ไม่ต้องเงื้อง่าหรืออารัมภบทให้เกิดความโยกโย้ เอาเป็นว่าถ้าหนังอย่าง Cop Shop ได้คนเขียนบทที่ดีหรือคมกว่านี้อีกสักหน่อย ผู้เขียนเชื่อว่าหนังบู๊เรื่องนี้ที่ไม่ได้ลงทุนอะไรมากนัก กลับจะได้ใจนักดูหนังท่วมท้นแน่นอน
เพราะโครงครอบของเนื้อหนังที่ห่มรายละเอียดไว้มันเจ๋งเลยทีเดียว แต่พอบทเขียนออกมาแบบที่เห็นและรับรู้กันตั้งแต่นาทีแรกยันอาวสานจึงกลับด้านกันโดยปริยาย
ว่าไปแล้วผู้เขียนไม่นิยมเขียนเล่าเรื่องของหนังจนผู้อ่านรับรู้เรื่องย่อๆ ได้ แต่สมัครใจจะเขียนถึงอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองหลังผ่านตาถึงฉากสุดท้ายว่าทำไมถึงต้องเขียนถึง กระทั่งปรารถนาจะรั้งดึงให้หาโอกาสได้ดูหนังเรื่องนั้นๆ เช่นกัน
Cop Shop เกือบจะเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่ง เสียดายก็แต่บทของหนังนั่นแหละ
เรื่องของเรื่องคือหนังเปิดฉากมาด้วยการปูเรื่องให้เห็นว่า ‘ยัง รับบทโดย อเล็กซิส เลาเดอร์ เป็นตำรวจหญิงที่ชำนิชำนาญเรื่องปืนและรักเพื่อนตำรวจที่ทำงานโรงพักเดียวกัน จากนั้นจะมาถึงกะล่อนผู้หนึ่งวิ่งหนีตายก่อนจะมาต่อยใส่ตำรวจหญิงคนดังกล่าวจนสลบเหมือด
เหตุผลที่ชายกะล่อนต่อยตำรวจหญิงเนื่องจากเขาอยากติดตะราง!
เออ...ทำไมมันอยากติดตะราง?
บททำท่าจะดีเพราะซ่อนปมไว้ให้ครุ่นคิดติดตาม ต่อมามีชายอีกสองคนก็หาเรื่องติดตะรางแถมเป็นสถานที่เดียวกันกับเจ้าชายกะล่อน
สอดผสานเข้าไว้ด้วยเงื่อนงำของตำรวจอีกคนสองคนเพื่อมุ่งไปสู่ฉากยิงกันสะบั้นหั่นแหลกซึ่งบอกก่อนว่าบรรดาผู้นิยมเสียงกระสุนสาสะแก่ใจแน่นอน
แทนที่บทจะเขียนให้ ‘วิดดิก’ นำแสดงโดย เจอร์ราร์ด บัตเลอร์ ที่แกล้งเมาปลิ้นด้วยจุดประสงค์ต้องหาทางไปอยู่ใกล้ๆ ‘แทตตี้/ รับบทโดย แฟรงก์ กิลโล ชายกะล่อน ตามติดด้วย ‘แล็ป’ ที่ได้ดาราตลกคุ้นหน้าแต่ไม่ค่อยรู้จักชื่อมารับบทบาทนักฆ่าโรคจิต มาในแบบระทึกใจคนดู แต่บทดันไปเขียนให้ทั้งสามดาราที่แสดงสบายๆ ไปต่อปากต่อคำเป็นการใหญ่ แม้ในตอนหลังจะยิงกันสนั่นสองหูแต่มันก็กู้อารมณ์มันๆ กลับคืนไม่ได้
ยัง หรืออเล็กซิส เลาเดอร์เจ๋งมาก แต่ที่เกินหน้าทุกคนกลับเป็นแล็ป หรือ โทบี้ ฮัส นักฆ่าโรคจิตที่แฝงตัวเข้ามาในโรงพักแล้วยิงคนไปหัวเราะเอิ๊กอ๊ากไปอย่างชวนขนหัวลุก
ผู้กำกับ Cop Shop คือ โจ คาร์นาฮาน ถ้าจำไม่ผิดเขามีส่วนในการเขียนบทด้วย
น่าเสียดายจริงๆ