากหนังทำกำไร) แต่เอาเข้าจริงๆ เธอก็แทบจะไม่ได้รับเงินในส่วนนั้นเลย
"มีสัญญาของแบกเอนด์อยู่เสมอ...และแน่นอนว่า มันจมอยู่ในการประชาสัมพันธ์และค่าใช้จ่าย และเหตุผลทั้งหมดที่พวกเขากล่าวว่า 'โอ้ ไม่จริง หนังเราไม่ได้ทำจำนวนเงินที่เราอ้างว่าเราทำในสื่อทั้งหมด ดังนั้นเราจึงไม่...น่าเสียดายที่ไม่ต้องให้คุณ"
Scream 6 เดินหน้า
ข่าวคราวการออกมาปฏิเสธที่จะเล่น Scream ภาค 6 ของ แคมป์เบลล์ ที่แสดงหนังแฟรนไชส์นี้มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อายุ 22 ปีกระทั่งได้รับฉายาว่าราชินีหนังหวีดแม้จะทำเอาแฟนหนังรู้สึกแปลกใจและเสียดาย แต่กระนั้นส่วนใหญ่ต่างก็เข้าใจและเห็นด้วย
โดยบางคนก็มองว่าด้วยวัย 48 ปีของเธอ การจะให้ตัวละครอย่าง "ซิดนีย์เพรสคอตต์" ยังต้องมาเผชิญอะไรแบบนี้อีกก็ดูจะเป็นการทรมานเจ้าตัวเกินไปมั้ย?
ปัจจุบัน "เนฟ แคมป์เบลล์" กำลังมีผลงานเรื่อง The Lincoln Lawyer ที่ฉายผ่านทางช่องเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งในขณะที่อนาคตของเธอกับ Scream ภาค 6 จะยังไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร รวมถึงหนังเองจะยังไม่ถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ แต่ค่าย Paramount Pictures ก็กำหนดวันเข้าฉายมาแล้วนั่นคือ 31 มีนาคม 2023
สำหรับจุดที่ทำให้ทั้ง Paramount Pictures และ Spyglass Media คิดจะทำภาคที่ 6 ขึ้นมาก็เพราะความสำเร็จจาก “Scream” ภาคล่าสุดที่เพิ่งเข้าฉายในช่วงต้นปี 2022 (หนังรูบูตจากงานต้นฉบับภาคแรกจึงใช้ชื่อว่า Scream โดยไม่มีตัวเลข 5 ต่อท้ายเหมือนกับ Scream 2, Scream 3, และ Scream 4) ที่ทำรายได้รวม 140 ล้านดอลลาร์ทั่วโลกจากต้นทุนเพียง 25 ล้านเหรียญนั่นเอง
ในส่วนของนักแสดงนั้น นอกจากจะได้นักแสดงจาก Scream 4 อาทิ "คอร์ตนีย์ ค็อกซ์" (Courteney Cox), "เฮย์เดน แพนิตเทียร์" (Hayden Panettiere), "เดวิด อาร์เควตต์" (David Arquette) และ "มาร์เลย์ เชลตัน" (Marley Shelton) กลับมาพร้อมหน้าแล้ว...
หนังยังจับกลุ่มวัยรุ่นด้วยการดึงนักแสดง อย่าง เมลิสสา บาร์เรรา ดาราจาก “In the Heights”, เจนนา ออร์เตกา (“Jane the Virgin”), ดีแลน มินเนตต์ (“13 Reasons Why”) และแจ็ค เควด (“The Boys”) มาร่วมงานด้วย
Scream 6 (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) จะกำกับโดย Matt Bettinelli-Olpin และ Tyler Gillett จากภาคที่ 5 รับหน้าที่อีกครั้ง โดยคาดว่าจะเริ่มถ่ายทำในช่วงซัมเมอร์นี้