xs
xsm
sm
md
lg

“หวังหยู่” เจ้าของบท "เดชไอ้ด้วน" เสียชีวิตแล้วในวัย 80 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นักแสดงระดับตำนาน “หวังหยู่” เจ้าของบท “เดชไอ้ด้วน” ได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (5 เม.ย.) ที่โรงพยาบาลในกรุงไทเปไต้หวัน ด้วยวัย 80 ปี

โดย หวังหยู่ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองในปี 2011 จนกระทั่งในปลายปี 2015 อาการดังกล่าวได้กำเริบ จนทำให้เขาเป็นลมที่สนามบินในประเทศไทย และได้รับการรักษาตัวในเมืองไทยอยู่พักหนึ่ง จึงถูกส่งกลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิด

ซึ่งหลังมีอาการป่วยมาหลายปี ล่าสุดในวันนี้ลูกสาวของนักแสดงระดับตำนานได้ประกาศข่าวเศร้าบนเฟซบุ๊กว่า หวังหยู่ ได้จากโลกนี้ไปแล้ว

“เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ต้องบอกทุกคนว่า คุณหวังหยู่ คุณพ่ออันเป็นที่รักของเราจากไปอย่างสงบในเช้าวันที่ 5 เมษายน ที่โรงพยาบาลไทเป เจิ้นซิง หลังจากต่อสู้มา 6 ปี ด้วยวัย 80 ปี พ่อใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์ และให้ความสำคัญกับเพื่อน ๆ ทั้งใน และนอกวงการ ท่านใช้ชีวิตอย่างกล้าหาญ และเต็มไปด้วยสดใส เราจะคิดถึงพ่อเสมอ เรายังเชื่อในดาบแขนเดียวของท่าน ภาพลักษณ์ของฮีโร่ที่หล่อเหลาจะคงอยู่ในประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์และในหัวใจของแฟน ๆ ตลอดไป”


"หวังหยู่" หรือ "หวังอี่ว์" เดิมชื่อ "หวังเจิ้งเฉวียน" เกิดเมื่อ : 28 มีนาคม ค.ศ.1944 ที่ อู๋ซี มณฑลเจียงซู ก่อนที่ครอบครัวจะอพยพไปอยู่ที่ฮ่องกงช่วงทศวรรษที่ 60 เจ้าตัวเริ่มเข้าวงการครั้งแรกในสังกัดบริษัทชอว์ บราเดอร์ส เมื่อค.ศ.1963 ก่อนจะมีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกคือ "Tiger Boy" ในปี 1964
.
แม้จะไม่มีพื้นฐานการต่อสู้ด้านการต่อสู้หรือเรื่องหมัดมวย ทว่าเจ้าตัวก็มาแจ้งเกิดจากหนังแอ็กชันกำลังภายในจากภาพยนตร์เรื่อง The One- Armed Swordsman หรือ "เดชไอ้ด้วน" โดยหนังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีไปทั่วเอเชียรวมถึงที่ไทย ก่อนจะกลายเป็นหนังต่อสู้เรื่องแรกที่ทำรายได้ถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐในฮ่องกง

ก่อนที่ เฉินหลงและ บรูซ ลี จะประสบความสำเร็จโด่งดังในวงการหนังจีน หวังหยู่ คือนักแสดงแอ็กชั่นจากจีนคนแรกที่สร้างชื่อได้ในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับเลือกให้รับบทนำในหนังเรื่อง “เดชไอ้ด้วน”ของยอดผู้กำกับ จางเชอะ ในปี 1967 หนังที่ว่ากันว่าเป็นการเปิดศักราชของหนังจีนกำลังภายในอย่างแท้จริง

ผลงานเรื่องนี้ทำให้ หวังหยู่ ขึ้นเป็นพระเอกอันดับ 1 ของ ชอว์บราเดอร์นานหลายปี และมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ หงษ์ทองคะนองศึก ภาค 2 และ หวังหยูสู้ตาย หรือ The Chinese Boxer หนังที่ว่ากันว่าโด่งดังแบบสุด ๆ ในสหรัฐอเมริกา และเป็นการกรุยทางให้ บรูซ ลี ได้แจ้งเกิดได้สำเร็จในเวลาต่อมาด้วย


ในช่วงเวลาดังกล่าว หวังหยู่ ถือได้ว่าเป็นนักแสดงที่ค่อนข้างจะโดดเด่นกว่าดาราคนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกันในบริษัท ชอว์ บราเดอร์ส โดยนักวิจารณ์ต่างบรรยายลักษณะของเขาทำนองว่าเป็นดาราที่มีใบหน้าหล่อเหลาเหมือนบัณฑิตแต่มีร่างกายกำยำน่าเกรงขามเหมือนอสูรร้าย จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "ดาวฤกษ์ที่ทอแสงเปล่งประกายแห่งวงการหนังต่อสู้ของจีน"

จนกระทั่งต่อมาบริษัทชอว์บราเดอร์ เริ่มปั้นพระเอกหน้าใหม่ขึ้นมาได้สำเร็จ ทั้ง ตี้หลุง และ เดวิด เจียง ซึ่งเหมือนเป็นการเข้ามาบดบังรัศมีของ หวังหยู่ โดยตรง ประกอบกับเรื่องค่าตัวที่ตกลงกันไม่ลงตัว ทำให้เขาตัดสินใจออกจากบริษัท เพื่อไปผลิตผลงานภาพยนตร์ด้วยตัวเอง และสามารถสร้างสีสันต่าง ๆ ให้กับวงการภาพยนตร์ได้ไม่น้อย

หนึ่งในผลงานดังของ หวังหยู่ ก็คือการไปร่วมทุนสร้างหนังระดับนานาชาติกับทางออสเตรเลีย และดึงอดีต เจมส์ บอนด์ อย่าง จอร์จ ลาเซนบี ให้มาร่วมแสดงในหนัง The Man from Hong Kong ด้วยกัน ซึ่งถือว่าเป็นหนังฮ่องกงเรื่องแรก ๆ ที่มีดาราฮอลลีวูดมาร่วมแสดง


อย่างไรก็ตามผลงานที่ดังที่สุดของ หวังหยู่ ก็ยังคงเป็นหนังชุด “เดชไอ้ด้วน” อยู่นั่นเอง แม้จะออกจากชอว์บราเดอร์แล้ว หวังหยู่ ก็ยังมีโอกาสรับบทนี้อีกหลายครั้ง ทั้งในหนังที่จับเอา “เดชไอ้ด้วน” มาเจอกับ “บอดซามูไร” อย่าง ซาโตอิจิ ใน Zatoichi and the One-Armed Swordsman ที่เป็นผลงานการสร้างของทางญี่ปุ่น และหนังที่จับเอา “เดชไอ้ด้วน” สองรุ่นคือ หวังหยู่ และ เดวิด เจียง มาเจอกันใน The One-Armed Swordsmen

นอกจากนั้นเขาก็ยังสร้างตัวละคร “นักชกแขนเดียว” หรือ One-Armed Boxer ขึ้นมาด้วย เพื่อเลี่ยงปัญหากับ ชอว์บราเดอร์ และสร้างออกมาเป็นหนังหลายภาคเช่นเดียวกัน


แม้จะมีผลงานไม่มากนัก ประมาณ 40 เรื่องบนเส้นทางบันเทิงตลอด 30 ปี ทว่าเจ้าตัวก็ได้ชื่อว่าเป็นคนหนึ่งที่มีอิทธิพลอย่างมากในวงการหนังแอ็กชันในยุคทศวรรษที่ 60 - 70 โดยนอกจากงานแสดงแล้ว หวังหยู่ ยังมีผลงานกำกับการแสดง รวมถึงอำนวยการสร้างและเขียนบทภาพยนตร์อีกหลายเรื่องด้วย

หวังหยู่ มีผลงานการแสดงและผลงานการสร้างภาพยนตร์ออกมาอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในผลงานที่กลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้วก็คงจะเป็นภาพยนตร์แนวกำลังภายในที่ชื่อว่า Killer Meteors ที่เขาดึงดาราดาวรุ่งในขณะนั้นอย่าง เฉินหลง ให้มารับบทเป็นตัวร้ายของเรื่อง

แต่หลังจากรับงานแสดงบทรับเชิญในหนังแอ็กชั่น “หินกินเหล็ก” ของ หงจินเป่า ในปี 1986 แล้ว หวังหยู่ ก็แทบจะออกจากวงการบันเทิงไปเลย และไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อด้วยซ้ำไปในช่วงเกือบ 20 ปี เขาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะชนในการไปร่วมพิธีศพของ จางเชอะ ผู้กำกับที่ปั้นเขาจนโด่งดังขึ้นในปี 2002 เท่านั้น


จนในปี 2011 หวังหยู่ จึงได้กลับมารับงานแสดงในหนังกังฟู “นักฆ่าเทวดา แขนเดียว” ที่ได้รับแรงบันดาลใจบางส่วนจาก “เดชไอ้ด้วน” ผลงานระดับคลาสิกของเขาเองหลังจากนั้น หวังหยู่ จึงมีโอกาสได้รับงานแสดงในหนังอีก 3 เรื่อง

โดยมี Soul หนังดรามาเกี่ยวกับชายหนุ่มที่ถูกผีเข้าที่ทำให้ หวังหยู่ ได้ชิงรางวัลม้าทองคำ และกลายเป็นผลงานเรื่องสุดท้ายในชีวิตของเขาด้วย แต่ก็พลาดไปอีก จน หวังหยู่ มาได้ม้าทองคำเป็นตัวแรกในชีวิตเมื่อ 3 ปีก่อนในรางวัล Lifetime Achievement Award โดยลูกสาวเป็นผู้มารับรางวัลแทน

อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของเจ้าตัวก็เห็นจะเป็นความเจ้าชู้ที่ทำให้ต้องตกเป็นข่าวในหลายๆ ครั้งนั่นเอง





กำลังโหลดความคิดเห็น