สถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2562 กระทั่งปัจจุบัน ส่งผลให้ประชาคมทั่วโลกเสียชีวิตมากมายเป็นประวัติการณ์และประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครอยากจดจำ ในประเทศไทยก็มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก กระทั่งรัฐบาลได้ประกาศแผนการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างความคุ้มกันหมู่เป็นวาระแห่งชาติ และเริ่มต้นฉีดวัคซีนสถานการณ์การแพร่ระบาดจึงลดลง
อย่างไรก็ตามการฉีดวัคซีนดังกล่าวเป็นปัญหาขัดแย้งขึ้นมาในสังคม มีการตั้งคำถามขึ้นมามากมาย โครงการ Media Alert ภายใต้แผนการทำงานของสำนักงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ทำการศึกษาวิเคราะห์พฤติกรรมการสื่อสารออนไลน์ต่อประเด็นการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ซึ่งจากการสำรวจ การสื่อสารความคิดเห็น อารมณ์ ความรู้สึกในแพลตฟอร์มออนไลน์ เดือนพฤษภาคม2564 พบว่า ส่วนใหญ่สะท้อนความรู้สึกเชิงลบต่อการบริหารจัดการวัคซีนในประเด็น การจัดหาวัคซีน การกระจายวัคซีน และการเข้าถึงวัคซีน ที่ภาพรวมยังมีความไม่ชัดเจน ไม่เชื่อมั่น และเห็นว่ามีความยุ่งยาก ซับซ้อน
เรื่องนี้ คุณสฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระ ด้านเศรษฐศาสตร์ ผู้ได้รับรางวัล ฐานันดร 4 ทองคํา ครั้งที่ 12 ประจำปี 2564 จากมหาวิทยาลัยรังสิต จากผลงานการสื่อสารทางเพจ Sarinee Achavanuntakul ถ่ายทอดความรู้ ความคิดเห็น มุมมองเชิงธรรมาภิบาล การพัฒนาที่ยั่งยืน พลังพลเมืองในศตวรรษที่ 21 ฯลฯ รวมถึงสถานการณ์ของสังคมที่ประชาชนควรรับรู้รับทราบบนพื้นฐานของเหตุผล อาทิ มหากาพย์วัคซีน : ความ(ไม่)โปร่งใสในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ได้ให้ความเห็นว่า....
“ประเด็นการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ที่ออกมาในเชิงลบ น่าจะมาจากเหตุที่ข้อมูลการสื่อสารจากรัฐบาลไม่ชัดเจน ทั้งชนิดวัคซีนโควิด-19 การจัดหา กำหนดการส่งมอบ รวมถึงวิธีการที่รัฐบาลให้ประชาชนลงทะเบียนทางแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ ซึ่งเกิดปัญหาตั้งแต่ต้น ทั้งลงทะเบียนไม่ได้ เข้าไม่ถึงหรือไม่มีสมาร์ตโฟนเพื่อใช้แอปพลิเคชัน”
“รวมไปถึงชนิดของวัคซีนทำไมมีแค่ ซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า หรือเพราะเหตุใดรัฐบาลจึงไม่เข้าร่วมโครงการ COVAX หรือทำไมประชาชนจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองสำหรับวัคซีนทางเลือก ที่แม้จองไว้ก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าจะได้ฉีดเมื่อใด นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการจัดสรรการฉีดวัคซีน ลำดับการฉีดวัคซีนของผู้ที่ลงทะเบียน รวมถึงการมีแอปพลิเคชันต่าง ๆ ทั้ง หมอพร้อม ไทยร่วมใจ เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของแต่ละจังหวัด ซึ่งทั้งหมดยิ่งสร้างความสับสนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก”
“และด้วยภาวะข้อมูลล้นเกินในอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย มีส่วนทำให้เกิดข่าวปล่อย ข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวเท็จ ยิ่งเมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ที่เป็นโรคระบาดร้ายแรง การได้รับหรือส่งข้อมูลที่เป็นเท็จยิ่งส่งผลร้ายมากกว่าเดิม เพราะประชาชนอาจนำข้อมูลดังกล่าวไปรักษาตัวเองแบบผิด ๆ หรือไม่เข้ารับการรักษา ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
รัฐบาลควรสื่อสารให้เข้าใจง่าย ชัดเจน
“ปัญหาการสื่อสารของรัฐบาลเป็นปัญหาที่แยกไม่ออกจากการบริหารจัดการ ถึงแม้จะมีทีมสื่อสารที่เก่งที่สุด งานนี้ก็ไม่ง่ายเลย หากรัฐบาลมีการนำเสนอข้อมูลที่ชัดเจน โปร่งใส เข้าใจง่าย ไม่ใช้ศัพท์เทคนิค ไม่สื่อสารในเชิงโฆษณาชวนเชื่อ การให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับวัคซีน การประกาศล่วงหน้าว่าวัคซีนยี่ห้อใดจะเข้ามาวันไหน ในจำนวนเท่าไร การกระจายวัคซีนเป็นอย่างไร รวมถึงติดตามข้อค้นพบใหม่ของโควิด-19 ให้ทัน จะช่วยคลายความกังวลใจให้กับประชาชนได้”
การทำหน้าที่สื่อมวลชนไม่ควรถ่ายทอดแค่คำประกาศของรัฐบาล
“สื่อมวลชน ไม่ควรทำหน้าที่เพียงสะท้อนข้อมูลจากรัฐบาล ควรอธิบายปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญ ทั้งในเรื่องของโควิด-19 วัคซีนโควิด-19 หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการรวบรวมข้อมูลเพื่อตั้งคำถามต่อเนื่อง หรือเพื่อขยายต่อประเด็น เพื่อเจาะลึกในรายละเอียดเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ที่ประชาชนยังให้ความสนใจ สื่อควรเป็นผู้กำหนดวาระของสารเอง โดยการรวบรวมข้อมูล เริ่มต้นจากข้อมูลที่ประชาชนต้องการรู้ แล้วจัดทำข้อมูลและนำเสนอหรือสื่อสารรายงานประชาชน”
“ในส่วนประชาชนผู้รับข่าวสาร ควรเปิดรับข้อมูลข่าวสารหลาย ๆ ด้าน อย่าเพิ่งด่วนเชื่อแม้ข้อมูลนั้นมาจากการแถลงของภาครัฐก็ตาม ควรพยายามตรวจสอบโดยสืบค้นจากต้นแหล่งที่เชื่อถือได้ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการป้องกันและดูแลตัวเอง อย่างข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยหรือสถิติที่เกี่ยวกับโควิด-19 แนะนำให้เข้าไปดูที่เว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุข”