เนื่องในโอกาสครบ 50 วัน กับการจากไปของศิลปินแห่งชาติ “ต้อย เศรษฐา ศิระฉายา” วันนี้ (10/ เม.ย./ 65) ทางครอบครัวศิระฉายา นำโดยลูกสาว “อี๊ฟ พุทธธิดา ศิระฉายา” จึงได้จัดพิธีทำบุญและสวดสวดอภิธรรม ณ ศาลา 16 วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร
โดยภายในงาน มีแขกมาร่วมทำบุญเลี้ยงพระเพล และฟังพระสวดอภิธรรมมากมาย อาทิ สมบัติ เมทะนี พร้อมภรรยา, นฤมล ล้อมทอง กรรมการผู้จัดการ ศาลาเฉลิมกรุง, พลตำรวจเอก สถาพร หลาวทอง, หมี โชติรัตน์ รักเริ่มวงษ์ ผู้กำกับชื่อดัง, ปู นริสา, ตุ๊ก เดือนเต็ม สาลิตุลย์, ชมพู ฟรุ๊ตตี้ และน้าเน็ก เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ฯลฯ
ส่วนกำหนดการสวดพระอภิธรรม ที่จัดขึ้นทุกวันจันทร์นั้น ก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม ในวันจันทร์ที่ 18 เม.ย. ถึงวันจันทร์ที่ 23 พ.ค. 2565 โดยในวันที่ 23 พ.ค. นั้น “ต้น เติมศักดิ์” สามีของอี๊ฟ จะบวชพระเป็นเวลา 15 เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับอาต้อยอีกครั้ง ที่วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร
ซึ่งงานนี้คุณแม่ “เปี๊ยก อรัญญา นามวงศ์” พร้อมกับลูกสาว “อี๊ฟ พุทธธิดา ศิระฉายา” และลูกเขยดีเด่น “ต้นเติมศักดิ์ ศักดาพร” ก็ได้ออกมาเปิดใจถึง 50 วันของการจากลาว่า…
แม่เปี๊ยก : “วันนี้เป็นครบรอบ 50 วันนะคะ ก็มีพิธีสวด 50 วันให้ แล้วก็เลี้ยงพระ แล้วตอนบ่ายก็มีการสวดพระอภิธรรมอีกค่ะ”
ยังคงมีเพื่อนๆ แฟนๆ มาร่วมฟังสวดอยู่ตลอด
แม่เปี๊ยก : “ก็ทุกวันจันทร์เลยค่ะ ตั้งแต่ตอนที่สวด 7 วันเสร็จ แล้วย้ายศาลามาสวดทุกวันจันทร์ ไปจนถึง 100 วัน ก็คือพอ 50 วัน เราก็มาทำบุญคือวันนี้ แล้วเดี๋ยวครบ 100 วัน เราก็มาทำบุญอีก แต่ระหว่างช่วงที่จะไปถึง 100 วันเนี่ย เราก็ยังมาสวดทุกวันจันทร์ค่ะ”
ชื่นใจแฟนคลับยังคงรักและคิดถึง “อาต้อย” ไม่เสื่อมคลาย
แม่เปี๊ยก : “ก็มีกันมาตลอดค่ะ เขารู้เขาก็มากันทุกอาทิตย์ คนก็เยอะประมาณหนึ่ง ชื่นใจค่ะ ชื่นใจว่าคนรักเขาเยอะ คิดว่าคุณต้อยคงไม่เหงาเลย ตั้งแต่จากไปเนี่ย”
มีเหงาเป็นธรรมดา แต่ก็คิดว่าเขามีบุญมาก ได้ไปสบายแล้ว
แม่เปี๊ยก : “มันก็มีเหงาเป็นธรรมดานะคะ แต่เราก็ต้องคิดว่าเขาไปเขาก็สบาย ถือว่าเขามีบุญมากๆ เลยที่ได้รับการตอบรับจากญาติๆ จากแฟนคลับ”
แพลนทำหนังสือชีวประวัติ แจกในงานพระราชทานเพลิง ก่อนจะทำเล่มที่สองมาขายราคาทุน ให้กับคนที่สนใจ และทำพระที่คุณพ่อตั้งใจเป็นประทานสร้าง ให้เสร็จภายในปีนี้
อี๊ฟ : “ใช่ค่ะ ก็เป็นหนังสือที่เราจะแจกในวันพระราชทานเพลิง วันที่ 5มิ.ย. ตอนนี้ก็จะยุ่งหน่อย เพราะข้อมูลค่อนข้างเยอะ แล้วเราก็มีหลายอย่าง ที่อยากจะเอาลงไปในหนังสือให้ได้หมด แต่ก็คิดว่าคงจะไม่หมด อาจจะต้องมีเล่มที่สอง คือเล่มแรกคงจะแจกในงานพระราชพิธี แล้วหลังจากนี้…เราจะทำเหมือนเป็นประวัติชีวิตคุณพ่อ เป็นเล่มใหญ่ คือไม่ได้ทำแจกทั้งหมด เพราะสงสัยว่าจะแพง (หัวเราะ)
คือจริงๆ ที่ทำ เพราะว่าเราอยากทำเก็บไว้เองด้วย แต่ก็จะแจกญาติโยม ที่มาช่วยกันทำบุญมา ช่วยเป็นเจ้าภาพในหลายๆ วันที่ผ่านมา แล้วถ้ามีใครอยากได้ อาจจะเปิดให้จอง แล้วก็จ่ายในราคาทุนที่เราผลิตนี่แหละค่ะ เพราะเรารับผิดชอบทั้งหมด ก็อาจจะไม่ไหว น่าจะเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ชื่อหนังสือยังไม่ได้ตั้งเลย คือคิดว่าคงใช้เวลาประมาณหนึ่งด้วยค่ะ กว่าจะเสร็จคือรายละเอียดเยอะ
คุณพ่อทำงานหลากหลาย แล้วก็มีเคล็ดลับในการทำงาน มีเคล็ดชีวิตค่อนข้างเยอะ ที่เราอยากนำเสนออยากเล่าให้เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อไปด้วย แล้วก็อาจจะเป็นเรื่องลึกๆ ที่คนอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับคุณพ่อ ก็อยากจะเล่าในมุมแบบนั้น ด้วยคงใช้เวลาในการทำนานหน่อย อาจจะต้องหลังงานไปแล้ว แต่จะทำให้สำเร็จได้ภายในปีนี้ค่ะ
แล้วก็จะมีการทำพระด้วย เป็นเหรียญอันสุดท้าย ที่คุณพ่อตั้งใจจะเป็นประทานสร้าง เราจะพยายามทำให้เสร็จภายในปีนี้เหมือนกัน เป็นของวัดทุ่งเศรษฐี จริงๆ คือเราขอไว้ตั้งแต่พ่อป่วยใหม่ๆ แล้วก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะทำ พอช่วงที่ทรุดหนักเนี่ย ก็คุยกัน พ่อก็บอกว่าอยากให้ทำ แต่ว่าไม่รู้จะเสร็จทันไหม แล้วก็ไม่ทันจริงๆ แต่ไหนๆ ก็ตั้งใจแล้ว เลยอยากจะทำให้เสร็จค่ะ”
เตรียมบวชให้พ่อตา วันที่ 23 พ.ค.เป็นเวลา 15 วัน เพื่อส่งท่านไปสวรรค์
ต้น : “ใช่ครับ ของต้นก็กำหนดการคือ 23 พ.ค.นะครับ ตั้งใจที่จะบวชให้กับคุณพ่ออีกสักครั้งหนึ่ง ก่อนหน้านี้ก็บวชไปแล้วเนอะ เท่าที่ทราบกันคือช่วงปลายปี แต่ตอนนี้ก็อยากจะบวชให้ท่านอีกสักครั้งหนึ่ง ด้วยความตั้งใจของตัวเองนะ คือผมน่าจะคิดถึงท่านมากครับ ฝันถึงท่านแทบทุกวันเลย แล้วล่าสุดที่ฝัน คือแกบอกว่าพ่อมีอะไรจะบอกนะ เดี๋ยวรอให้ลูกบวชก่อน ก็เหมือนกับแกมีทริคนิดหนึ่งอะนะฮะ (ยิ้ม) ผมก็เลยตั้งใจที่จะบวชครับ บวชทดแทนท่าน แล้วก็ส่งท่านไปสวรรค์ ให้ที่สุดความตั้งใจของเราครับ ก็ตั้งใจไว้ว่าจะบวช 15 วันครับ ตอนบวชเป็นพระก็จะยังอยู่ในงานพระราชทานเพลิงด้วย เป็นวันที่ 23 พ.ค.ถึงวันที่ 8 มิ.ย.ครับ”
คิดถึงคุณพ่อมาก ถึงขั้นเอาเสื้อผ้าของท่านมาใส่ ไม่เว้นแม้แต่บ็อกเซอร์
ต้น : “ไม่อยากจะพูดว่าบ็อกเซอร์ก็ใส่ครับ (หัวเราะ) ก็คิดถึงท่านมากๆ จริงๆ ครับ คิดถึงมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยังทำเหมือนท่านไม่ได้ หรือว่าทำเพื่อแม่ไม่ได้ คือผมยังร้องเพลงเหมือนพ่อไม่ได้นะครับ เหลือแค่สุดท้ายแล้ว”
อี๊ฟ : “พยายามบอกอยู่ว่าพ่อ…ขอให้ร้องเพลงแบบพ่อได้ไหม จะได้หาเงินได้เยอะๆ ด้วย”
อยากตอบแทนคุณพ่อ ทำอะไรได้ก็อยากทำให้ดีที่สุด
ต้น : “คือมันเป็นสิ่งหนึ่งที่ตั้งใจตั้งแต่แรก ที่เข้ามาที่บ้านนี้แล้วครับ คือเราไม่ได้รู้จักท่าน เราไม่ได้รู้จักบ้านนี้ แต่เราเข้ามาแล้ว แล้วมารู้จักทีหลัง มันเหมือนกับว่า มันคือความภาคภูมิใจที่มันเพิ่งเกิด แล้วยังไม่ได้ตอบแทนท่านได้เต็มที่ ก็เลยรู้สึกว่าถ้าตอนนี้เราทำได้แค่นี้ ก็จะทำให้ดีที่สุดครับ”
ปลื้มใจได้ลูกเขยดี มีอะไรก็สนับสนุนกันตลอด
แม่เปี๊ยก : “ก็ปลื้มใจค่ะ ที่เขาคิดทำในสิ่งที่ดีๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเพื่อคุณพ่อ แล้วมันก็ได้ผลไปถึงตัวเขาเองด้วย มันเป็นสิ่งที่ดี นี่เป็นอานิสงส์ที่ดีมากๆ ค่ะ ก็สนับสนุน แต่เราสนับสนุนกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะทำอะไร”
เป็นคนไม่ค่อยฝัน เลยไม่เคยฝันถึงสามี
แม่เปี๊ยก : “ไม่ค่ะ ไม่เลย อาเปี๊ยกเป็นคนไม่ฝันเลยค่ะ เป็นคนแปลกๆ อะ ไม่รู้สิ ตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่เสีย ก็ไม่เคยฝันถึงท่านเลย แปลกมากๆ”
“น้องมีบุญ”ไม่มีถามถึงคุณตา เพราะว่ายังไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ร้องเพลงของคุณตา ได้หลายท่อนแล้ว
อี๊ฟ : “มีบุญจริงๆ เขายังไม่ค่อยรู้เรื่องค่ะ แต่ว่าตอนนี้เขากำลังฝึกร้องเพลงคุณตาอยู่ ร้องได้แล้วท่อนใหญ่ๆ ท่อนหนึ่ง ถ้าทันก็อยากจะให้เขาร้องให้คุณตา ในวันพระราชทานเพลิง ก็คิดว่าคุณตาคงอยากฟัง เวลาเราเปิดโน่นนี่ เขาก็จะรู้ว่านี่คุณตา แต่ว่าความที่ในบ้านอยู่กันหลายคน เขาก็คงไม่ได้รู้สึกว่าอ้าว…คุณตาไปไหน”
ไม่มีใครสอน “น้องมีบุญ” ร้องเพลง แต่กลับชอบร้องเพลงมากกว่าพูด เหมือนมันอยู่ใน DNA
อี๊ฟ : “ก็เปิดให้เขาฟังนี่แหละค่ะ ให้เขาร้องตาม คือจริงๆแล้ว อี๊ฟอยากให้พ่อเขาภูมิใจเท่านั้นเอง ว่าหลานร้องเพลงเขาได้ เพราะมีบุญเขาชอบร้องเพลง ก็น่าจะมาในยีน เขาชอบร้องเพลงมาก คือร้องเพลงกว่าพูดค่ะ เห็นอะไรก็จะร้องเป็นเพลง คิดว่ามันอยู่ใน DNA เขา ก็อยากให้เขาร้องเพลงคุณตาได้ค่ะ”
ยังรู้สึกเหมือนคุณพ่ออยู่ที่บ้าน เพราะทำกิจวัตรประจำวันทุกอย่างเหมือนเดิม
อี๊ฟ : “ใช่ๆ คือเราจะกิจวัตรประจำวัน ค่อนข้างเหมือนกับพ่อยังอยู่ในบ้านทุกอย่าง เรายังนั่งทานข้าวด้วยกัน เราตั้งโต๊ะก็จะมีสำรับคุณพ่ออยู่ด้วย แล้วเราก็นั่งอยู่ในโต๊ะเดียวกัน เป็นอย่างนี้ทุกมื้อค่ะ ถึงจะออกไปทานข้างนอก เราก็ตั้งเหมือนพ่อไปด้วย ไปไหนไปกัน เราก็จะบอกเขาเดี๋ยวไปนี่นะพ่อ อย่างมาวัดก็จะบอกว่ามานะเพราะเราบอกเขาว่า ไม่ต้องอยู่ที่วัดหรอก กลับบ้านนะ พอเวลาสวดอภิธรรมเสร็จ ทำบุญเสร็จ เราก็จะบอกว่ากลับบ้านนะ เขาก็จะกลับบ้านกับเรา ส่วนที่มีบุญเห็น ก็น่าจะเป็นวันแรกที่เขาวิ่งตามเลย”
ขอบคุณแฟนๆ ที่ยังสนใจและมีน้ำใจให้เสมอ
แม่เปี๊ยก : “ขอบคุณแฟนๆ ทุกท่านนะคะ ที่ยังให้ความสนใจกับคุณต้อย แล้วก็ครอบครัวเราอยู่ ขอบคุณที่มีน้ำใจให้เสมอ ขอบคุณมากๆ ค่ะ”