xs
xsm
sm
md
lg

“เบนซ์” รับสวีต “มิค” น้อยลง อยากเลี้ยงลูกจน 5 ขวบ จะได้มีความทรงจำร่วมกันเยอะๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เบนซ์” เผยชีวิตคุณแม่ลูก 3 ห่างเหิน “มิค” สวีตกันน้อยลงจนสามีน้อยใจ ลั่นอยากเลี้ยงลูกจน 5 ขวบ จะได้มีความทรงจำร่วมกันเยอะๆ พร้อมผันตัวทำธุรกิจหาเงินช่วยสามี ด้านมิคชมเปาะไม่คิดว่าเบนซ์จะทำหน้าที่แม่ได้ดีขนาดนี้

เผลอแป๊บเดียวก็กลายเป็นคุณแม่ลูก 3 ไปซะแล้ว สำหรับสาว “เบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา” ภรรยาสุดที่รักของหนุ่ม “มิค บรมวุฒิ หิรัญยัษฐิติ” จากนางเอกแถวหน้า สู่บทบาทคุณแม่ที่ต้องดูแลลูกๆ 3 คนพร้อมกัน ก็ต้องบอกเลยว่า งานหินสุดๆ ซึ่งวันนี้ได้มีโอกาสเจอเจ้าตัวพร้อมกับสามี เลยขออัปเดตชีวิตตอนนี้กันสักหน่อย ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เพราะล่าสุดเห็นว่าคุณแม่ยังเหนื่อยไม่พอ ขอเริ่มต้นทำธุรกิจเพื่อหารายได้แบ่งเบาภาระสามีด้วย

“ชีวิตของแม่ลูก 3 เปลี่ยนไม่เยอะเท่าไหร่นะ มันยุ่งอยู่แล้ว แต่ก็พอจะรับมือกับมันได้ แต่จะไม่เหมือนการเลี้ยงลูกคนเดียวเลย แค่ 1 กับ 2 นี่ก็โครตต่างกันเลย แต่พอ 2 ไป 3 ยังพอโอเค แต่ไอ้ตัวเล็กมันยังพูดไม่ได้ไง รอพูดได้ก่อน ตอนนี้ยังโอเคอยู่ แต่เด็กผู้ชายเลี้ยงง่ายกว่าเยอะเลย เวลาอาบน้ำ ทำความสะอาดง่าย ไม่ต้องกลัวจะติดเชื้อ

ส่วนเรื่องการนอน เวลาลูกเล็กก็จะเป็นอย่างนี้แหละ ก็เข้าใจอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่าจะยุ่งตอนที่ตื่นพร้อมกัน 3 คน แต่พี่มิคเขาก็พยายามช่วยทุกอย่างค่ะ ตั้งแต่มีคนที่ 3 พูดเลยว่าเหนื่อย เพราะว่าพี่ๆ ซน เจ้าปรางอยู่ในวัย 2 ขวบ ยิ่งกว่าลิงอีก ซนเหมือนเด็กผู้ชายเลย แต่ก็จะมีความงุ้งงิ้งกับพ่อเขานะ ส่วนน้องปริมจะติดเบนซ์ แล้วก็จะทะเลาะกับน้อง แย่งของเล่นกัน แย่งของกิน แย่งกันอุ้มน้อง ก็เหนื่อยตรงห้ามทัพลูกนี่แหละ ซึ่งเลี้ยงไอ้ตัวเล็กไม่เหนื่อยเลย เหนื่อยไอ้สองคนนี่แหละ”

เข้าใจน้องปริมน้องปราง เล่นกับน้องแรงไปบ้าง ก็เพราะรัก ไม่เคยโกรธ
“ถามว่าสอนลูกยังไงไม่ให้เล่นกับน้องแรง คือพูดทุก 5 วินาที (หัวเราะ) แต่เขารักน้องไง เราก็โกรธไม่ลง เขารักของเขา เขาก็อยากจะหอมบ้าง จับแขนบ้าง ก็เลยรู้สึกว่าอย่างน้อยมันก็เป็นความรักที่เขาให้น้อง จะแรงหน่อยก็เพราะเขายังเด็ก แต่ปริมจะรู้แล้วว่าอันไหนแรงไป แต่ปรางไม่เข้าใจอะไรเลย แสบมาก ลูกสองคนนี่ไม่เหมือนกันเลยนะ แต่ลูกคนเล็กคือหลับสบาย บางทีแทบจะลืมว่ามีอีกคนหนึ่งนอนอยู่ มันเงียบจนลืมไปเลย”

เด็กๆ ไม่เคยน้อยใจที่ต้องแบ่งเวลาไปดูน้องคนเล็กมากกว่าตัวเอง
“แต่เวลาที่เราต้องดูน้อง พี่สองคนไม่มีแบบน้อยใจว่าลืมหนูเลยนะ มีแต่จะขอมานั่งด้วย เขาไม่ค่อยน้อยใจ คิดว่าเขาแฮปปี้เพราะว่าอยากมีน้องแหละ เขาก็ไม่เหงา มีเพื่อนเล่น เขาเลยรู้สึกสนุกจังเลยว่าเขามีเพื่อนเล่น เพราะฉะนั้นเรื่องน้อยใจนี่ยังไม่เกิด ยังไม่เคยเห็น”

ยากลำบากพอสมควรกับการเป็นคุณแม่ ที่มีลูกแพ้ไข่ นม ถั่วลิสง อาหารทะเล ถึง 2 คน เชื่อใจคุณหมอบอกโตขึ้นน่าจะหาย ตอนนี้เริ่มให้ลองกินได้เยอะขึ้น คันแล้วค่อยกินยาเอา
“ตอนแรกเครียดที่ตัวเองต้องงด รู้สึกว่าทำไมต้องอดกินทุกอย่าง แต่พออดไปสักพักก็ดีเหมือนกัน ไม่กินก็อยู่ได้ ตอนแรกที่ลูกแพ้เยอะๆ ตั้งใจว่าจะงดเพื่อเขาเลย เขาจะได้ไม่รู้สึกว่าเขาโดนไม่ได้กินอยู่คนเดียว ก็เลยอยากจะอดเป็นเพื่อนเขา ตอนนี้ก็ยังงดทุกอย่างที่ปรางทานไม่ได้อยู่ แต่ล่าสุดเปรมก็น่าจะเป็นเหมือนกัน ซึ่งตอนแรกคิดว่าไม่น่าเป็นอะไร

ถามว่าโตขึ้นจะหายไหม มีโอกาสหาย แต่อย่างเจ้าปรางเนี่ยมีสิทธิ์หายแน่ๆ แต่ถั่วลิสงกับอาหารทะเลไม่แน่ แต่เราก็ไม่ซีเรียส ไม่กินก็ไม่เป็นไร แต่อยากให้เขากินนมกับไข่แค่นั้นเอง ส่วนเรื่องฝุ่นเราไม่สามารถควบคุมได้ เพราะมันเป็นเหมือนภูมิแพ้ เราเลี่ยงยาก ซึ่งก็ต้องให้เขาปรับตัวกันไป แต่เรื่องอาหารคุณหมอบอกว่าหายแน่ๆ

แต่กับอาการล่าสุดที่น้องเปรมหลับยาวมาก เพราะไม่เคยมีอาการแบบนี้ คือเขาคันมาก จนดิ้นๆ ขนาดกินยาเข้าไปแล้ว แล้วก็เริ่มเหนื่อย หายใจแบบสั้นๆ เราก็เลยรีบพาไปโรงพยาบาล แต่ระหว่างที่ไปก็คือหลับ เลยคิดว่าอันนี้อาจจะเป็นการแพ้อันใหม่ ซึ่งแพ้อะไรก็ยังตรวจไม่เจอ เราก็เลยไม่รู้จะงดยังไง แต่ก็ช่างมันอย่าไปซีเรียส แค่พกยาไว้ เขาเป็นอะไรก็ฉีดยา จบ

เดี๋ยวนี้นะเบนซ์ให้กิน กินไปเลยคันแล้วบอก กินยาจบหาย ถ้าไม่อย่างนั้นชีวิตนี้เขาจะไม่ได้กินอะไรเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่ารสชีสมาเลยนะ เพราะอันนี้เราก็รู้อยู่แล้วมันกินไม่ได้ แต่ถ้าเออเป็นแค่ผงๆ ผสมนิดหน่อย ก็กินเข้าไป จะได้รู้ว่าอันนี้เขากินได้ เพราะบางทีมันอาจจะมีบางอย่างที่ลูกกินได้ก็ได้ไง”

การใช้ชีวิตในยุคโควิดแทบไม่ออกจากบ้านเลย เลือกทำงานที่สามารถทำที่บ้านได้
“ไม่ออกนอนบ้านเลยค่ะ นี่ออกมาครั้งแรก ปกติไม่ออกเลย แค่ไปรับไปส่งลูก เพราะงานก็ไม่ทำตั้งแต่ท้องใหญ่ แล้วตอนนี้ปริมก็เรียนออนไลน์อยู่บ้าน เพราะฉะนั้นคือปลอดภัยแน่นอน ไม่ได้ไปไหนเลย อยู่แต่ในบ้าน

งานทุกอย่างก็อยู่บ้าน ที่มาทำผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในกับทางจินตนา ก่อนหน้านี้ ที่ลูกยังไปโรงเรียนอยู่ เราก็จะนัดคุยงานที่ใกล้ๆ โรงเรียนเลย ส่งลูกเสร็จคุยงานเสร็จกลับบ้าน ก็คือ สะดวก ซึ่งเขาก็น่ารัก อำนวยความสะดวกเต็มที่ เพราะรู้ว่าเราต้องรีบไปดูลูก ก็พยายามทำงานที่ใช้เวลาน้อยที่สุด แล้วก็ทำงานที่คุยผ่านโทรศัพท์ได้ คุยออนไลน์ได้ คืออะไรที่ไม่ต้องออกจากบ้าน เบนซ์พยายามหางานแบบนั้นทำ ซึ่งตอนนี้ก็มีอีกหลายอย่างที่คิดจะทำค่ะ”

งานละครตอนนี้คงอีกยาวไกล อยากอยู่เลี้ยงลูกจนอายุครบ 5 ขวบ จะได้มีความทรงจำร่วมกันเยอะๆ
“ส่วนงานในวงการตอนนี้ถ้าเป็นพิธีกรรายการสด ก็ไม่แน่ เพราะชั่วโมงเดียวกลับบ้าน ถ้าเกิดยาวๆ เบนซ์อาจจะไม่ทำ เพราะสงสารลูก ยิ่งละครน่าจะอีกยาว อยากเลี้ยงลูกจนลูก 5 ขวบ ถ้าเราเลี้ยงเขาถึงแค่ 3 ขวบ ความทรงจำกับเราเขาจะน้อยมาก เพราะลูกยังไม่รู้เรื่อง กว่ารุ่นลูกเราจะโต ไม่รู้มันจะเปลี่ยนไปขนาดไหน แค่รู้สึกว่าอย่างน้อยพื้นฐานในบ้านมันแน่น ออกไปจะได้แข็งแรง”

ผันตัวมาทำธุรกิจชุดชั้นใน Pornchita x Mom to Mom เพื่อหารายได้มาซัปพอร์ตครอบครัวอีกทาง
“ตอนนี้ก็เลยต้องหาธุรกิจทำ เพื่อซัปพอร์ตเพราะเราไม่ได้ออกไปทำงานข้างนอก ต้องพยายามช่วยพี่มิคด้วย ถ้าลูก 3 ต้องช่วยกัน คืออย่างน้อยเบนซ์ทำงานก็เออ... เพราะเลี้ยงลูกอย่างเดียวมันอาจจะไม่พอ ถ้าตอนนี้ยังทำได้อยู่ ในฐานะของการเป็นแม่ เพราะฉะนั้นเบนซ์ว่าเบนซ์ทำได้ เพราะว่าการเลี้ยงลูก 3 คน เบนซ์ใช้ผลิตภัณฑ์แม่ละเด็กมาเกือบทุกยี่ห้อแล้ว แล้วเราก็รู้จุดบกพร่องของอะไรต่างๆ ก็เลยพยายามหาอะไรที่คิดว่าเราทำได้ แล้วก็รู้เรื่องจริงๆ มาทำ จะได้ช่วยพี่มิคหน่อย เขาจะได้ไม่เหนื่อยมาก”

การเป็นแม่ทำให้มีความอดทนสูงขึ้น อะไรยอมได้ก็ยอม ไม่อยากเลิก ไม่อยากทะเลาะกันต่อหน้าลูก
“พอเป็นแม่แล้วเปลี่ยนไปยังไงบ้าง มีความอดทนสูงขึ้น ไม่เคยหงุดหงิดต่อหน้าลูก แล้วก็ไม่เคยทะเลาะกัน แต่ถ้าด่ากันกวนตีนกันอ่ะทั้งวัน (หัวเราะ) คือ ไม่อยากทะเลาะ ไม่อยากเลิก ไม่อยากมีปัญหา เราเองก็ลดทิฐิทุกอย่างลง เพื่อให้ทุกอย่างมันไปได้ อะไรก็ได้ที่จบเร็วๆ จะได้ไม่มีปัญหา ก่อนมีลูกเคยคิดว่าลูกต้องไม่รักเราแน่ๆ เพราะว่าเราดุมาก ร้องไห้ตอนท้องลูกคนแรก รู้สึกว่าลูกต้องไม่รักแน่ๆ เลย ทุกคนต้องไปหาพ่อหมด แต่พอมีลูกจริงๆ กลับใจดีเฉย แล้วก็ยอมพี่มิคด้วย (หัวเราะ)”

มิค : “ความสวีตห่างเหิน แต่เขาเปลี่ยนเป็นพันธุ์แม่ที่ดีมาก ตั้งแต่คบกับเขามาไม่คิดว่าเขาจะสามารถเป็นแม่ที่ดีได้ขนาดนี้ ตอนนี้ห่วงเขาเรื่องสมองเพราะว่าเขาชอบลืม อาจจะเกี่ยวกับว่าสารอาหารมันไปตกที่ลูกเยอะเกิน กระดูกก็ไม่ค่อยดี”

เบนซ์ : “เรื่องความสวีตเบนซ์ควรจะเปลี่ยน หรือพี่มิคเขาจะชิน สวีตยังไงลืมไปแล้ว สมัยก่อนอาจจะอ้อน แต่ตอนนี้หมดเวลาแล้ว ไปอยู่ที่ลูกหมด ก็รู้ตัวนะเวลาเขาน้อยใจ เขาเคยบอกว่าเวลากลับบ้านมาเคยถามมิคไหมว่ามิคเหนื่อยหรือเปล่า กินอะไรมาหรือยัง เราก็บอกไปว่าแล้วพ่อเคยถามแม่สักคำไหม ว่าแม่เลี้ยงลูกเหนื่อยหรือเปล่า ก็คือจบเลย เพราะทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดี”

เบนซ์ : “เรื่องการหวงลูก เบนซ์อาจจะหวงกว่าที่แม่หวงเบนซ์ด้วยซ้ำ โรคจิตมากไม่ค่อยชอบให้ลูกไปนอนกับใครเลย แล้วอยากก็จะปลูกฝังลูกทุกคน ว่าลูกทุกคนต้องนอนที่บ้านตัวเอง แม่จะไม่ให้ไปนอนบ้านใครทั้งนั้น เพราะฉะนั้นโตไปไม่ต้องมาขอนอนบ้านเพื่อน เพราะว่าไม่มีสิทธิ์ ทั้งลูกสาวลูกชาย ไม่ได้คือไม่ได้เท่ากัน มีพี่น้องแล้ว ไม่มีข้ออ้างว่าเหงา ยังไงก็ต้องกลับบ้าน แต่หวงเรื่องมีแฟนก็อาจจะอีกเรื่องหนึ่ง วันหนึ่งลูกเราอาจจะคิดได้เอง ว่าเขาควรจะเลือกไปทางไหน เราก็ต้องดูนิสัยลูกเราก่อน ตอนนี้เรายังไม่รู้ เพราะเด็กบางคนมันคิดดี ไม่ต้องสอนเลย แต่ถ้าเด็กมันคิดไม่ดี ก็สอนยาก”

มิค : “สิ่งที่เคยคุยกันว่าเราจะพยายามทำ แต่รู้ทำได้หรือเปล่าคือจะเป็นเพื่อนเขาให้ได้มากที่สุด เพื่อนที่เขามีความเกรงใจ แต่คุยได้ทุกเรื่อง ถ้าเราดุ ลูกก็จะไปหาเพื่อน ในการระบาย หรือแอบพ่อแม่ไป เพราะถ้ารู้ต้องโดนรุมแน่ ซึ่งไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า แต่ก็จะพยายาม เช่น พ่อผู้ชายคนนี้มาจีบ พ่อช่วยดูได้ไหม เราอาจจะอยากกระทืบมัน แต่ก็จะบอกลูกว่าชวนเขามากินข้าวที่บ้านสิ เดี๋ยวพ่อช่วยดู คือแค่ถ้าเขามีอะไรจะต้องตัดสินใจ แล้วเขากล้าเล่าให้เราช่วยตัดสินใจแค่นั้น”


















กำลังโหลดความคิดเห็น