วันนี้ที่รอคอย “ฟ้าใส” ดีใจ กองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์คืนมงกุฎให้ ตื่นเต้นจนมือสั่นราวกับชนะการประกวด ได้รับความยุติธรรม เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เป็นนางงามไม่ง่าย ต้องอ่านเอกสารให้รอบคอบ อะไรไม่ยุติธรรมให้ทักท้วง เตรียมโกอินเตอร์ ตามรอย “ปู ไปรยา”
“ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 พร้อมด้วย “เอส อนุสิทธิ์” ผู้จัดการส่วนตัว และ ทนายนงลักษณ์ แตงเจริญ เดินทางมารับมงกุฎคืน ที่บริษัท ทีพีเอ็น โกบอล จำกัด ผู้ถือลิขสิทธิ์จัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ โดยมีทีมงานของ “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก” และ “ณะ ณรงค์ เลิศกิตศิริ” ในฐานะผู้อำนวยการกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เป็นตัวแทนมาส่งมอบมงกุฎให้กับฟ้าใสกลับคืนสู่มือ
“รู้สึกดีใจค่ะ และในครั้งนี้อยากจะขอบคุณทุกคนนะคะ พี่เอส ปาป๊า ทนาย และที่สำคัญแฟนคลับทุกคนที่อยู่เคียงข้างฟ้าใสมาตลอด อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นนะคะการที่ฟ้าใสออกมาครั้งนี้ ฟ้าใสไม่ได้ต้องการที่จะเรียกร้องอะไร แค่อยากให้ความจริงกระจ่างและเปิดเผย ซึ่งเชื่อว่าตอนนี้ทุกคนก็สามารถเอาข้อมูลทั้งสองฝ่ายพิจารณาและก็ให้ทุกคนตัดสินเอง ขอบคุณแฟนคลับทุกคนในวันนี้ที่คอยสนับสนุนฟ้าใสมาโดยตลอด วันนี้ได้กลับคืนมาแล้วนะคะ ขอบคุณมากๆ”
มือสั่นได้มงกุฎคืน เหมือนวินาทีที่ชนะการประกวด
“ตอนนี้เวลาที่ถือยังมือสั่นค่ะ มันเหมือนวินาทีที่มงฯ ลงครั้งแรกค่ะ ในค่ำคืนที่หนูได้มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ตอนนั้นรู้สึกว่าฝันไปหรือเปล่า ตอนนี้จับแล้วก็แบบ..กลับมาถาวรแล้วนะ”
ไม่เรียกว่าดีใจที่ต่อสู้จนชนะ แต่มันคือสตอรี่หนึ่งที่ยุติธรรม
“เรียกว่ามันเป็นสตอรี่ที่แตกต่างกันดีกว่า สตอรี่ที่หนูได้ในค่ำคืนนั้นเป็นเส้นทางนางงามที่ฟ้าใสพยายามมาตลอด วันนึงก็เป็นวันของหนูจริงๆ แล้วในครั้งนี้มันก็เหมือนเป็นสตอรี่นึง มันไม่ใช่เวทีนางงามแล้วค่ะ แต่มันอยู่ภายใต้ความยุติธรรม เส้นทางของชีวิตปกติๆ ค่ะ”
มงกุฏชำรุดต้องไปซ่อมเอง
ทนายนงลักษณ์ : “เมื่อกี้ไม่ได้เซ็นข้อตกลงอะไร แค่เซ็นรับว่าได้ส่งมอบมงกุฎให้น้องในวันนี้ ทีนี้มีอยู่นิดนึงที่มีการแก้ไข พอดีว่า มงกุฏอันนี้มีจุดชำรุดจากตอนที่น้องรับในครั้งแรก แต่คุณเอสจำได้ว่า มันน่าจะชำรุดก่อนวันที่น้องอำลาตำแหน่ง ก็เลยรับมาสภาพนี้ และมีหมายเหตุไว้นิดนึงว่า อาจจะต้องไปซ่อมแซมเอง ไม่ได้เป็นสัญญาค่ะ เป็นหนังสือส่งมอบ ไม่มีเงื่อนไขอะไร ทางเรายินดีจะไปซ่อมเอง”
มูฟออนเรื่องดราม่า เดินหน้าทำงานต่อ
“สำหรับฟ้าใสก็อย่างที่ได้สัมภาษณ์ในรายการนะคะว่ามูฟออน จบแล้วค่ะ ดราม่าก็นาน ฟ้าใสเอง ถ้าทุกคนทราบก็จะไม่ค่อยชอบดราม่าเท่าไหร่ ตอนนี้มีโปรเจกต์ มีอีเวนต์ต่างๆ ที่ฟ้าใสอยากจะมุ่งหน้าต่อไปในเส้นทางของฟ้าใส”
“จริงๆ ที่เป็นดราม่าเพราะไม่มันไม่เคลียร์มากกว่า มันเลยมีข้อสงสัยมาตลอดว่าเป็นแบบนี้หรือเปล่า เลยกลายเป็นว่า มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างกัน มันเลยยังไม่จบ แต่พอตอนนี้ข้อมูลทุกอย่างออกมาเรียบร้อยแล้ว ก็เลยกลายเป็นว่า ทุกคนไม่มีคำถามแล้ว หนูเชื่อว่าดร่ามานี้ก็จะจบเช่นกัน”
ผู้จัดการส่วนตัวฟ้าใส กล่าวขอบคุณกองประกวดที่คืนมงกุฏให้
“ผมจบแล้ว เพราะว่าถือว่าเรื่องราววันนี้จบแล้ว ต้องขอขอบคุณทาง TPN ขอบคุณพี่ปุ้ย พี่ณะ ที่มอบคืนมงกุฎให้กับน้อง ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคน เราเชื่อว่าเราอยู่ในวงการต่อไป ก็ยังเป็นพี่น้อง ยังร่วมงานกันได้ เพราะน้องยังมีโปรเจกต์การกุศลกับ we are one ก็ยินดีมาร่วมอย่างเต็มที่”
ที่ผ่านมามีข่าวเยอะแต่ก็ไม่หวั่นว่าจะส่งผลเสียกับอนาคตในวงการบันเทิง
“ผมว่าวงการบันเทิงมีดราม่าตลอดนะ อยู่วงการบันเทิงมานานก็มีดราม่าทุกคน เพราะฉะนั้นเราจะรับมือกับดราม่ายังไงต่างหาก รับกันแบบไหน สุดท้ายผมว่าวงการบันเทิง นักข่าวกับดาราเป็นของคู่กัน การเกิดปัญหาก็เป็นของคู่กัน เราไปกันด้วยความรักดีกว่า มีอะไรเกิดขึ้นก็เข้าใจกัน อย่างที่บอกว่า ทุกอย่างให้ความจริงเป็นตัวตัดสิน ตัวผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร คิดว่ามูฟออนแล้ว ตัวผมจบแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว”
เตรียมเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กระทรวงยุติธรรม
ทนายนงลักษณ์ : “ตรงนี้ไม่เป็นไร ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ หลังจากนี่ฟ้าใสจะเดินหน้าทำหน้าที่ตัวเองต่อไป มีโปรเจกต์จะไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กระทรวงยุติธรรมค่ะ น้องก็จะพยายามช่วยเหลือสังคมและประเทศชาติด้วยค่ะ”
หลังจากนี้จะไม่มีเรื่องราวอะไรแล้ว?
ฟ้าใส : “อยากให้สดใสค่ะ ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส”
เตรียมดัน “ฟ้าใส” โกอินเตอร์เหมือน “ปู ไปรยา” ที่ทำงานต่างประเทศ ทำงานช่วยสังคม
เอส : “มีติดต่อมาตลอด มันเป็นเรื่องการวางโพสิชั่นน้องว่า จะไปทางไหน ผมมองว่าน้องควรโกอินเตอร์มากกว่า ปีก่อน มิน พีชญา เคยไปงานเมืองคานส์ ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ เคยไปเดินแบบต่างประเทศ ผมคิดว่าถ้าหมดโควิดน่าจะเป็นฟ้าใส น่าจะมีโอกาสไปเมืองนอก เพราะเขาเหมาะ อยากให้น้องอยู่ในโหมดอินเตอร์เหมือน ปู ไปรยา ที่ทำงานเพื่อสังคมด้วย ทำงานเมืองนอกเยอะ ส่วนงานเมืองไทยก็รับเรื่อยๆ อย่างที่บอกน้องภาษาอังกฤษดี ด้วยส่วนสูง ด้วยตำแหน่ง เขาเหมาะกับการโกอินเตอร์มากๆ ฉะนั้นถ้าหมดโควิดเราจะเห็นฟ้าใสโลดแล่นในต่างประเทศแน่นอน”
งานเมืองไทยติดต่อเข้ามาเยอะ แต่คิดว่า “ฟ้าใส” เหมาะกับการโกอินเตอร์มากกว่า
“จริงๆ มีเยอะนะ อย่างที่บอกว่าดาราต้องมีการวางโพสิชั่น ถ้าเราจะไปทางไหน เราต้องฝึกฝนทางนั้น ถ้าน้องจะไปอินเตอร์ ถามว่าเล่นละครไหม ก็อาจจะมีเล่น แต่อาจจะไม่ได้เล่นเต็มตัวแบบต้องถ่ายปีละหลายๆ เรื่อง อันนี้ก็ต้องดูคิวไป ถ้าถามจริงๆ ผมพูดกับเขาเสมอว่าเขาเหมาะกับการโกอินเตอร์ เพราะเราไปงานต่างประเทศบ่อย เรารู้ว่าลุคของน้องให้ น้องไปเดินแบบ เดินพรมแดงได้เลย แล้วก็กลับมาทำงานเพื่อสังคม คือเอาชื่อเสียงตรงนั้นมาช่วยสังคม บอกฟ้าใสตั้งแต่วันแรกแล้วว่า ถ้าจบเรื่องนี้เมื่อไหร่ ผมขอจริงๆ ขอให้ฟ้าใสทำเพื่อสังคม ซึ่งน้องบอกว่ายินดีทุกงานเพื่อนสังคม โดยเฉพาะที่ทนายติดต่อมา เดี๋ยวจะมีโปรเจกต์ไปเยี่ยมผู้ต้องหาที่ห้องขัง ไปให้กำลังใจเขาที่กำลังจะออกมา ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น”
บทเรียนครั้งนี้คือ ต่อไปจะเซ็นเอกสารอะไรต้องรอบครอบ ถ้าไม่ถูกต้องยุติธรรมก็ทักท้วง
ฟ้าใส : “หนูเชื่อว่าเป็นเคสศึกษาได้ เพราะว่าที่ผ่านมาหลายๆ คนอาจจะคิดว่าการเป็นนางงามมันเป็นสิ่งที่ง่ายนะ ก็แค่เข้ามาประกวดก็จบ แต่จริงๆ มันมีอะไรที่ลึกและหลายชั้นกว่านั้น ที่ผ่านมาในปีของฟ้าใสหลายๆ คนจะมีเรื่องของการตอบคำถามเป็นสิ่งที่สำคัญมาก พอในวันนี้ก็จะเป็นเรื่องของเวลาที่ไม่ว่าจะเป็นวงการนางงามหรือว่าทั่วไป ถ้ามีการเซ็นเอกสารอะไรก็อยากจะให้รอบคอบ ตรวจสอบ ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ไม่เหมือนที่เราเคยคุยกันไว้ เรามีสิทธิ์ที่จะทักท้วง มันเป็นสิทธิ์ของเรา เป็นความยุติธรรม ก็เชื่อว่าต่อไปไม่ว่าวงการไหนๆ ทุกคนก็จะรอบคอบมากขึ้น”
ทนายนงลักษณ์ : “อันนี้ก็จะเป็นประโยชน์ทุกฝ่ายนะคะ ฝ่ายทางกองประกวดก็จะได้เป็นบทเรียนรอบครอบขึ้นไม่ผิดพลาด มันดีกับทุกฝ่ายค่ะ”