ในยุคที่โลกการเงินกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย เป็นปกติที่เราจะเริ่มตั้งคำถามว่า การบริหารเงิน การลงทุนที่ทำอยู่ในปัจจุบัน จะยังใช้ได้อยู่ไหม ต้องปรับรูปแบบ ย้ายเงินไปลงทุนคริปโทเคอเรนซี หรือสินทรัพย์ดิจิทัลบ้างแล้วหรือเปล่า ? คำถามเหล่านี้ บลจ.ลีฟแคปปิตอล มีเคล็ดลับ 3 ข้อง่าย ๆ ที่จะช่วยให้การลงทุนของท่านมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น
“ก่อนจะเริ่มตัดไม้ต้องลับขวาน ก่อนออกเดินทางต้องกางแผนที่” ก่อนเริ่มลงทุน ต้องตั้งเป้าหมายให้ชัด ว่าลงทุนเพื่ออะไร ? หากคำตอบคือ ปีนี้ต้องได้กำไร X% อาจยังไม่ดีพอ การลงทุนแน่นอนว่า นักลงทุนต้องการกำไรที่มากที่สุด แต่ถ้าตั้งสูงเกินไปอาจทำให้เงินลงทุนอยู่ในภาวะ “เสี่ยงเกินความจำเป็น” วิธีการหนึ่งที่ช่วยให้นักลงทุนพอจะประเมินผลตอบแทนคาดหวัง ต่อปีได้สมจริงมากขึ้น คือ การแปลงมูลค่าของเป้าหมายในอนาคตออกมาเป็นจำนวนเงิน เช่น วางแผนเกษียณ จะเกษียณเมื่อไหร่ ใช้เงินเดือนละกี่บาท จะอยู่ถึงอายุสักกี่ปี เป็นต้น เมื่อคำนวณกลับมา จะช่วยให้เป้าหมายผลตอบแทนจับต้องได้มากขึ้น การลงทุนก็มีโอกาสเป็นจริงมากยิ่งขึ้น อย่างน้อยเราก็เห็นภาพและคิดถึงเป้าหมายอย่างจริงจังมากขึ้น
เลือกเครื่องมือให้เหมาะกับจริต หลังจากที่ตั้งเป้าหมายให้แน่วแน่ ชัดเจนแล้ว ขั้นต่อไปคือ หาเครื่องมือที่สามารถมาตอบโจทย์นั้นได้ แน่นอนว่า การลงทุนมีหลายรูปแบบ หลายช่องทาง ถ้านักลงทุนมีความสนใจเรื่องการลงทุนมาก ติดตามได้ตลอดเวลา ชอบเลือก ชอบเทรดเอง ก็ใช้แบบหนึ่ง (บัญชีหุ้น, อนุพันธ์) หรือไม่มีเวลา ภารกิจเยอะ ไม่ชอบตื่นเต้น หรือกังวลจนเสียงาน อยากหามืออาชีพจัดการให้ ก็อีกแบบหนึ่ง (กองทุนรวม, กองทุนส่วนบุคคล) แต่จำเป็นอย่างมากที่ นักลงทุนควรเลือกวางเงินให้ถูกที่ ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมและความคาดหวัง เพราะจะช่วยให้อยู่กับการลงทุนได้นาน และจากสถิติในอดีต การลงทุนได้นานก็ช่วยให้มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น (โอกาสขาดทุนน้อยลง)
เปิดใจรับสิ่งใหม่อยู่เสมอ เป็นคุณสมบัติที่สำคัญในยุคของการเปลี่ยนแปลง การบริหารเงินเพื่อเป้าหมายของชีวิต เป็นเรื่องสำคัญและต้องทำ แต่จำเป็นต้องปรับปรุงให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ กลยุทธ์การลงทุน หุ้น 60 / ตราสารหนี้ 40 ที่ใช้ได้ดีในยุค 1980 หรือการกระจายสินทรัพย์ผสมกลุ่ม Emerging Market เพื่อเพิ่มผลตอบแทน ลดความเสี่ยงที่นิยมในช่วงปี 2000 กลับใช้ไม่ได้แล้วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ดอกเบี้ยต่ำ, หุ้นผันผวน, มาตรการ QE ต่อเนื่อง) โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีสินทรัพย์การลงทุน เครื่องมือ นวัตกรรมช่วยคัดเลือก วิเคราะห์ ช่วยลงทุนเข้ามามีบทบาทมากขึ้น การเปิดใจ ศึกษาข้อมูลใหม่ ๆ ทดลองและปรับใช้กับการบริหารเงินลงทุน จึงมีความสำคัญต่อโอกาสสร้างผลตอบแทนเป็นอย่างยิ่ง
คุณพงษ์ธร ถาวรธนากุล, CFA ผู้ก่อตั้ง และปัจจุบันดำรงตำแหน่ง CEO และ CIO ของ บลจ.ลีฟแคปปิตอล อธิบายเพิ่มเติมว่า “จากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมจัดการลงทุนกว่า 10 ปี ผมเชื่อว่า คนส่วนใหญ่รู้และเข้าใจว่า การลงทุนเป็นเรื่องสำคัญและต้องทำ แต่ทุกคนไม่ใช่นักลงทุนมืออาชีพ ไม่มีเวลาศึกษาข้อมูล ไม่สามารถติดตามสภาวะตลาดได้ตลอด ถึงแม้จะพอหาเวลาได้ก็อาจไม่ต่อเนื่อง ไม่มีความมั่นใจมากพออยู่ดี สุดท้ายไม่ได้ลงทุน พลาดโอกาสทำเงินให้งอกเงยไปอย่างน่าเสียดาย
การลงทุนจะสำเร็จหรือไม่นั้น ผมคิดว่านักลงทุนไม่จำเป็นต้องอัพเดทด่วนทุกเรื่อง มันจะเหนื่อยเกินไป ขอแค่ต้องเลือกวางเงินให้ถูกที่ กำหนดเป้าหมายและวางแผนการใช้เงินให้ชัดเจน ที่เหลือปล่อยให้กลไกที่ออกแบบไว้ทำงานของมันไป
วันเวลาผ่านไปเร็ว เอาเวลาที่มีไปทำในสิ่งรัก สิ่งที่ชอบ ที่เป็น Passion ของท่านดีกว่าไหม ?
ในแง่ของวิธีการบริหารพอร์ต ถ้าจะให้การลงทุนสอดคล้องกับโลกลงทุนในปัจจุบัน ผมมองว่าต้องเป็นลักษณะ Opportunity Allocation ไม่ใช่ Asset Allocation ที่จำกัดอยู่ที่มุมมองของการกระจายสินทรัพย์แบบเดิม แต่จัดสรรเงินลงทุนไปกับโอกาสที่เกิดขึ้นรอบโลกตลอดเวลา สอดคล้องไปกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งบางเรื่องอาจต้องใช้เวลานาน กว่าจะโตแบบก้าวกระโดด แต่ถ้าวิเคราะห์มาแล้ว เชื่อในแนวโน้มการเติบโต ประกอบกับติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เราก็จะรอได้ ไม่ว่อกแว่ก เพื่อเป้าหมายในระยะยาว
บลจ.ลีฟแคปปิตอล (Lief Capital) บริการการลงทุนของเราถูกออกแบบ ภายใต้แนวคิด At Lief, we talk about life ที่ ๆ ลูกค้าเพียงแค่กำหนดรูปแบบการใช้ชีวิต เช่น เป้าหมายทางการเงิน ระยะเวลา ความเสี่ยงที่พอรับไหว ทางทีมจัดการลงทุนของเราจะจัดการในส่วนที่เหลือให้แบบ One Stop Service ครบจบในที่เดียว ผ่านกองทุนส่วนบุคคลที่มีทีมผู้จัดการกองทุน ทำการบ้านมองหาโอกาสลงทุนให้ตลอดเวลา
แต่อยากให้เข้าใจร่วมกันก่อนว่า ความคาดหวัง ไม่ใช่ผลกำไรที่ได้รับสูงที่สุดในแต่ละปี แต่เป็นผลตอบแทนที่มีเสถียรภาพ เน้นความสม่ำเสมอเป็นหลัก สอดคล้องกับเป้าหมายการเงินของลูกค้า บริหารจัดการความเสี่ยงไม่ให้มากเกินไป จนผันผวน ขาดทุนหนัก เลิกกลางคัน หรือเสี่ยงน้อยเกินไป จนโตได้ไม่ถึงเป้า
จากประสบการณ์ ผมพบว่า เงินก้อนหลัก ที่ลูกค้าวางแผนไว้สำหรับเรื่องสำคัญในชีวิต มักไม่ได้ต้องการผลตอบแทนสูงที่มาพร้อมความผันผวน หวือหวา แต่ขอให้โตได้แบบนิ่ง ๆ เรื่อย ๆ ไม่ต้องกังวลมากกว่า
Lief Secular Fund* จัดพอร์ตด้วยแนวคิด Global Opportunity Allocation กระจายความเสี่ยงหลายกลุ่มสินทรัพย์ (หุ้น ตราสารหนี้ อสังหาฯ และสินค้าโภทภัณฑ์) ด้วย ETF ที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ ปรับพอร์ตแบบ Active Management ตามแนวโน้มการเติบโต รวมถึงมีการทำ Rebalancing ปรับสมดุลระหว่างทาง เพื่อผลตอบแทนในระยะกลางถึงยาว กองทุนส่วนบุคคลเริ่มต้นที่ 3 ล้านบาท สามารถเปิดบัญชี และยืนยันตัวตนแบบ Online ผ่าน Lief Mobile Application ได้ทุกที่ทุกเวลา
สถิติในอดีตเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการตัดสินใจ แต่ในฐานะผู้จัดการกองทุน ผมมองว่าหน้าที่ของเราคือ หาโอกาสการลงทุนในอนาคต และเลือกลงทุนให้กับลูกค้า เพราะเงินลงทุนจะเติบโตได้ มันเกิดจาก “เรื่องราว” ในอนาคตที่จะเกิดขึ้น (Growth Story) ถ้าเปลี่ยนให้เป็นผลตอบแทนได้ บางเรื่องอาจจะ 3 ปี บางเรื่องอาจจะ 5 ปี 10 ปี ถึงจะเห็นผล แต่ผมคิดว่านั่นคือ สิ่งลูกค้านักลงทุนอยากให้เราทำ ต้องมองให้ขาดและเราต้องทำให้ได้
แต่ บลจ.ลีฟแคปปิตอล ไม่อยากหยุดแค่จินตนาการ เรามีความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีจุดแข็งทางด้านงานวิจัยด้านการลงทุนอีกมากมาย ก่อตั้ง Lief Investment Lab ที่จะเริ่มเดินเครื่องตั้งแต่ต้นปี 2022 โดยมีเป้าหมายออกแบบกลยุทธ์การลงทุนบนเครื่องมือนวัตกรรมใหม่ ๆ สำหรับลูกค้าโดยเฉพาะ เพื่อให้แน่ใจได้ว่า เรามีความพร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทั้งในแง่เครื่องมือการลงทุน และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่จะครอบคลุมรูปแบบและโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ที่นับวันจะพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด”
“เห็นเครื่องมือไหนดี หรือสินทรัพย์ไหนน่าลงทุน เราก็จะหามาปรับใส่ให้เลยตามความเหมาะสม เราเป็นคนทำของ ก็อยากทำให้ดีสุด วางใจได้ครับ”
ติดตามความเคลื่อนไหวของ Lief Capital Asset Management ได้ที่ Line : @Liefcapital หรือดูข้อมูลกองทุนของเราเพิ่มเติมได้ที่ https://liefcapital.com/lief-fund/
*ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน*