กว่าจะได้เปิดกล้องภาพยนตร์ “ใครฆ่า” ภาพยนตร์ร่วมชาติทุ่มทุนสร้างกว่า 100 ล้าน เล่นเอาผู้อำนวยการสร้างอย่าง “ไนท์ ธนสร เลิศลาภวรางกูล” ถึงกับจิตตกกันเลยเชียวกับข่าวคราวต่างๆ วันนี้เรามาเปิดใจเจาะลึกทุกประเด็นกับผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์พันล้าน
มันรู้สึกเว่อร์ไปไหม กับทุนสร้างพันล้าน?
“20 เรื่องเชียวนะ ไม่เว่อร์หรอกครับ ไม่ใช่ทำเรื่องเดียว เราก็เฉลี่ยๆ แล้วเรื่องละประมาณ 40 ล้าน บางเรื่องก็มี 100 กว่าล้านบาท แต่หนัง ใครฆ่า ตอนนี้ลุยไปหลายสิบล้านแล้ว เหงื่อแตกเลยครับ คือจริงๆ ถ้าเราสร้างเอง ทำเองแบบงบประมาณในไทยเราก็คงไม่กี่บาท แต่ทั้ง 20 เรื่องที่เราจะทำ มันมีหุ้นส่วนต่างชาติ ทั้งจีน ฝรั่งเศส อินเดีย ไทย ซึ่งไทยเราดูแลเรื่องโปรโมชั่นทั้งหมดและใช้ทีมงานจากต่างชาติ เพราะฉะนั้นเราจะมาทำแบบเซฟงบประมาณไม่ได้ เขาลงทุนกันมาแล้ว เราก็ต้องจัดโปรดักชั่นให้สมราคา อีกอย่างหนังฉายทั่วโลก ทั้งยุโรป อเมริกา อินเดีย เราจะมาทำแบบสุกเอาเผากินได้ยังไง และทุนทั้งหมด ไนท์ไม่ได้ลงทุนคนเดียว เราใช้ทุนต่างชาติร่วมด้วยครับ”
ก่อนหน้านี้เห็นมีข่าวจะเปิดกล้องหลายเรื่องแต่ก็ยังไม่ได้เปิดสักที?
“ใช่ครับ มีเหตุต้องเลื่อนตลอด โดยเฉพาะเรื่องทุนสร้างมันสำคัญนะ กว่าจะนัดเจอกับคนลงทุนต่างชาติอย่างพร้อมเพียงกันมันยาก เมื่อทุนไม่พร้อม มีการเลื่อนเราก็เปิดกล้องไม่ได้ บางทีเราปล่อยข่าวไปแล้วว่ากำลังจะเปิดกล้อง แต่มันมีเหตุสุดวิสัยที่ต้องเลื่อน เช่นโควิด19 อันนี้เลื่อนกันทั้งโลก เดินทางข้ามประเทศกันก็ลำบาก ไหนจะทีมโปรดักชั่น ผู้กำกับ นักแสดง เปลี่ยนตัวตลอด คิวไม่ว่างบ้าง ตรงนี้เราก็ต้องยอมรับความจริง แต่สุดท้ายพอทุกอย่างลงตัวเราก็เริ่มงานกันทันที เหมือนดวงด้วยแหละ ที่ผ่านมาดวงยังไม่เปิด พอมาตอนนี้ทุกอย่างโอเค เราก็เดินหน้ากันต่อ”
เครียดไหมตอนนั้นหนังไม่ได้เปิดกล้องสักที?
“เครียดมาก เครียดที่สุด ข่าวก็ออกไปแล้ว บางเรื่องก็แถลงข่าวแล้ว สุดท้ายไม่ได้เปิดกล้อง เราก็เสียหาย พอมาวันนี้ทุกอย่างโอเคเราก็เดินหน้าทำหนังกันต่อ เวลามันจะตอบคำถามเองทุกอย่าง”
ภาพยนตร์ในค่ายเอ็นดูฯ ฉายทั่วโลก?
“มันก็เป็นแผนการตลาดอยู่แล้ว ผมเป็นนักธุรกิจ ทำธุรกิจมาเยอะ มันต้องมีการวางแผน อย่างทำภาพยนตร์ เราจะหวังขายเมืองไทยกับขายสิทธิ์อย่างเดียวไม่ได้ เราต้องมีการวางแผนขายทั่วโลก เราจึงดึงทีมหุ้นส่วนต่างประเทศมาช่วยกันทำ มาช่วยกันดีล พอเรากดเครื่องคิดเลข พวกเราพึงพอใจในตัวเลขที่จะได้ เราจึงเซ็นสัญญาทำงานร่วมกัน”
จัดได้ว่าน่าจะเป็นค่ายหนังน้องใหม่ที่น่าจับตามองในปี 64?
“ขอบคุณครับที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ มันก็คงน่าจับตามองนั่นแหละ 20 เรื่องมันเยอะมากเลยนะ ถ้าผมทำเองคนเดียวคงเครียดน่าดู ก็ฝากติดตามผลงานจากค่ายเอ็นดูเอ็นเตอร์เทนเมนท์ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ”