ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น (ปณท.ดบ.) พลิกวิกฤตโควิด-19 สร้างโอกาสจากดีมานด์ขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชูกลยุทธ์เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยบริการที่ครบวงจร ได้มาตรฐานระดับสากล คาดดันยอดปีหน้าโตขึ้น 30% พร้อมวางยุทธศาสตร์รุกตลาดต่างประเทศเจาะกลุ่มอินโดจีน หวังขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งด้านการบริการคลังสินค้าของไทยในปี 2564
บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด (ปณท.ดบ.) หรือ THPD บริษัทที่ให้การบริการคลังสินค้ามาตรฐานระดับสากล มีการรับรองมาตรฐานด้วยระบบคุณภาพ ISO9001 และมาตรฐาน GSP (Good Storage Practice)ในการจัดเก็บสินค้าโดยมีการบริหารผ่านระบบการจัดการสินค้าหรือ WMS ( Warehouse Management System) ที่ทันสมัยระดับแนวหน้าของประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยอุปกรณ์และระบบที่ทันสมัยตั้งแต่กระบวนการจัดเก็บสินค้า การบรรจุหีบห่อ การรวบรวมสินค้าและการกระจายสินค้า รวมไปจนถึงการจัดแบ่งพื้นที่ในคลังสินค้าเพื่อการดูแลสินค้าอย่างเป็นระบบ ทั้งในส่วนของการให้บริการพื้นที่ด้วยระบบการควบคุมอุณหภูมิห้องที่แบ่ง เป็นสินค้าทั่วไป และห้องอุณหภูมิพิเศษสำหรับสินค้าพิเศษ อย่างสินค้าประเภทยาและเวชภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย ด้วยการใช้ระบบกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ระบบการกระจายสินค้าของไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น เป็นระบบการให้บริการการกระจายและจัดการส่งสินค้าที่สร้างความสะดวกและรวดเร็วให้กับผู้ใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดเส้นทางการเดินทางการขนส่ง ระบบการตรวจสอบรถขนส่งสินค้า ระบบการติดตามรถขนส่งด้วยรหัสบาร์โค้ด ที่แม่นยำและเที่ยงตรง โดยใช้รถขนส่งระบบมาตรฐาน ที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียด รวมไปถึงระบบการกระจายสินค้าไปยังทั่วประเทศด้วยเครือข่ายการให้บริการและพันธมิตรจำนวนมาก ทำให้บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น เป็นองค์กรณ์ที่ได้รับการยอมรับและความไว้วางใจจากผู้ประกอบการ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ที่ใช้บริการกับบริษัทไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่นอย่างต่อเนื่องและยาวนาน โดยกลุ่มลูกค้าและพันธมิตรที่ใช้บริการครอบคลุมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงสินค้าประเภทยาและเวชภัณฑ์และสินค้าของธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่ต้องการคลังสินค้าและระบบการกระจายสินค้าที่ให้ความสะดวก ปลอดภัยและตรงต่อเวลา ไม่ว่าจะเป็นการบริการการจัดเก็บสินค้าและขนส่งสินค้า ด้วยระบบที่มีมาตรฐานและคุณภาพ ทำให้บริษัทไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น หรือ THPD ได้รับการจัดอันดับด้านโลจิสติกส์ (The Logistics Performance Index : LPI) จากการสำรวจประจำปี 2561 จาก 160 ประเทศทั่วโลก ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 32 และเป็นอันดับที่ 2 ของอาเซียน โดยใช้ดัชนีชี้วัด 6 ด้าน ที่สะท้อนคุณภาพและประสิทธิภาพในการดำเนินการ ทั้งโครงสร้างในการขนส่ง รวมถึงกระบวนการในการจัดส่ง ความสามารถในอุตสาหกรรม และระบบการติดตามผลการให้บริการขนส่งที่ตรงเวลาและปลอดภัย
ด้วยอัตราการขยายตัวของธุรกิจการขนส่งสินค้าทั้งในไทยและต่างประเทศที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2563 เนื่องด้วยความต้องการของผู้ใช้บริการในเรื่องของการส่งและการสั่งสินค้าทางไปรษณีย์ในช่วงวิกฤติโควิดที่ผ่านมา นั้นสร้างและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้บริการให้มีความต้องการสูงขึ้นและเติบโตขึ้นถึง 35% ในปี 2563 โดยตลาดการขนส่งสินค้ามีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 6.6 หมื่นล้านจาก 4.9 หมื่นล้านในปี 2562 โดยบริษัท ไปรษณีย์ไทยถือสัดส่วน 55% เป็นผู้นำตลาดในด้านการส่งสินค้า ส่งผลให้ยอดการใช้บริการคลังสินค้าและการกระจายสินค้าของบริษัทไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่นเติบโตอย่างต่อเนื่องควบคู่กันเป็นคู่ขนาน โดยปี 2563 ยอดขายอยู่ที่ประมาณ 1,050 ล้านบาท เติบโตจากปี 2562 ที่ได้ 681 ล้านบาท โดยเฉพาะจากกลุ่ม Health Logistic โดยประมาณการรายได้ของกลุ่มนี้น่าจะมีมูลค่าสูงถึง 293 ล้านบาท ในปี 2564 คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตของกลุ่มธุรกิจขนส่งและธุรกิจโลจิสติกส์เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดและต่อเนื่อง
โดยทางบริษัทไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น ตั้งเป้าโตขึ้น 30% ในปี 2564 เพื่อแตะยอดขายที่ 1,333 ล้านบาท โดยจะมุ่งเน้นการให้บริการครบวงจรอย่างยั่งยืน ด้วยมาตรฐานระดับสากล พร้อมจะขยายตัวไปยังต่างประเทศเจาะกลุ่มประเทศในแถบอินโดจีน โดยมีแผนการพัฒนาโครงสร้างแบบยั่งยืน ทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว เพื่อพัฒนาการให้บริการที่สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ด้วยการดึงเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมนำมาใช้ในการพัฒนาด้านระบบการขนส่งและระบบกระจายสินค้าเพื่อรองรับการเชื่อมโยงกลุ่มธุรกิจผ่านเทคโนโลยี เพื่อความสะดวกและเข้าถึง ให้การบริการมีประสิทธิภาพในทุกที่และทุกเวลา มีแผนการเพิ่มศักยภาพในการขนส่งด้วยระบบ Route Optimize เพื่อจัดการการวางแผนการเดินทางอย่างแม่นยำและถูกต้อง รวมถึงแผนพัฒนาธุรกิจเพื่อตอบโจทย์การทำงานของภาครัฐและเอกชน โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มขีดจำกัดในการให้บริการครอบคลุมทุกภาคส่วนทั้งกระทรวง ทบวง กรม และเอกชนทั้งรายใหญ่และรายย่อย เพื่อต่อยอดและขยายขอบเขตการให้บริการที่ครบวงจร อีกทั้งปีหน้าจะมุ่งเน้นการรองรับจากการขยายตัวของกลุ่ม Health Logistic และ E Commerce ด้วยการพัฒนาระบบบริหารคลังสินค้าและการดึงเอา Platform ที่มีมาตรฐานเพื่อช่วยบริหารกระบวนการจัดการคลังสินค้าและบริหารการสั่งและระบบการคืนสินค้า เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าและคู่ค้าอย่างมีคุณภาพในทุกมิติ
นายพีระ อุดมกิจสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด กล่าวถึงเป้าหมายและบทบาทของบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด ที่มีต่อการให้บริการโลจิสติกส์ของประเทศไทยว่า “ทางบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด เล็งเห็นถึงโอกาสและการเติบโตแบบยั่งยืน ของการให้บริการด้านคลังสินค้าและการกระจายสินค้า ที่มีคุณภาพของไทย โดยเราเชื่อมั่นที่จะสามารถสร้างการเติบโตให้กับตลาดของการให้บริการด้านโลจิสติกส์ของไทยให้ก้าวไกลไปยังต่างประเทศได้ โดยจะเริ่มขยายฐานไปยังกลุ่มประเทศในแถบอินโดจีนในปี 2564 ด้วยการสร้างมาตรฐานที่ดีจากการสร้างระบบโลจิสติกส์ของไทย ที่ครบวงจร และมีการพัฒนาการจัดการด้วยระบบที่ทันสมัยในการให้บริการ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้ระบบโลจิสติกส์ไทยสามารถก้าวเข้าสู่การเป็นอันดับ 1 ของเอเชียในอนาคต เนื่องจากเราเชื่อว่า ระบบโลจิสติกส์ที่ดีและครบวงจร จะมีส่วนสำคัญอย่างมาก ในการช่วยผู้ประกอบการทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในประเทศไทย เพิ่มขีดจำกัดและพัฒนาศักยภาพของการค้าและการให้บริการของไทยสู่ตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพและไร้รอยต่อ เพื่อเชื่อมต่อการค้าทั้งในและในต่างประเทศ และยังช่วยลดปัญหาด้านต้นทุนในการจัดการการกระจายสินค้าและลดความเสี่ยงในเรื่องของการชำรุดของสินค้า ช่วยประหยัดระยะเวลาในการกระจายสินค้าและเพิ่มให้การค้าเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ในฐานะที่เราเป็นหนึ่งในองค์กรณ์ระดับแนวหน้าด้านโลจิสติกส์ของประเทศไทย เราอยากเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตโดยร่วมมือกับองค์กรณ์ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงหน่วยงานในทุกภาคส่วน ที่จะได้รับบริการด้านคลังสินค้าและการกระจายสินค้า ที่มีมาตรฐานที่สมบูรณ์แบบมาช่วยสร้างความสะดวก ความปลอดภัย และตรงเวลาให้กับทุกองค์กร”
บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและสร้างมาตรฐานด้านการให้บริการด้านคลังสินค้าไปทั่วประเทศเพื่อรองรับการขยายตัวของทุกภาคส่วนที่จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องนับจากปีหน้าและหลังจากวิกฤติโควิดในปีนี้ เพื่อสร้างประสบการณ์และสร้างความมั่นใจของคู่ค้า ด้วยการสร้างสรรค์ระบบคุณภาพที่ทันสมัย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของทุกหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อขานรับและสอดคล้องกับความต้องการของทุกองค์กร ที่ระบบการคลังสินค้าและการขนส่งเข้ามามีบทบาทให้กับทุกการใช้ชีวิตในปัจจุบันของทุกคนในโลกยุคใหม่