ในสังคมปัจจุบัน มีซีรีส์วัยมัธยมถูกสร้างขึ้นมากมาย จากหลายค่าย และหลายผู้กำกับ แต่ก็มักจะเป็นแนวที่ดูคล้ายๆ กันไปหมด และยังเป็นเรื่องของชาวกรุงฯ ซะส่วนใหญ่ งานนี้ทางแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ BUGABOO.TV เลยขอนำเสนอซีรีส์แนวใหม่ แบบอีสานวัยทีน ที่จะมาทำให้คุณรับรู้และเปิดใจ กับวิถีชีวิตของเด็กนอกเมือง ผ่านฝีมือการแสดงของน้องๆ หน้าใหม่ ในซีรีส์วัยใส...มัธยมบ้านเฮา
โดยงานนี้ “นก บริพันธ์ ชัยภูมิ” บิ๊กบอส เซเว่นสตาร์ สตูดิโอ ผู้เป็นเจ้าของโปรเจกต์ ก็ได้เผยถึงแรงบันดาลใจ ในการทำซีรีส์เรื่องนี้ให้ได้ฟังว่า
“ปกติผมทำรายการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งอยู่แล้ว ทำมานานจนเริ่มได้เห็นแนวเพลงใหม่ของลูกทุ่ง เริ่มมีแนวอินดี้ จนกลายเป็นเพลงอินดี้ครองเมืองในปัจจุบัน เราก็ภูมิใจที่มีโอกาสร่วมกันประชาสัมพันธ์ สร้างกลุ่มอินดี้ขึ้นมา เมื่อเกือบ 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา เรารวมดูยอดวิวอยู่ประมาณหมื่นล้านวิว แต่ประเทศไทยมีคนอยู่ 70 ล้านคน แล้วเพลงส่วนใหญ่เป็นภาษาอีสาน แสดงว่าอิทธิพลของยอดวิวในโลกโซเชียล อยู่ที่ภาคอีสาน เพราะฉะนั้นวันนี้เราวัดผลจากเรตติ้งของโซเชียล”
“ซีรีส์เรื่องนี้เลยถูกเขียนขึ้นจากการพูดคุยกัน พี่เอ๊ะ สายชล คนเขียนบท เขาก็คิดว่าทำไมคนทำแต่ซีรีส์ Gen Y ผู้ชายจูบปากกัน ทำแต่เดินห้าง แต่งตัวหรูๆ ใส่แบรนด์เนม แล้วไม่คิดบ้างเหรอ ว่าอีก 70 กว่าจังหวัดเขาทำอะไรกัน เขาใช้ชีวิตกันยังไง ลองมาดูต้นแบบในต่างจังหวัดบ้าง ว่าเขาใช้ชีวิตกันยังไง”
“พอคุยกันเสร็จแล้วก็เลยเขียนเป็นเรื่องนี้ขึ้นมา แล้ว เตเต้ ผู้กำกับก็เริ่มแคสติ้ง ซึ่งมีเด็กมาสมัครเยอะมาก จากหลากหลายจังหวัด ผมเลยคิดว่าเราลองคุยกับผู้ใหญ่ไหม เพราะมันยากเหลือเกิน ถ้าเราจะทำซีรีส์โดยที่ไม่มีดารา ใครจะยอมรับเรา แต่พอทุกคนได้เห็นกระแสตอบรับทางโซเชียลแล้ว เขาก็บอกว่าก็แล้วแต่ ถ้าเรามั่นใจก็ทำ”
“อย่างเราดูหนังเกาหลี หรือดูหนังใน Netflix บางทีเราก็ไม่รู้จักดารา แต่คุณก็ดูแล้วมีความสุขสนุกไปกับมัน คุณดูหนังต่างประเทศโดยการอ่านซับไตเติ้ล วันนี้คุณก็ดูซีรีส์ของผมแบบอ่านซับไตเติ้ลได้ อารมณ์เดียวกันเลย เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งที่เราตั้งใจ แล้วก็ทำ”
“จุดพีกของซีรีส์เรื่องนี้ มันมีหลายตอนมาก อย่างเรื่องทั่วไป ก็จะมีแค่คู่เดียวที่เป็นหลัก คือพระเอกนางเอก แต่เรื่องนี้มันมีหลายกลุ่ม แล้วก็จะมีหลายเรื่องที่ไม่มีใครกล้าเอามาทำเป็นซีรีส์ อย่างมีอะไรกับพ่อเพื่อนอ่ะ พีกไหม มีใครกล้าทำไหม ผมยังเสียวเลย ถามว่าทำเป็นกึ่งๆ ท้าทายสังคมหรือเปล่า มันไม่ได้ท้าทายครับ เพียงแต่ว่าเราเอาเรื่องที่เรารีเสิร์ชมาเล่า”
“แต่เวลาเอามาเล่าเป็นภาพมันต้องไม่น่าเกลียด เราแค่สื่อให้เข้าใจ ว่ามันมีเรื่องอย่างนี้จริงๆ แล้วถ้าเราปล่อยต่อไปเรื่อยๆ ก็จะได้เห็นปลายทางว่ามันก็ไม่ได้สวยงาม เราต้องสอนเขา ให้เขาเห็นเอง ว่าผลของการกระทำแต่ละอย่าง ปลายทางมันเป็นยังไง ซีรีส์เรื่องนี้ มันจะตอบโจทย์เลยว่า การเลือกกลุ่มหรือเลือกเส้นทางเดินตอนมัธยม ปลายทางมันให้ผลต่างกัน ทำให้เด็กดูแล้วเขาจะกลับไปคิดเอง”
ด้าน “เอ๊ะ สายชล แผ่นผา” โปรดิวเซอร์มากฝีมือ ที่ควบตำแหน่งกำกับฯร่วมและเขียนบท ได้กล่าวต่อถึงการวางเส้นเรื่อง และความยากในการเขียนบท ที่จะทำให้ทุกตัวละครมีความสำคัญเท่ากัน
“บทสรุปในปลายทางของแต่ละคน จะต่างกันแน่นอน จากการเดินทางในอีพี 1 2 3 4 จนเขาไปเจอวิกฤตจากผลกระทบที่เขาทำมาทั้งหมด เป็นสิ่งที่สอนเขาว่า ปลายทางในการเลือกใช้ชีวิตของเขามันเป็นอย่างไร แต่ละคนมีปลายทางของตัวเอง และมักจะไม่เป็นอย่างที่ตัวเองฝันและคิดไว้ เรื่องนี้จะสอนให้เด็กๆ เข้าใจ ว่าการเลือกอะไรสักอย่าง มันต้องใช้สติ”
“เราวางเส้นเรื่องของนักแสดงแต่ละคน ให้มันสำคัญทุกตัว อยากให้ไปติดตามครับ ส่วนสิ่งที่ยากที่สุดในการเขียนบทเรื่องนี้ ก็คือการนำชีวิตของเด็กๆ ทุกมุมในภาคอีสานมาเขียน การหาข้อมูลจริงให้ครบถ้วน ซึ่งการเก็บข้อมูลนั้น ก็ใช้เวลานานมาก”
“เตเต้ สมชาย สายอุทา” จากอดีตนักแสดงจากภาพยนตร์ ไทบ้านเดอะซีรีส์ กับบทบาทครั้งใหม่ ในการขึ้นแท่นผู้กำกับ ก็ได้เล่าถึงการทำงานกับเด็กใหม่ทั้งหมด ว่าเป็นเรื่องที่ยากมากกว่าเดิมถึงเท่าตัว
“ก็เป็นความชอบของผมด้วยครับ เราชอบเบื้องหลังมากกว่าหน้ากล้องด้วยซ้ำไป ก็ไล่ทำตั้งแต่ดนตรีประกอบภาพยนตร์ จนเขียนบทและกำกับเลยครับ ถามถึงความกดดันก็ไม่มีเลย สบายๆ มันเหมือนว่ายิ่งทำยิ่งสนุก ยิ่งมันส์ ยิ่งสะใจ เรื่องความคาดหวังก็ต้องมีเป็นเรื่องธรรมดาครับ แต่ก็แค่ประมาณหนึ่ง เต็ม 10 ขอสัก 5 สำหรับเราก็โอเคแล้ว เผื่อเจ็บ”
“ส่วนการร่วมงานกับเด็กใหม่ทั้งหมด ที่ไม่มีพื้นฐานเลย ถามว่ายากกว่าปกติไหม ก็แน่นอนอยู่แล้วครับ ยากกว่าเท่าตัวเลย เพราะเวลาในการเวิร์คช็อปของเราน้อยมาก เนื่องจากน้องติดเรียน การนัดคิวถ่ายแต่ละวัน ยังต้องเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ของเขา เพื่อไม่ให้กระทบกับการเรียนของเขามาก แต่โชคดีที่ว่าเด็กสมัยนี้ หรือเฉพาะเด็กอีสานก็ไม่รู้ เขาเร็วมาก เขามีโซเชียลในการฝึกฝน อย่างการเล่นติ๊กต๊อก ก็เหมือนเป็นการฝึกการแสดงอย่างหนึ่ง”
ส่วนน้องๆ ตัวแทนนักแสดงวัยใส ก็ได้เผยถึงความรู้สึกในการแสดงซีรีส์ครั้งแรกให้ได้ฟังกัน โดยเริ่มจาก สาวเนิร์ดน้ำใจงาม อย่างน้อง “โบว์ลิ่ง ศิริวาลี เซ็งชิงอุย”
“ในเรื่องรับบทเป็น โบว์ ค่ะ โบว์จะเป็นตัวแทนของเด็กวัยรุ่น ที่อยากมีความรัก แล้วก็ทุ่มเทให้กับความรักมากๆ จนในวันหนึ่ง ความรักกลับมาทำร้ายตัวเอง จนเกิดเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ กับการแสดงครั้งแรก ตอนแรกๆ ก็ยากมาเลยค่ะ ไม่รู้ต้องทำหน้ายังไง ต้องมาเล่นด้วยกันทั้งที่ยังไม่สนิท แล้วก็มีกล้องมาจ่ออยู่ที่หน้า ยิ่งไม่รู้จะทำหน้ายังไงเลย”
หนุ่มหัวโจกสุดแบดบอย แถมยังขี้ดื้อ “โลชั่น อธิปเดช พุทธสงกรานต์”
“ผมรับบท บอย ครับ คาแรคเตอร์ก็จะเป็นแบดบอย เป็นหนุ่มฮอตที่สุดในโรงเรียน เป็นสายปาร์ตี้ ซึ่งมันก็คล้ายกับตัวจริงในบางเรื่องครับ แต่ส่วนที่เป็นด้านมืด ก็ไม่มีในตัวจริงครับ”
ต่อกันที่พระเอกหนุ่มหน้ามน คนชุมแพ “แม็กกี้ วิทวัส พันเล่”
“ผมรับบทเป็น เจิด ครับ คาแรคเตอร์ก็จะซื่อบื้อ ขี้อาย ใจเสาะ แต่ก็แต่งเพลงเพราะ แล้วก็เจ๊าะแจ๊ะใครไม่เป็นเลยครับ รู้สึกตื่นเต้นมากเลยครับ ที่ได้มาเล่นซีรีส์เรื่องนี้ แล้วมันก็เป็นเรื่องแรกในชีวิตของผมและเพื่อนๆ ทุกคนเลยครับ ดีใจมากที่ได้มาเจอพี่ๆ ทุกคน ที่ให้โอกาสผมมาแสดง บรรยากาศในกองถ่ายกสนุกดีครับ แต่ช่วงแรกๆ ก็ไม่ชินเลย ไม่สนิทกัน เล่นไม่ได้เลย แต่พอหลังๆ มา อย่างกับนักแสดงสุพรรณหงส์เลย”
และคนสุดท้ายกกับผู้สาวน่าฮักจากศรีสะเกษ นางเอกของเรื่องน้อง “ญี่ บุญรดา หวังเทวีวรกุล”
“หนูรับบทเป็น พลอย ค่ะ คาแรคเตอร์ในเรื่องนี้ ก็จะเป็นผู้หญิงแกร่งค่ะ อดทน มุ่งมั่น สู้ชีวิต ทำได้ทุกอย่างเพื่อครอบครัวเลย เป็นคนดีมากๆ ถ้าอยากรู้ว่าดียังไง ก็ต้องติดตามในซีรีส์นะคะ การใช้ชีวิตของเด็กต่างจังหวัด น่าจะปัญหาเยอะกว่าเด็กในเมือง แล้วก็จะมีมุมมองที่ต่างจากวัยรุ่นในเมืองด้วย ซึ่งเด็กที่มีปัญหาเหมือนตัวละครของพลอย ก็มีเยอะในภาคอีสาน ยังไงก็ฝากซีรีส์มัธยมบ้านเฮาด้วยนะคะ ออนแอร์ตอนแรกไปแล้วในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เวลา 19.00 น. ทางแอปพลิเคชัน และเว็บไซต์ BUGABOO.TV ค่ะ”