“เบส รักษ์วนีย์” เผยใช้หนี้แทน “พ่อสมรักษ์” 5 ล้าน เข้าใจพ่ออยากทำงาน อยากเป็นหัวหน้าครอบครัว ไม่อยากใช้เงินตน แต่ดวงไม่เหมาะกับการลงทุน ฟุ้งรักหวาน “ตงตง” ลบคำสบประมาทคบกันไม่ถึง 3 เดือนก็เลิก ตอนนี้ฝ่ายชายชอบมาอยู่ที่บ้าน มีห้องให้เล่นเกมส์ แต่ไม่ถึงขั้นย้ายมาอยู่ด้วยกันเพราะยังเด็ก ลั่นเป็นสายเปย์ รักใครก็ให้ แต่ทำให้ด้วยใจ ไม่ใช่คอนเทนต์
หลังจากที่ “สมรักษ์ คำสิงห์” เจอวิกฤตชีวิต แบกหนี้เป็น 10 ล้านจากการถูกหลอกให้ลงทุนซื้อลอตเตอรี่ไปขาย ขณะที่คู่กรณีสมรักษ์ที่โกงเงินก็ยิงตัวตาย ล่าสุด “เบส รักษ์วนีย์ คำสิงห์” เปิดใจว่าตอนนี้สภาพจิตใจพ่อดีขึ้นแล้ว รวมทั้งเข็ดแล้วกับการลงทุนแบบนี้ รับตนเข้าใจพ่อที่อยากเป็นหัวหน้าครอบครัว ไม่อยากใช้เงินตน
“ตอนนี้ก็ปกติแล้วค่ะ ไม่ได้มีอะไรแล้ว แต่หนูไม่แน่ใจเรื่องคดีนะคะ แต่ตอนนี้พ่อก็แฮปปี้ ถ่ายละคร ถ่ายรายการทีวีปกติแล้ว หนูก็ให้กำลังใจตลอด แต่พอผ่านตรงนั้นมาคือคุณพ่อเขาไปบวชปฏิบัติธรรม 7 วัน พอกลับมาเขาก็ดีขึ้นแล้ว ตอนแรกหนูก็เครียดแทน แต่ว่าตอนนี้เห็นพ่อเขาก็บอกทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ว่าเดี๋ยวเขาจะรับผิดชอบเอง ส่วนหนูก็บอกพ่อว่าหนูให้กำลังใจดีกว่า ถ้าเกิดพ่อไม่ไหวก็ให้บอก
เงินก็เยอะเป็นหลักล้าน แต่ก็เหมือนน่าจะเจรจาได้แหละค่ะ เพราะตอนนี้พ่อก็รับงาน จ้างงานพ่อได้นะคะ (หัวเราะ) พ่อรับงานปกติแล้วนะคะ เขาบอกว่าเขาจะรับผิดชอบเอง แต่หนูไม่แน่ใจว่าเคลียร์ยังไง ที่หนูเห็นคือเขาก็บอกเดี๋ยวเขาจะรับผิดชอบเอง ขอเวลาทำงานเก็บเงิน แล้วจะทยอยให้”
เผยพ่อเลิกเป็นตัวแทนขายลอตเตอรี่แล้ว เข็ด หมดไป 10 ล้าน
“ตอนนี้เขาเลิกแล้ว หนูไม่ได้บอกเลย เขาเลิกเองเลย เข็ดเอง (หัวเราะ) (รวมแล้วหมดไปกี่ล้าน?) อันนี้หนูไม่แน่ใจเลยค่ะ ก็น่าจะถึง 10 ล้านอยู่นะคะ ตามข่าวเลยค่ะ หนูเคยใช้หนี้ให้ ในส่วนที่บางคนเขาไม่ยอมเลย ต้องการเป็นก้อนใหญ่ๆ จะเอาเดี๋ยวนี้ เวลานี้ ซึ่งเขาไม่ฟังอะไรเลย เราก็โอเคถ้างั้นเดี๋ยวเบสช่วย เบสก็ให้ค่ะ แต่คือบางเขาก็โอเค ที่จะทยอยให้ได้ เบสช่วยไปน่าจะเกือบ 5 ล้านได้มั้งคะ แต่คือไม่ใช่คนเดียว 5 ล้านนะคะ หมายถึงจ่ายหลายๆ คน แต่เราก็มองว่า 5 ล้านนี่เยอะแล้ว ก็บอกพ่อว่าค่อยๆ ดีกว่า ตอนนี้เขาก็ไม่ทำแล้วค่ะ เขาเลิกเองเลย”
คาดคู่กรณีที่เสียชีวิตอาจเจอพิษเศรษฐกิจ
“หนูว่าเศรษฐกิจด้วยแหละมั้ง คือเขาก็อาจจะได้แรงกดดันมาหลายๆ ทาง พอเศรษฐกิจไม่ดี หาเงินไม่ได้ พอมีทางอื่นที่จะทำร้ายคนอื่น แค่คือเขาก็เสียไปแล้ว เราก็ให้กำลังใจคนที่อยู่ตรงนี้กว่า หนูก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่หนูมองว่าเอาจะเพราะเศรษฐกิจ ความกดดันในใจแต่ละคนมันไม่เหมือนกันค่ะ ก็อยากให้ทุกคนมีอะไรก็ช่วยๆ กัน คนไทยเหมือนกัน อะลุ่มอล่วยกัน”
รับดวงพ่อไม่เหมาะกับการลงทุน แต่เข้าใจพ่ออยากเป็นผู้นำครอบครัว
“ใช่ พ่อทำธุรกิจอะไรก็ไม่ค่อยได้ หนูเลยบอกว่าพ่ออาจจะเหมาะกับการเล่นละคร ออกรายการทีวีอะไรแบบนั้นไป เล่นละครดีกว่า แต่เขาไม่เครียดหรอกค่ะ หนูมองว่าพ่อเขาทำงานมาตลอด พอถึงจุดหนึ่งที่งานลดลง เขาก็อยากทำอย่างอื่นเพิ่ม เพื่อจะได้มีรายได้เหมือนเดิม ไม่อยากใช้เงินหนู หรือเงินครอบครัว เขาอยากเป็นผู้นำครอบครัว หนูเข้าใจเขานะในมุมมองพ่อ ในเมื่อเขาลองโน่นนี้แล้วผิดพลาด เราก็ให้กำลังใจเขา (เราเป็นหัวหน้าครอบครัว?) หนูโอเคอยู่แล้ว หนูยังไงก็ได้ค่ะ สบายๆ บอกพ่อบอกทุกคนในครอบครัวว่ามีปัญหาอะไรก็บอกหนูได้ หนูยินดีช่วย ซึ่งน้องกับหนูก็จะทำยูทิวบ์ น้องก็จะมีช่องแคสเกมส์ หนูไม่แน่ใจรายได้ ก็อาจจะหลักหมื่นค่ะ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในบ้าน หนูก็จ่ายคนเดียวเลยค่ะ”
รับเป็นสายเปย์ เปย์ “ตงตง กฤษกร กนกธร” ทุกเทศกาล ให้รอดูวันวาเลนไทน์ รักใครเราก็ให้
“เดี๋ยววันวาเลนไทน์แล้วนะ พี่ๆ ต้องรอดู (หัวเราะ) มันไม่ได้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ แต่เราหาอะไรที่รู้สึกว่ามันน่าประทับใจ ไม่ได้มองว่าเล่นใหญ่ มองว่าถึงเทศกาลนี้แล้ว ทำแบบนี้ดีกว่า ไม่มีใครเคยทำพี่เขายังไม่เคยได้ เราก็ทำ หนูเปย์อยู่แล้ว ก็ยินดีให้ค่ะ ให้ทุกคนแหละ เรารักใครเราก็ให้ ใครเปย์มากกว่ากัน อันนี้ไม่รู้เลย แต่หนูว่าทั้งคู่นะ หนูก็ไม่เคยมานั่งวัดกับเราเขา ว่าใครให้มากกว่า แต่เรารู้สึกว่า เราให้เขา เขาให้เรากลับ”
ให้จากใจ ไม่ใช่คอนเทนต์ อยากให้จำได้ตลอดไป แม้เลิกรากัน
“ให้จากใจค่ะ เพราะว่าถ้าทำคอนเทนต์ ไม่ต้องลงทุนเยอะขนาดนั้นก็ได้ (หัวเราะ) ถ่ายคลิปอยู่บ้านก็ได้ แต่อันนี้รู้สึกอยากให้จากใจ อยากให้มันดูเป็นที่จดจำในความคิดเขาตลอดไป ต่อให้เขาไม่ได้คบหนู แต่หนูก็อยากให้เขาจำหนูได้ตลอดไป เลยเท่าไหร่ก็ลงทุนให้ค่ะ ไม่เกี่ยวกับคอนเทนต์
ส่วนที่โดนดรามาตลอด หนูเป็นยูทูปเบอร์ ทำอะไรหนูก็ต้องถ่ายคลิป มาวันนี้หนูต้องถ่ายคลิป คือหนูไปไหนหนูต้องถ่ายคลิปไว้อยู่แล้ว เพราะหนูคือยูทูปเบอร์ เพราะฉะนั้นเวลาเราทำอะไร มันเป็นคอนเทนต์เราได้ เราลงคลิปได้ค่ะ ก็เลยคิดว่าเวลาทำอะไรให้พี่เขา ก็ถ่ายคลิปตลอด เลยไม่ได้มองว่าเป็นคอนเทนต์ แต่ทำให้ด้วยใจ ถามว่างงไหม ที่เป็นดรามา ก็ไม่งงค่ะ เข้าใจ ก็เคยถามเพื่อนๆ เหมือนกัน ว่ามองยังไง คนเขาก็อาจจะมองว่าเล่นใหญ่ ก็แล้วแต่คนมอง แต่ในมุมหนู หนูอยากให้พี่เขาจำหนูได้ตลอดไปค่ะ”
ลบคำสบประมาท คบกันไม่เกิน 3 เดือนได้แล้ว
“แต่นี่ก็เพิ่งจะเกือบ 1 ปีเอง คือเราใช้ชีวิตปกติมาก เหมือนคนเป็นแฟนกันทั่วไป ไปกินข้าว ไปช้อปปิ้ง ถ่ายยูทิวบ์ ถ่ายติ๊กต๊อก ถ่ายรูปเล่นกัน ทุกอย่างเป็นคนธรรมดามาก เราไม่ได้มองว่าวันหนึ่งมันจะแผ่ว หรือไม่คลั่งรักกัน คือทำให้ทุกอย่างมันปกติ มันก็เลยอาจจะดูแบบ 1 ปีแล้วยังรักกันอยู่ ก็คือรักกันค่ะ(ยิ้ม) เราจะไม่ค่อยพูดถึงเรื่องดรามากันเท่าไหร่ บางทีเราเห็น แต่พี่เขาอาจจะไม่เห็น ก็เลยไม่อยากบอก”
ตงตงเรียกสมรักษ์ว่าพ่อนานแล้ว พ่อก็เห็นว่าเป็นคนดี คบกันราบรื่น
“เขาเรียกนานแล้ว หนูให้ทุกคนเรียกพ่อว่าพ่อหมด กับเพื่อนก็บอกให้เรียกพ่อเลย ตอนแรกเขาก็ไม่กล้าเรียก แต่ตอนนี้เรียกแล้ว เรียกมายาวๆ เลย คือพ่อกับแม่หนู ถ้าหนูรักใครเขาก็รักด้วยค่ะ พี่เขาก็เป็นคนดี พ่อก็คงเห็น ก็เลยราบรื่นถามว่าประคองกันยังไงให้หวานตลอด ใส่ใจกันค่ะ ไปไหนก็ไลน์บอกกัน ทำอะไรพร้อมกัน (เขามาใช้ชีวิตที่บ้านเราเยอะพอสมควร?) ใช่ เพราะบ้านเขาอยู่ต่างจังหวัด เขาอยู่กรุงเทพฯ คนเดียว พอมาคบเรา เรามีพ่อแม่ มีครอบครัว เขาก็เลยชอบมาที่บ้านค่ะ”
มีห้องให้ตงตงเล่นเกมส์ ไม่ถึงเวลาย้ายมาอยู่ด้วยกัน
“ก็มีแล้ว ตอนแรกเป็นห้องว่าง เอาไว้ซ้อมเต้น เขาก็เอาฟิตเนสมาลง ก็นั่นแหละ หนูก็บอกว่าพี่ตงย้ายไปไหนไม่ได้แล้วนะ (หัวเราะ) ต้องอยู่แล้วนะ ไม่ได้ขนาดย้ายมาอยู่ด้วยกันหรอกค่ะ เขาก็ไปกลับปกติ ถ้าจะอยู่ด้วยกันก็คงยังไม่ถึงเวลา เพราะยังเด็กอยู่ แต่เป็นแฟนกัน ว่างก็ต้องเจอกันถ้าเกิดไม่เจอกัน ห่างกันก็คิดถึง เดี๋ยวก็มีปัญหาอีก เดี๋ยวหวง เดี๋ยวหึง เลยหลีกเลี่ยงให้เกิดการทะเลาะน้อยที่สุด จะได้คบกันนานๆ เพราะคนก็จับตามองเยอะ เราก็เลยแบบว่า ถ้าว่างคือต้องเจอ อยู่ด้วยกันคนชอบ มันก็เป็นอะไรที่ดีค่ะ ยิ่งอยากอยู่ด้วยกัน”
