xs
xsm
sm
md
lg

“บอย ปกรณ์” สงสารทั้ง “หน่อง” และ “แพรวา” รู้ว่าเจ็บทั้งคู่ แต่ต้องหาวิธีมูฟออน รักษาแผลใจ รักกับ “เฟย์” ไม่เรียกแฟน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“บอย ปกรณ์” ยอมรับ ตกใจ “หน่อง ธนา” เลิก “แพรวา” ไม่มีสัญญาณอะไรมาก่อน รับหน่องซึมเศร้า ต้องชวนไปทำกิจกรรมให้หลุดจากความเครียด ผ่านมา 2 เดือนสภาพจิตใจดีขึ้น แต่ยังไม่กลับมาสมบูรณ์ ลั่นสงสารทั้งคู่ รู้ว่าต่างฝ่ายต่างเจ็บ แต่ต้องหาวิธีมูฟออนรักษาแผลใจตัวเอง ส่วนความรักกับ “เฟย์” หวานหยด ไม่ได้กั๊กเรียกแฟน อยู่ที่ความรู้สึก

เรียกว่ารักหวานหยดย้อยเลยทีเดียว สำหรับ “บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” กับ “เฟย์ พรปวีณ์ นีระสิงห์” ตอนนี้พัฒนาไปอีกขึ้น มีการอ้อนเสียงสองเรียกกันว่าบูบู้ , บู้บู๋ แต่อย่างไรก็ตาม หนุ่มบอยระหว่างมาร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Aestox พร้อมพรีเซ็นเตอร์ ที่แฟชั่น ฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน บอกว่ายังไม่ได้เรียกฝ่ายหญิงว่าแฟน ไม่ได้กั๊ก แต่คิดว่าอยู่ที่จังหวะและความเหมาะสม รวมไปถึงความรู้สึกของตนด้วย พร้อมกันนี้ก็ได้เผยถึงกรณีที่ “หน่อง ธนา ฉัตรบริรักษ์” น้องชายเลิกรากับ “แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์” ไป 2 เดือนแล้ว สภาพจิตใจเป็นอย่างไร
 
“ผมกับเฟย์มีคำเรียกกัน ไม่ค่อยตายตัว บางทีเป็นคำว่า บูบู้บ้าง บู้บู๋ บ้าง แล้วแต่การพิมพ์ แล้วแต่การเรียก ตามจังหวะหรือบริบทในการใช้ ถามว่าใครเป็นคนคิด ผมไม่แน่ใจนะ มันเหมือนกับเกิดขึ้นมาจากทั้งคู่ ไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นวันแรกคือตรงไหน เราไปอ้อนเขาก็มี คือผมเวลาทำงานเสร็จหรือเวลาถ่ายละครเสร็จเหนื่อยๆ ก็โทร.ไป เหมือนได้คุยกับเขา ได้ยินเสียงเขา เราก็ได้เติมพลัง”

อ้อนเสียงสองกับคนที่รู้สึกดี
คือเราคุยกับคนที่เรารู้สึกดีด้วย โอเคภาพเราอาจจะดูเป็นผู้ชายแมนๆ แต่เวลาคุยเราก็มีเสียงที่อ่อนลงมาบ้าง ให้การคุยมันดูมีความมุ้งมิ้ง กระหนุงกระหนิง ฟีลลิ่งมันเป็นแบบนั้น สมมติโทร.ไปก็แบบ บู้บู๋ทำไรอยู่ ประมาณอย่างนี้ ทำอะไรอยู่บ้าง ทักทาย พูดคุยครับ”

แม่ชอบเฟย์ ดีใจที่ตนมีคนคุยด้วย
"ดีครับ ความจริงแล้วเขาก็ดีใจที่เรามีคนที่คอยคุย เป็นคนที่คอยเป็นคู่คิดให้เรา แล้วยิ่งเป็นเฟย์ด้วย แม่เขาก็ชอบแหละครับ เขาก็ชอบเฟย์ ถามว่าเรียกแฟนได้หรือยัง ตอนนี้ยัง สำหรับผมกับเฟย์ เรายังไม่ได้ตกลงกันเป็นแฟนเลยจริงๆ ส่วนที่เขาบอกว่าให้เราเปิดก่อน คือมันไม่ใช่ว่าใครเปิดก่อน หรือว่าใครเปิดหลัง แค่ว่าเราสองคนยังไม่ได้ตกลงว่าเป็นคำนั้น ซึ่งสำหรับผมแล้ว ผมก็ไม่ได้กั๊กหรอกว่าเป็นแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าไม่เป็น มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกั๊กอยู่แล้ว ถ้า ณ วันนึงความสัมพันธ์มันไปถึงจุดนั้น ผมก็ตอบไปตามตรง”

ถึงเวลาก็เรียกแฟน เชื่อจะเกิดในเวลาที่เหมาะสม
ผมว่ามันต้องมีแหละ คือเรื่องการสร้างโมเมนต์พิเศษขึ้นมา ผมก็ไม่ได้คิดไปถึงจุดนั้น ตัวผมเองไม่ได้เป็นคนที่ต้องสร้างมันขึ้นมา หรือทำอะไรแบบใหญ่โต เราก็เป็นคนที่ชอบอะไรเรียบง่ายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเกิดจังหวะวันนึงความรู้สึกมันพอเหมาะพอดี ผมว่ามันก็คงเกิดขึ้นเองตามความเหมาะสม”

อ้อนเฟย์ เติมเต็มความรู้สึก
“ (หัวเราะ) คือเราก็มีคนที่ทำให้เรามีความสุข มีคนที่อยู่ข้างๆ พอเราอยู่ด้วย เราก็อยากมีโมเมนต์ให้ได้อ้อนเขา หรือว่าพูดคุยแบบเสียงสองกับเขาบ้าง เป็นอะไรที่เติมเต็มความรู้สึกให้เรา

ถ้าถามว่าใครอ้อนกว่ากัน ผมว่าทั้งคู่นะ แต่ก็มีจังหวะโมเมนต์ทั้งคู่เป็นช่วงคุยมุ้งมิ้งกระหนุงกระหนิง ตัวเฟย์เองเขาก็เป็นคนน่ารักอยู่แล้ว เขารู้ว่าเราทำงานเหนื่อยๆมา เขาก็คอยให้กำลังใจเรา มันก็เหมือนกับคอยซัปพอร์ตกัน บางทีช่วงที่เขาเหนื่อยเราก็ให้กำลังใจเขา มีการขอคำแนะนำกัน พูดคุย ความจริงแล้วความรู้สึก ความสัมพันธ์ของเราสองคน การพูดคุยมันก็เหมือนผู้ใหญ่คบกัน มีเรื่องราวอะไรก็มาปรึกษากันพูดคุยกัน แต่แน่นอนเวลาคบกัน คุยกัน ชอบกัน มันก็ต้องมีจังหวะมุ้งมิ้งกันบ้าง”

ไม่ใช่แค่เฟย์ที่เซอร์ไพรส์ หลายคนก็ไม่รู้ว่าตนมีโมเมนต์นี้
“ผมว่าก็คงไม่ใช่แค่เฟย์ครับที่เซอร์ไพรส์ หมายถึงว่าหลายๆ คน ที่ได้รับรู้ว่าผมมีโมเมนต์พวกนี้ หลายๆ คนอาจจะมองว่าผมมีบุคลิกที่แบบฮาๆ หรือบางทีก็แมนๆ ไปเลย แบบไม่ได้คิดว่าผมจะมีมุมมุ้งมิ้งอะไร ครั้งแรกๆ เขาก็เคยบอกผมเหมือนกันว่าเขาก็แปลกใจเหมือนกันที่มีโมเมนต์อ้อนๆ”

คนรอบข้างเขาทักไหมว่าเราเปลี่ยนไปก็มี เพื่อนๆ แหละ แก๊งผม เขาก็มีแซวบ้าง คำเรียกอะไรก็ตาม อย่างวันนั้นล่าสุดมีประชุมงานกันของทีม มี อาเล็ก (ธีรเดช เมธาวรายุทธ) เกรท (วรินทร ปัญหกาญจน์) เจมส์จิ (จิรายุ ตั้งศรีสุข) เป๊ก (เปรมณัช สุวรรณานนท์) พอดีว่าเฟย์เขาเสร็จงานเขาก็ตามมาสมทบ ผมก็เรียกเขาว่าบูบู้ อาเล็กก็พากันกวน อาเล็กก็พูดบู้กินยัง มีบ้างหยอกๆ กัน เขาก็มีพูดบ้างว่าเราซอฟต์ขึ้นนะ หมายถึงเพื่อนๆ นะครับ พอไปอยู่ด้วยแล้วมีความซอฟต์ขึ้น แบบไม่ได้กระโชกโฮกฮากกับพวกมัน อยู่กับเฟย์ก็นิ่งขึ้น”

เมื่อไหร่จะเรียกว่าแฟน อยู่ที่ความรู้สึก
"ความจริงแล้วตัวผมเองไม่ได้ว่าจะต้องจำกัดเวลา หรือมีลิมิตว่าจะต้องกี่เดือน ผมว่ามันขึ้นอยู่กับความรู้สึก แล้วก็ความเหมาะสมที่เกิดขึ้น ผมว่าถ้ามันจะเกิดขึ้นเอง แล้วผมก็ไม่กั๊กแน่นอน ส่วนเฟย์เขาก็เรียกกลับอย่างเนี่ยแหละ ปกติก็จะมีทั้งคุณ มีผม มีเรียกชื่อ มีเขา บูบู้ และบู้บู๋ ก็เรียกวนกันไป ผมได้หมด คือเวลาเขาเรียกเรามาด้วยคำที่มันน่ารัก ก็ทำให้เรารู้สึกว่าน่ารัก”

คู่ตนแฮปปี้ ฝ่ายหญิงใส่ใจความรู้สึก
“แฮปปี้ครับ ดีครับ คือเหมือนกับว่าเราเข้าใจซึ่งกันและกัน เติมเต็มซึ่งกันและกัน อย่างที่ผมบอก น้องเขาเป็นคนที่แบบค่อนข้างเป็นคนที่ใส่ใจความรู้สึก เขาก็จะมีความน่ารักในมุมตรงนี้ของเขา”

รับ “หน่อง ธนา” ซึมเศร้า เลิก “แพรวา ณิชาภัทร” เตรียมชวนไปทำกิจกรรมให้หลุดจากสิ่งที่เครียด ชี้เป็นอย่างนี้กันทุกคน เวลาต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก
"ความจริงแล้วที่บ้านก็รับรู้กัน อาจจะไม่ได้รับรู้กันแบบเรียลไทม์นะ ที่บ้านบางทีเรื่องความรัก ด้วยความที่มันเป็นบ้านผู้ชาย ไม่ได้อัปเดตกันเรียลไทม์หรอก บางทีเกิดเรื่องราวอะไรในตัวเขา กว่าเราจะมารู้ก็ผ่านไปแล้วกี่วัน หรือว่าเป็นอาทิตย์ แต่ว่าพอได้รับรู้จากปากของหน่อง เขาก็ซึมๆ แหละ เขาก็มีโมเมนต์หงอยๆ ซึมๆ เศร้าๆ แต่ถ้าเกิดใครเคยได้ยินที่บ้านผมสัมภาษณ์ คือจะรู้ว่าพี่น้องบางทีไม่ค่อยได้คุยกันเลย แต่จะคุยกันผ่านคนกลาง หน่องก็จะไปเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็จะมาเล่าให้ผมฟัง หรือเล่าให้ภัทรฟัง แม่เขาก็จะบอกว่าชวนหน่องมันไปกินข้าวบ้างพรุ่งนี้ เราก็ไม่อยากจะไปพูดอะไรที่ไปสะกิดหรอก เราก็บอกหน่องเดี๋ยวไปกินข้าวกัน ไปเดินเล่นด้วยกันเปล่า ก็ชวนกันแค่ให้เขาหลุดออกจากสิ่งที่เขาต้องกังวลหรือเครียดอยู่ ให้เขาได้มาทำกิจกรรมอะไรที่ปลดปล่อยบ้าง

ถามว่าเขาซึมมากไหม เขาก็มีความซึม มีความหงอยๆ แบบไม่ค่อยอยากกินอะไรบ้าง ผมว่ามันเป็นปกติของทุกคนเนอะ เวลาที่ต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก เราก็เป็นห่วงเขาในระดับนึง แต่ว่าเราก็พอจะรู้จักน้องชายของเราเหมือนกันว่าแน่นอนตรงนี้ผ่านสิ่งที่ยากลำบากมา ต่างคนต่างเสียใจแน่นอน แต่ผมว่าเรื่องของระยะเวลามันก็จะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง ซึ่งตอนนี้เวลามันก็ผ่านมาพักนึง ตัวหน่องเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ”

รับต่างคนต่างเจ็บ ทำได้แค่ดูแลอยู่ห่างๆ
“เราก็รู้ครับที่เขาบอกว่าฝากให้ไปดูแลหน่อง มันเป็นเรื่องที่สองคนต้องแยกกันไป แน่นอนต่างคนต่างเจ็บอยู่แล้ว เราเองในฐานะที่เป็นครอบครัว ก็ดูแลความรู้สึกกันแน่นอนอยู่แล้วคอยประคับประคอง ตามลักษณะว่าสไตล์ใครสไตล์มันด้วย บ้านผมก็จะเป็นประมาณอย่างนี้ หน่องก็จะปรึกษาแม่แหละ อย่างผมก็จะเป็นลักษณะไม่ค่อยไปพูดเยอะ ไม่ค่อยไปสะกิดเยอะ แต่รับรู้ และเป็นห่วงอยู่ ดูอยู่ห่างๆ ชวนเขาไปทำอย่างอื่นให้รู้สึกผ่อนคลาย”

ยอมรับตกใจ ไม่มีสัญญาณอะไรมาก่อน
“เอาจริงๆ ก็ตกใจแหละครับ ตกใจครับ เพราะว่าก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้รับรู้ถึงสัญญาณอะไรมากมาย หน่องก็ไม่ได้มีมาคุยกันก่อนหน้านี้ อย่างที่ผมบอก บ้านผมผู้ชาย 3 คน ไม่ค่อยจะมาปรึกษาเรื่องความรักอะไรหรอก”

ผ่านมา 2 เดือน ดีขึ้นเรื่อยๆ
"อย่างที่ผมบอกครับ พอระยะเวลามันผ่านไปเรื่อยๆ ผมว่าเขาก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่ถ้าเกิดไปถามว่าเขายังรู้สึกอะไร เขาต้องรู้สึกอยู่แล้วแหละ เขาก็ยังไม่ได้กลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิม เราก็แค่ไม่อยากไปสะกิดเขา สงสารเขา สงสารทั้งคู่เอาจริงๆ คือตัวเราก็ได้อยู่ในช่วงที่เขาทั้งสองคนคบกัน เหมือนเวลาเขามาเที่ยวที่บ้านผม เขาก็น่ารักกัน แต่พอเขาแยกจากกัน รู้สึกว่าสงสารทั้งคู่แหละ เขาต้องเสียใจกันทั้งคู่อยู่แล้ว ผมว่าทุกคนพอแยกกัน เสียใจ แต่ในเมื่อทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว ต่างคนก็ต่างที่จะต้องหาวิธีที่จะมูฟออนตัวเอง รักษาแผลใจตัวเอง อย่างหน่องเขาก็ไม่ได้เป็นคนที่มีเพื่อนฝูงเยอะแยะ ทุกวันนี้เขาก็จะอยู่กับวันใหม่ พาน้องไปโน่นไปนี่ ผมว่าเป็นวิธีในการมูฟออนของเขาด้วย”











กำลังโหลดความคิดเห็น