“หนูเล็ก” เล่าช่วงสติแตกตอนช่วงโควิด-19 จนกลายเป็นดรามาทำตนร้องไห้ไป 2 วัน รับกลัวมากจนควบคุมสติตัวเองไม่ได้ แต่เป็นคนคิดมากอยู่แล้ว เผยตอนเสียพ่อเครียดหนักถึงขั้นจะผูกคอตาย ไม่เวอร์ติดกล้องวงจรปิด 18 ตัวไว้ส่องลูก-สามี
ถึงกับขำไม่ออกเลยทีเดียว สำหรับ “หนูเล็ก ภัทรวดี ปิ่นทอง” หรือ “หนูเล็ก ก่าก๊า” ที่ควงแม่เฒ่า แม่แท้ๆ มาเปิดใจบ้านที่ภาคใต้ น้ำท่วมหนักมาก ที่รายการคุยแซ่บShow ทางช่องวัน 31 พร้อมเผยความรู้สึกหลังสติแตกช่วงโควิดได้บทเรียนอะไรบ้าง
แม่เฒ่า : “น้ำท่วมเข้ามาถึงหน้าบ้านแล้ว ห่วงบ้านค่ะ”
หนูเล็ก : “จริงๆ เขาต้องกลับเดือนนี้ แต่ดูท่าน่าจะไม่ได้กลับ เพราะว่าน้ำท่วมที่บ้าน ถือว่าโชคดีเพราะเป็นจังหวะที่แม่ขึ้นมากรุงเทพฯ พอดี ทุกปีเขาจะลอยไปกับน้ำ ลอยอยู่บนเรือ แต่ปีนี้บ้านท่วมไม่เยอะนะคะ แต่ว่าจังหวัดนครฯ หรือจังหวัดใกล้เคียงก็น่าจะเยอะอยู่”
แม่เฒ่า : “ก็พายเรือเข้าในบ้านได้เลย”
หนูเล็ก : “แล้วพวกตู้ก็พังหมดเลย ต้องทิ้ง จริงๆ เป็นอย่างนี้ทุกปี แต่ว่ามันแล้วแต่ปีไหนหนัก ปีไหนไม่หนัก ถ้าปีไหนหนักๆ เรือก็จะเข้าไปอยู่ในบ้านได้ แล้วเราก็จะนอนบนเรือไม่มีที่นอน เพราะมันเป็นบ้านชั้นเดียว พวกไฟก็จะตัดหมดเลย เพราะมันจะช็อต กลางคืนจุดเทียน ปีนี้ก็น่าจะท่วมหนัก ทั้งนครศรีธรรมราช หรือว่าหลายๆ จังหวัด ขอให้ทุกคนปลอดภัย ช่วยดูแลคนแก่ ดูเด็ก ดูแลตัวเองให้ดี ขอให้ทุกคนปลอดภัย”
ลั่นไม่เวอร์ ส่งลูกชาย “น้องมาวิน” 1 ขวบ 5 เดือนไปโรงเรียนแล้ว
หนูเล็ก : “อันนี้หลายคนทักมากบอกว่าเวอร์บ้าง ทำไมบังคับลูก ให้ลูกเรียนเร็วจังเลย จริงๆ แล้วหนูอยากจะบอกว่าไม่ได้บังคับเลย 1 ขวบ 5 เดือน ที่เข้าโรงเรียน เพราะว่าโรงเรียนเขาเปิดรับ แล้วมาเปิดอยู่ข้างบ้าน ที่นี้เราก็ปรึกษาเขาว่าทำไมถึงรับ 1 ขวบ 5 เดือน เขาบอกว่ามันอยู่ที่ความพร้อมของเด็ก ถ้าเด็กพร้อม พ่อ แม่ พร้อม ลองเอามาเทสที่โรงเรียน ซึ่งความพร้อมหมายความว่าเด็กชอบไปโรงเรียนไหม เด็กมีทักษะที่เรียนรู้เร็วไหม น้องวินประมาณ 1 ขวบ เขาสามารถท่อง ก.ไก่ได้ เราก็เลยพาไปเทสปรากฎว่าเด็กพร้อม แล้วไม่ใช่ทุกคนนะที่พร้อมแบบนี้ ห้องนึง 3-4 คนเอง
เราก็มีภูมิใจนะคะ แล้วก็เด็กหลายคนก็พร้อมหมดเลย แต่ว่าบางคนไม่พร้อมทางด้านนี้ ครูก็จะสอนให้พร้อมทุกอย่าง พอไปอยู่โรงเรียนเขาสอนดีมากๆ เอาใจใส่มากๆ คือเราไปนั่งเรียนกับลูก 2 เดือนเต็ม”
ยอมทิ้งงานไปนั่งเรียนพร้อมกันลูก 2 เดือนเต็ม
หนูเล็ก : “คือไม่รับงานเลย 2 เดือน ช่วงเช้าไม่ได้รับงานเลย ตอนเย็นเท่านั้นที่รับ แต่พอเริ่มผ่านไป 2 เดือนเด็กมันพร้อมมากแล้ว เขาก็เลยบอกว่าคุณแม่ไม่ต้องมาแล้วนะคะ เราเห็นลูกดีใจ และมีความสุขมากเวลาที่เขาไปเรียน เรื่องอาหารที่เขาแพ้ ทางโรงเรียนเขาก็ดูแลดีมากๆ
แพ้แป้งสาลี แพ้ถั่ว แพ้นมวัว แพ้ปลาแซลมอน แพ้ปลาซาบะ โรงเรียนดูให้เป็นอย่างดีมากๆ เขาออกไปหาซื้อเอง แล้วมาทำให้น้องวิน ไม่ได้ทำให้น้องวินอย่างเดียว ทำให้เพื่อนๆ เขาในห้องด้วย”
ลั่นทุ่มเวลาให้ลูกไม่รู้สึกว่ากระทบรายได้
หนูเล็ก : “ตอนเย็นยังรับได้ เราก็ขายออนไลน์ก็ยังได้ เราไม่ได้รู้สึกว่ามันกระทบ เพราะว่าปกติหนูไม่ได้รับงานเยอะ ก็ยังพอส่งให้ลูกได้ แล้วอีกอย่างถ้าเราไม่มีหนี้ อะไรก็ไหว ซึ่งเราไม่มีหนี้รายได้หลักเราไม่ได้มาจากวงการบันเทิงอย่างเดียว มีขายของด้วย ขายเสื้อยืด ขายกากหมู”
อยากมีลูกอีก แต่ตอนนี้ยังเหนื่อยและเครียดกับการเลี้ยงคนนี้อยู่
หนูเล็ก : “จริงๆ อยากมีนะคะ แต่ว่าเราเลี้ยงเราเหนื่อยนะ บอกตรงๆ เหนื่อยนะ แต่มันมีความสุขมาก แต่ก็อยากมีแต่ว่าต้องรอดูก่อน แต่แฟนอยากได้ลูกสาว ส่วนหนูอยากได้ลูกชาย อาการแพ้ท้องเหมือนจะเริ่มลืมแล้ว แต่ว่าเริ่มกลัวว่าลูกจะเรียนที่ไหนดีเครียดจังเลย ลูกเจอเพื่อนแบบไหน เครียดจังเลย ลูกจะเป็นยังไง เครียดเรื่องนั้นมากกว่า เครียดเรื่องที่ว่าเขาจะโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ไหม แค่นี้เอง”
เล่าความรู้สึกช่วงสติแตกตอนช่วงโควิด-19 จนกลายเป็นดรามาทำตนร้องไห้ไป 2 วัน
หนูเล็ก : “หนักเลย ก็คือหนูจะอธิบายก่อนว่าทำไมสติมันแตก สติหลุด เพราะว่าปกติแล้วหนูเป็นคนขี้กลัว ขี้ตกใจอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ทีนี้ที่มันเกิดขึ้น เพราะวันนั้นหนูถ่ายรายการเสร็จ หนูมานั่งที่บ้านเลี้ยงลูก อุ้มลูก เราดูข่าว เราเสพข่าวเราเครียดอยู่แล้ว เดี๋ยวคนนั้นตาย เดี๋ยวประเทศนั้นตาย
ทีนี้เขาโทร.เข้ามา พอโทร.มาสายแรกน้ำตาไหลเลย คือตอนนั้นเริ่มไปแล้ว คือทีมงานโทร.มาบอกว่าพี่ติดโควิด มันก็เลยเริ่มเครียดแล้วร้องไห้ ทีนี้ดีเจนุ้ยโทร.มา น้องกายโทร.มา ทุกคนโทร.มา พี่เชื่อไหม แฟนก็เลยบอกว่าไปอาบน้ำแล้วไปโรงพยาบาลเลย แล้วหลังจากที่ขึ้นไปอาบน้ำนั่นแหละ เชื่อไหมทั้งนักข่าว พี่ๆ ทีมงาน ทั้งพี่ๆ ดาราทุกคนโทร.มาหมด
โทร.มาปุ๊บมันแตกตอนนั้นเลย มันหลุด แล้วจำไม่ได้เลยว่าใครโทร.มาบ้าง เราก็เลยร้องไห้ว่าไปหาหมอที่ไหนดีแล้วก็เอาไปลง ตอนนั้นบอกตรงๆ หนูไม่รู้สึกอะไรเลย แต่จิตสำนึกรู้สึกว่าไปโรงพยาบาลไหนดี อยากรู้ ทีนี้พอไปโรงพยาบาลก็อัดคลิปอีกแล้ว หนูจะไปโรงพยาบาลนะคะ หนูต้องรอดๆ กลายเป็นว่าให้กำลังใจตัวเอง ลืมให้กำลังใจคนอื่น ด่ากันกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์เลย
เป็นดรามาที่หนักมากตอนนั้น หนักมากในชีวิตหนูเลย ร้องไห้ 2 วัน ร้องไห้รู้สึกว่าเราฆ่าคนเหรอ เราเป็นอะไรทำไมเขาถึงด่าขนาดนี้ ร้องไห้ที่เขาด่า เพราะรู้สึกผิดแล้ว ขอโทษแล้วก็ยังด่ากันอยู่ ก็เลยรู้สึกว่าเราฆ่าคนเหรอ เราทำอะไร ทำไมเลวร้ายจังเลย ทีนี้พี่ๆ เขาน่ารักมากๆ หลายคนมากโทร.มาหาหนู รวมทั้งพี่หมูแหม่ม สุริวิภา , พี่มิค บรมวุฒิ โทร.มาหมดเลย โทรมาบอกว่าเราไม่ได้ฆ่าคนตาย แล้วเราก็ไม่ได้ว่าใคร เราไม่ได้ด่าใครเลย พี่ดูคลิปมาหลายรอบแล้ว เพราะฉะนั้นให้โอกาสกับตัวเอง อย่าโกรธตัวเอง ให้อภัยตัวเอง แค่นี้เอง 2 วันจบ”
เหตุการณ์ครั้งนั้นสอนอะไรหลายอย่างกับตน เพราะกลัวมากจนควบคุมสติตัวเองไม่ได้ ฉะนั้นตนจะต้องอยู่กับคนที่ควบคุมตนได้
หนูเล็ก : “มันสอนเยอะมาก อันดับแรกเลย สอนให้เรามีสตินั่นแหละ แต่หนูจะบอกว่าคนเราสติมีไม่เท่ากัน สมองยังมีไม่เท่ากันเลย หนูเป็นคนที่กลัวมาก ในเมื่อเราควบคุมตัวเองไม่ได้ เราจะต้องอยู่กับคนที่สามารถควบคุมเราได้ แต่วันนั้นที่เกิดขึ้น เพราะแฟนไม่ได้ขึ้นไปอาบน้ำกับเรา ตอนที่พ่อเสียจะผูกคอตายเลย เพราะมันเครียดมาก แต่ดีที่มีแฟนอยู่ด้วย”
ด้วยความที่ระวังตัวทุกเรื่องที่บ้านจึงติดกล้องวงจรปิด 18 ตัว
หนูเล็ก : “บ้านไม่ได้ใหญ่มาก แต่ติดทุกมุม ข้างล่าง 2 ตัว ในห้องนอนก็ติด ติดทุกห้องที่ไม่ใช่ห้องน้ำ อยากดูเวลาหนูไปทำงาน อยากดูว่าสามีเขาอยู่กันยังไง แม่มาก็จะได้ดูแม่ด้วย
แต่หลักๆ เลยไว้ดูลูก คือสามีเองก็อยากจะติด ไม่ใช่แค่เราคนเดียว คือเดี๋ยวนี้กล้องมันถูกแล้วดีมาก คือเอาไว้ดูลูก และมันเห็นผลมากตอนที่ติดโควิดเราต้องกักตัว ขวดนมอยู่ตรงไหน นมอยู่ตรงไหน แฟนไม่รู้ เราก็ดูในกล้องวงจรปิด แล้วก็บอกว่าไปตรงนั้น ตรงนี้ บางทีชอบเอารูปกล้องวงจรปิดโพสต์ลงโซเชียล หลายคนก็เตือนบอกว่ามันอันตราย มันเป็นการชี้แผนที่ให้โจรหรือเปล่า หลายคนเตือนมาเราก็ลืมคิดเหมือนกัน แต่พอคิดอีกทีที่บ้านไม่มีอะไรเลยนะ กล้อง 18 ตัว ไม่เวอร์ เพราะว่าเพื่อนของแฟนเขามาติดให้ เขาเป็นเจ้าของ จะแถมให้กี่ตัวก็ได้”