เป็นประเด็นต่อเนื่องกับกรณีที่นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ “ลูกนัท” หนึ่งในบุคคลที่ออกมาเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์ก่อนที่เจ้าตัวจะได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาข้างขวา
โดยภายหลังจากการเข้ารับการรักษาก็มีข่าวออกมาว่าเจ้าตัวนั้น "ตาบอด" ขณะที่ถึงตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันว่าอาการบาดเจ็บดังกล่าวนั้นมาจากฝีมือเจ้าหน้าที่หรือถูกลูกหลงจากกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยกันเอง
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ได้กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากหลังมีผู้ออกมาตั้งข้อสงสัยว่านายธนัตถ์นั้น "ตาบอด" จริงหรือไม่? หนึ่งในนั้นก็คือนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ที่ถึงขนาดออกมาท้าพนันวางเงินเดิมพันเพราะไม่เชื่อว่าอีกฝ่าย "ตาบอด" จริง
ก่อนที่ในเวลาต่อมานายธนัตถ์จะได้ออกมาโชว์ใบรับรองแพทย์ซึ่งระบุอาการของเจ้าตัวว่า "ตาขวาบอด" (blindness, right eye) เพื่อเป็นการยืนยัน ขณะที่บางสื่อก็ได้นำประวัติของพญ.ณฐมน ศรีสำราญ แพทย์ผู้ลงลายเซ็นในใบรับรองมาเผยเพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือ
สำหรับคำว่า "ตาบอด" นั้นเชื่อว่าในความเข้าใจของคนส่วนใหญ่แล้วก็คือการที่ดวงตาของเราไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย นอกจากสีดำ ความมืดสนิท
ขณะที่ทางการแพทย์นั้น คำว่า "ตาบอด" ถือเป็นอาการระดับหนึ่งในความบกพร่องทางการเห็น (visual impairment) ซึ่งในงานเขียนเรื่อง "ความบกพร่องทางการมองเห็นและตาบอด (Visual impairment and blindness)" โดยผศ.นพ.บุญชัย หวังศุภดิลก ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ระบุถึงความหมายของคำว่า "ตาบอด" หรือ blindness เอาไว้ว่า...
คนที่มีสายตาข้างที่ดีเมื่อมองด้วยตาเปล่า มองเห็นได้น้อยกว่า 3/60 (20/400) ลงไปจนถึงบอดสนิท (มองไม่เห็นแสง) หรือมีลานสายตาแคบกว่า 10 องศา ลงไป ภาวะสายตาบอดถูกแบ่งให้อยู่ในความผิดปกติทางการมองเห็นระดับที่ 3-5* ดังนี้
ระดับ 3 หมายถึง คนที่มีสายตาข้างที่ดีเมื่อมองด้วยตาเปล่า มองเห็นได้น้อยกว่า 3/60 (20/400) ไปจนถึง 1/60 (20/1200) หรือ มีลานสายตาแคบกว่า 10 องศา ไปจนถึง 5 องศา
ระดับ 4 หมายถึง คนที่มีสายตาข้างที่ดีเมื่อมองด้วยตาเปล่า มองเห็นได้น้อยกว่า 1/60 (20/1200) ไปจนถึงเห็นแค่แสงสว่าง หรือ มีลานสายตาแคบกว่า 5 องศา ไปจนถึง 0 องศา
ระดับ 5 หมายถึง คนที่มีตาบอดสนิททั้งสองข้างไม่เห็นแม้แต่แสงสว่าง (no perception of light, NPL)
ขณะที่ในบทความเรื่อง "มารู้จักคนตาบอดกันดีกว่า" เขียนโดย "มณเทียร บุญตัน" นายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ก็ได้แบ่งลักษณะของการตาบอดไว้ว่า
1 ตาบอดสนิท หมายถึง คนที่ไม่สามารถมองเห็นได้เลย หรืออาจมองเห็นได้บ้างไม่มากนัก ไม่สามารถใช้สายตา หรือไม่มีการใช้สายตาให้เป็นประโยชน์ ในการเรียน การสอน หรือทำกิจกรรมได้ ต้องใช้ประสาทสัมผัส อื่นแทนในการเรียนรู้ และหากมีการทดสอบสายตาประเภทนี้ อาจพบว่าสายตาข้างดีสามารถมองเห็นได้ในระยะ 20/20 (อัตราวัดระดับการมองเห็น คนปกติเห็นวัตถุชัดเจนระยะ 200 ฟุต คนตาบอดจะสามารถสองเห็นวัตถุชิ้นเดียวกันในระยะ 20 ฟุต ) หรือน้อยกว่านั้น และมีลานสายตา โดยเฉลี่ยอย่างสูงสุดจะแคบกว่า 5 องศา
2 ตาบอดไม่สนิท หรือบอดเพียงบางส่วน สายตาเลือนราง หมายถึง มีความบกพร่องทางสายตา สามารถมองเห็นบ้าง แต่ไม่เท่าคนปกติ เมื่อทดสอบสายตาประเภทนี้ จะมีสายตาข้างดี สามารถมองเห็นได้ในระยะ 20/60 หรือน้อยกว่านั้น และมีลานสายตา โดยเฉลี่ย อย่างสูงสุด จะกว้างสูงสุดไม่เกิน 30 องศา