ถือเป็นข่าวที่สร้างความตกใจให้กับคนที่รับทราบไม่น้อยกับการเสียชีวิตของพระเอกระดับตำนานของบ้านเรา "เอก สรพงศ์ ชาตรี" ในวัย 73 ปีจากอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งปอด
นอกจากงานในวงการบันเทิงโดยมีผลงานภาพยนตร์มากมายเฉียด 600 เรื่อง (เฉพาะปี 2526 เจ้าตัวมีผลงานหนังที่แสดงออกมาถึง 61 เรื่อง) และผลงานละครอีกมากกว่า 100 เรื่อง แล้วทางด้านของนักแสดงคนดังยังได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงที่มีใจบุญกุศลเป็นอย่างยิ่ง
หนึ่งในนั้นก็คือการก่อตั้งมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ริมถนนมิตรภาพ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ขึ้นมาจนกระทั่งกลายเป็นหนึ่งในที่ท่องเที่ยวทางศาสนาที่สำคัญของประเทศ
แม้จะได้รับการยกย่องมากมายทั้งในเรื่องของผลงาน เรื่องนิสัยส่วนตัว ทว่าพระเอกคนดังคนนี้ก็ไม่เคยหลงลืมตัวแต่อย่างไร โดยครั้งหนึ่งเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ "เรื่องของเรื่อง" ด้วยการพูดถึงตัวตนของตนเองว่า...
"เมื่อก่อนผมใช้ชีวิตแบบเด็กบ้านนอก พอจบป.4 ก็บวชเรียนมาจนถึงอายุ 19 จนได้มาพบกับท่านมุ้ย (หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล) ที่ชักชวนให้มาอาศัยอยู่ที่วังละโว้ของพระเจ้ารวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ และเริ่มใช้ชีวิตในวงการบันเทิงด้วยการเป็นเด็กยกของ จัดไฟ เสิร์ฟน้ำ ตัวประกอบ ให้ทำอะไรได้หมด"
"จากนั้น 2 ปีต่อมาก็ได้รับเลือกให้เป็นประเอกครั้งแรกในภาพยนตร์มันมากับความมืด ซึ่งช่วงนั้นยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก เพราะเราเป็นพระเอกที่หน้าตาไม่หล่อ ตัวดำ อีกทั้งหลายบริษัทก็ปั้นพระเอกหน้าใหม่ขึ้นมาหลายคน"
"จนมาถึงเรื่องที่ทำให้ผมเป็นที่กล่าวขวัญสุดๆ ก็คือบทไอ้ขวัญจากภาพยนตร์เรื่องแผลเก่าที่สามารถทำรายได้สูงสุดของหนังไทยสมัยนั้น และได้รับเลือกจากหอภาพยนตร์และโทรทัศน์แห่งชาติของประเทศอังกฤษ (National Film and Television Archive) ให้เป็น 1 ใน 360 หนังคลาสสิกของโลก ซึ่งทำให้ผมภูมิใจมาก"
"แต่ก็ไม่ได้ทะนงตนว่าเราเป็นพระเอกดังนะ เพราะท่านมุ้ยย้ำเสมอว่า ท่านจะสร้างให้เราเป็นนักแสดงที่หลากหลาย เป็นมนุษย์ที่รู้สึกเจ็บปวด มีดี มีเลวชั่ว ไม่ใช่พระเอกฮีโร่ ซูเปอร์สตาร์อย่างที่ใครๆ เรียกกันในยุคนั้นครับ"