ทำด้วยใจที่อยากตอบแทนสังคม "เมญ่า รวิสรา มาตร์มงคล" นางแบบสาวสอง และกรรมการผู้จัดการ บริษัท MORE COSMETICS CREATION จำกัด ควง "ซามีน่า สิริลักษณ์ ทรงศรี" อดีตผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 ร่วมกันทำกิจกรรมดีๆ มอบทุนการศึกษาและนำสิ่งของจำเป็นไปบริจาคให้เด็กด้อยโอกาส ที่โรงเรียนบ้านซับดินดำ จังหวัดสระบุรี ซึ่งมีทั้งเด็กพิการ เด็กพิการซ้ำซ้อน และเด็กต่างด้าว โดยโครงการนี้มีผู้ใหญ่ใจดีสนับสนุนสิ่งของต่างๆ หนึ่งในนั้นคือ "นิ้ง โศภิดา กาญจนรินทร์" มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 ที่ร่วมบริจาคอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเพื่อมอบให้กับเด็กๆ ในครั้งนี้ ทำเอาแม่งานอย่าง "เมญ่า" ปลื้มอกปลื้มใจ เผยความรู้สึกถึงจุดเริ่มต้นโครงการดีๆ ในครั้งนี้ว่า...
"เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง เมญ่าได้มีโอกาสเดินทางไปทำกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคม ด้วยการมอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษา แจกอุปกรณ์การเรียน เลี้ยงอาหารกลางวัน และจัดกิจกรรมสันทนาการเพื่อให้น้องๆ ได้ร่วมสนุกกัน ที่โรงเรียนบ้านซับดินดำ ตำบลลำสมพุง อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็กและเต็มไปด้วยเด็กด้อยโอกาสค่ะ"
"ก่อนหน้านี้เมญ่ามีโอกาสได้รู้จักกับน้องซามีน่า สิริลักษณ์ ทรงศรี อดีตผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปีล่าสุด ที่หอบเอากิจกรรมดีๆ มาปรึกษา จนเกิดเป็นเรื่องราวและความทรงจำ ที่จะประทับอยู่ในหัวใจของเมญ่าไปตลอดชีวิต น้องซามีน่ามีโปรเจ็กต์ที่ฝันเอาไว้ ว่าอยากจะกลับไปตอบแทนโรงเรียนในชุมชนที่ตัวเองเติบโตมา นั่นก็คือโรงเรียนบ้านซับดินดำ เพราะน้องๆ ที่นั่นเต็มไปด้วยเด็กด้อยโอกาสและยากจนค่ะ"
"ซามีน่าเล่าให้เมญ่าฟังว่าเคยเอาโปรเจ็กต์นี้ไปคุย และขอโอกาสจากผู้ใหญ่ใจดีหลายๆ ท่าน ที่น้องคิดว่าพอจะสนับสนุนโปรเจ็กต์ของน้องได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ยังไม่มีใครตอบรับ หรือว่าให้โอกาสน้องเลยสักที่ ตัวเมญ่าเองได้มีโอกาสเจอน้องตั้งแต่เวทีการประกวด จนจบการประกวดก็มีโอกาสที่ได้เจอกันอีก เราพูดคุยกันหลายเรื่องค่ะ รวมไปถึงเรื่องความโดดเด่นของน้อง ทั้งในเรื่องรูปลักษณ์และมุมองความคิด น้องจึงได้เล่าความลำบากของตัวเองให้ฟังตั้งแต่เด็ก รวมไปถึงโปรเจ็กต์ที่เป็นความฝัน แต่ยังไม่เคยมีใครให้โอกาสจนต้องแบกความผิดหวังมาจนถึงวันนี้"
"พอเมญ่าได้ยินคำว่า ยังไม่เคยมีใครให้โอกาส เมญ่าก็ตอบรับเป็นผู้สนับสนุนโปรเจ็กต์ของน้องในทันที ด้วยเหตุผลที่สุดแสนจะง่ายดาย ไม่ต้องใช้ความคิดซับซ้อน ไม่ต้องชั่งตวงวัดเรื่องผลประโยชน์อะไร ใช้แค่หัวใจของความเป็นเพื่อนมนุษย์ ที่ปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเท่านั้นเอง เพื่อนมนุษย์อย่างเมญ่า ที่ครั้งหนึ่งเคยต้องขาดโอกาส เพราะถูกสังคมตราหน้าว่าผิดเพศ"
"นี่แหละค่ะจุดเริ่มต้นของโปรเจ็กต์ fill LACK for LIFE จากคนเคยขาดสู่การเป็นผู้ให้ (https://youtu.be/FnvjCilrrfw) ที่เมญ่ากับซามีน่าร่วมกันจัดขึ้น แต่ใครจะเชื่อละคะว่า การไปทำกิจกรรมตอบแทนสังคมในครั้งนี้ จะกลายเป็นความทรงจำ พลังใจ และแรงขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งทำให้ เมญ่า รวิสรา คนนี้ และต่อจากนี้ไป จะเดินหน้าช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทุกรูปแบบของสังคม และจะทำคลิปนำเสนอเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าประเทศเรายังมีคนที่ด้อยและรอคอยโอกาสอยู่อีกไม่น้อยค่ะ"
"โรงเรียนบ้านซับดินดำเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ที่มีเด็กอยู่ประมาณ 70 กว่าคน แต่เชื่อไหมคะว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของเด็กทั้งหมด คือเด็กพิเศษ หรือเด็กที่เราเรียกว่ากลุ่ม LD หรือ Learning Disorder นอกจากนั้นยังมีเด็กพิการ เด็กพิการซ้ำซ้อน เด็กต่างด้าว และเด็กที่สังคมมองว่าไม่ปกติอีกหลายกลุ่ม"
"ยอมรับค่ะว่าเมญ่าตกใจมาก เพราะมันยากมาก ที่จะจัดการเรียนการสอนให้เด็กปกติ มาเรียนร่วมกับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลำพังมีเด็กพิเศษห้องละคนก็จัดการเรียนการสอนได้ลำบากแล้ว นี่ห้องละหลายคน ถ้าเมญ่าเป็นคุณครูของโรงเรียนนี้ เมญ่ายังคิดไม่ออกเลยค่ะว่าจะต้องทำยังไง"
"โรงเรียนนี้ไม่มีคอมพิวเตอร์นะคะ โทรทัศน์ซึ่งเป็นสื่อการสอนที่อาจจะทันสมัยที่สุดแล้วในโรงเรียน ก็มีอยู่เพียงเครื่องเดียว เด็กๆ ต้องมานั่งรวมกันค่ะเวลาจะดูอะไร คำพูดหนึ่งที่ติดปากเมญ่ามานานหลายปีแล้วก็คือ คนเราเลือกเกิดไม่ได้ เลือกจะไม่เกิดก็ไม่ได้อีก ดังนั้นเมื่อเราเกิดมาแล้ว สิ่งที่ติดตัวเรามาก็คือสถานภาพทางสังคมค่ะ นั่นคือสิ่งที่เราเลือกไม่ได้ แล้วมันจะส่งเสริม หรือกดทับเรา ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเกิดมาเป็นใคร เป็นอะไร และอยู่ในสังคมแบบไหน"
"เมื่อถึงตอนทำกิจกรรม พวกเราได้ใกล้ชิดกับน้องๆ มากขึ้น ได้ร่วมกันรับประทานอาหาร ได้ร่วมกันร้องเพลง ได้ร่วมกันเต้น ได้ร่วมกันเล่นเกม มันทำให้เมญ่าได้เห็นภาพที่เมญ่าคิดว่าตัวเองไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลยในชีวิต It’s so beautiful but sad มันสวยงามแต่ก็เศร้าไปพร้อมๆ กันค่ะ"
"ภาพเด็กที่กำลังทำกิจกรรมตรงหน้าเมญ่า บางคนเป็นเด็กพิเศษที่อาจจะไม่เข้าใจกิจกรรมที่เรากำลังทำอยู่ด้วยซ้ำ บางคนเป็นใบ้ บางคนพิการแขนขา พอมองไปอีกทาง คนนั้นเป็นต่างด้าว หันกลับมา น้องคนนี้ยากจนเนื้อตัวมอมแมม"
"แต่สิ่งที่ทำให้เมญ่ารู้สึกยิ่งกว่านั้นคือ ระหว่างทำกิจกรรม มีน้องคนหนึ่งเป็นเด็กพิการซ้ำซ้อน เขามากอดเมญ่า มาขอขี่หลัง นั่นคือช่วงเวลาที่ใกล้ชิดที่สุด ชิดจนเมญ่าคิดว่าเราได้ยินเสียงหัวใจของเขา เราอ่านความรู้สึกของเขาได้ แม้เขาจะไม่ได้พูดอะไร เพราะเด็กเขาอธิบายความรู้สึกของเขาไม่ได้หรอก แต่แค่ขี่หลังเราอยู่แบบนั้น เราก็รู้สึกได้แล้ว"
"เมญ่ารู้สึกดีใจ และอยากขอบคุณท่านผู้อำนวยการ รวมถึงคุณครูทั้ง 6 ท่านของโรงเรียนนี้แทนเด็กๆ จริงๆ ค่ะ ท่านผู้อำนวยการยังคงอยู่ดูแลเด็กๆ ของโรงเรียนนี้ต่อไป"