“แมทธิว” ยันไม่มีดรามา ไล่ “น้ำ รพีภัทร” ลงจากเวที ลั่นคุยกันภาษาผู้ชาย โทร.หาแล้วแต่ไม่รับสาย สงสัยเลี้ยงไก่ เลี้ยงควายอยู่ บอกคนว่าแรงอย่าโลกสวย แจงกรรมการเป็นระดับปรมาจารย์ ไม่ตัดสินมั่ว ส่วนเรื่องลูกคนที่ 3 “ลีเดีย” ยังไม่ใจอ่อน แต่ตรวจร่างกายเช็กสเปิร์มเอาไว้ก่อน
เป็นรายการที่เจอกระแสดรามาได้ทุกวีกจริงๆ สำหรับ 10 fight 10 ซีซั่นสอง ซึ่งศึกดวลหมัดระหว่าง “เต้ นันทศัย พิศลยบุตร” และ “บอล อัศนัย เทียนทอง” ก็โดนไปหลายดรามา ทั้งผลการตัดสินที่ให้บอลแพ้ก็ค้านสายตา ส่วน “แมทธิว ดีน” ก็เจอดรามาในฐานะโค้ชของทีมสีขาว ได้ใช้คำพูดรุนแรงไล่ “น้ำ รพีภัทร เอกพันธ์กุล” ลงจากเวที
ล่าสุดเจอตัวหนุ่มแมทธิว ที่ควงภรรยา “ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน” มาร่วมงานเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์สีเบเยอร์ชิลด์ แอนตี้ไวรัส โกลด์ ไอออน สีทาภายในหนึ่งเดียวที่ไม่ใช่แค่ยับยั้งไวรัส แต่จำกัดโคโรน่าไวรัสได้ ณ บริษัท เบเยอร์ จำกัด ถนนบรรทัดทอง เจ้าตัวเลยถือโอกาสเคลียร์ประเด็นดังกล่าว
แมทธิว : “ก็เห็นกระแสบางคนที่ดรามานะครับ ก็อาจจะได้ยินคำพูดหรือเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีและคิดว่ามันเป็นเรื่องแปลก หรือว่าเป็นเรื่องที่มันดรามา แต่ว่าสำหรับผมและทุกๆ คนพี่ๆ ที่ผมรู้จัก รวมไปถึงน้ำเองก็ไม่มีอะไรเลย เป็นเรื่องของผู้ชาย
อย่างแรกเลยการชกมวยเป็นกีฬาของลูกผู้ชายอยู่แล้ว กว่าเราจะมาถึงจุดบนเวทีเราผ่านกันมาเยอะ เต้ (นันทศัย พิศลยบุตร) เป็นคนที่ขยันซ้อมมาก 1 ปีที่ผ่านมาเรียกว่าค่ายมวยค่อนข้างจะเป็นบ้านหลังที่สองของเขา มาอาทิตย์ละ 3-4 วัน วันละ 3 ชม. ทุ่มเทสุดๆ แล้วมันก็ไปจบที่เกมส์บนเวทีตรงนั้น
ไอ้การพูดจาสำหรับคนที่ไม่รู้จักกับกีฬาตรงนี้ หรือไม่รู้จักพวกผมอาจจะดูว่ามันรุนแรงหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วสำหรับพวกเรามันเป็นเรื่องเล็กมาก นี่เรียกว่าซอฟต์สุดๆ แล้ว ผมกับน้ำก็สนิทกัน ทำงานกันมาเยอะแยะ เล่นละครกันมาเยอะแล้ว”
เผยโทรศัพท์ไปหาแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ได้รับ สงสัยเลี้ยงไก่ เลี้ยงควาย
แมทธิว : “ยังไม่ได้คุยนะ ผมโทร.ไป แต่เขาไม่ได้รับ สงสัยเลี้ยงไก่ เลี้ยงควายอยู่ (หัวเราะ) แต่จริงๆ ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก เพราะเขาเองก็ออกมาพูดเป็นวิดีโอแล้วว่ามันไม่มีอะไรอยู่แล้ว แค่จังหวะมันไม่ค่อยได้ คือเขาก็เป็นเพื่อนเต้ด้วย เขาก็อยากจะให้เต้ผลงานดีที่สุดบนเวที แต่จังหวะมันไม่ค่อยได้ในมุมมองผม เพราะเราก็ซ้อมกันมาเยอะ เรามีแผนการของทีมเรา มีสิ่งที่เราตกลงกันไว้ ก็กลัวว่าถ้าเกิดมันผิดเพี้ยนไปจากแผนตรงนั้นผลงานมันอาจจะไม่ค่อยดีเท่าที่เราต้องการ”
ลีเดีย : “เพราะว่าระหว่างเบรก มันมีเวลาที่เราจะแก้เกมส์ค่อนข้างมีลิมิต และพอเวลาที่พี่เต้ควรจะต้องโฟกัสกับโค้ช ก็รู้สึกว่าไม่อยากให้เขาต้องว่อกแว่ก หรือเกิดหลายเสียงหลายสิ่ง”
แมทธิว : “เขาต้องมีสมาธิที่สุดครับ”
เผยพูดเบามากแล้ว เพราะสนิทกัน
แมทธิว : “โอ๊ย เบามาก”
ลีเดีย : “ด้วยความที่สนิทกับพี่น้ำอยู่แล้วด้วยนะ ถ้าคุยกับคนอื่นก็อาจจะไม่ได้คุยแบบนี้ แต่นี่เพราะว่าสนิทกับพี่น้ำอยู่แล้ว”
ไล่น้ำลงจากเวที คุยกันภาษาผู้ชาย
แมทธิว : “ใช่ครับ ก็ภาษาผู้ชายคุยกัน เป็นเรื่องของกีฬา (ยิ้ม)”
ลีเดีย : “เขานั่งแฮงค์กันในห้องตั้งแต่ 4 โมงเย็นแล้วค่ะ (หัวเราะ) ก็คือสบาย ชิลๆ ไม่มีอะไรเลย เดียว่าพี่น้ำไม่คิดอะไร คือวันนั้นเดียไปด้วย แต่กลับก่อนที่เขาจะชก คือเราดูในทีวีอาจจะรู้สึกว่ามันแรง แต่เดียก็คิดว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้มีอะไร เพราะสองคนเขาสนิทกันอยู่แล้ว เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว และเขาก็อยู่คลุกคลีกันมาทั้งวันอยู่แล้ว คนมองอาจจะว่ามันแรงมาก แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรค่ะ”
แมทธิว : “คนที่มองว่าแรงก็คือคนที่ไม่รู้จักพวกเรา อาจจะไม่รู้จักวิธีการคุยของผู้ชายที่เป็นแบบวัยเราหรือสไตล์เรา (ยิ้ม) น้ำเขาก็ไม่ได้อะไร จริงๆ ถ้าคุยกันปกติมันหนักกว่านี้เยอะ แต่นี่เป็นกีฬาครับ น้ำเองก็รู้ดี พอเขากลับไปคิดก็คงรู้ว่ามันอาจจะไม่ใช่หน้าที่ของเขาตรงนั้น แต่เราก็ไม่ได้โกรธ ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่บอกว่าออกไปก่อนแป๊บนึง กูกำลังสอนอยู่ ใจเย็นๆ (ยิ้ม) มันมีสไตล์ของมันน่ะครับ”
ลีเดีย : “ในสถานการณ์นั้นมันอาจจะเครียดอยู่ด้วย เพราะว่าเพิ่งหมดยก มันหลายสิ่งหลายอย่าง”
แมทธิว : “มวยมันเป็นกีฬาที่มีความตื่นเต้น ความกดดัน เพราะฉะนั้นอะไรที่มันดึงสมาธิของเราหรือว่านักมวยออกไปจากเกมส์บนเวที ผมก็ไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้นแค่นั้นแหละ (ยิ้ม)”
ย้อนกลับไปคิดเอาเองว่าแรงหรือเปล่า อย่าโลกสวย เอาชีวิตจริง
แมทธิว : “ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องของคนอื่นน่ะครับ ผมว่ามันเป็นเรื่องของผมกับน้ำที่คุยกัน คนอื่นจะมองยังไงมันก็บังคับความคิดเห็นของคนไม่ได้อยู่แล้วแหละ บางคนบอกว่าการที่ผมใช้คำหรือว่าไล่เขาออกไปมันดูรุนแรง ก็ต้องกลับไปคิดเองว่าคิดแบบนั้นจริงหรือเปล่า พูดแค่นั้นมันแรงเหรอ ผมว่าอย่าไปโลกสวยมาก เอาชีวิตจริงเถอะ (หัวเราะ) ทางรายการก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ รายการเขาก็เห็นมาเยอะ”
ลีเดีย : “เดียว่าหน้าที่ของพี่แมทคือหน้าที่ของโค้ชที่จะทำให้ผลงานของคนที่ขึ้นชกออกมาดีที่สุด เพราะฉะนั้น ณ โมเมนต์นั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือพี่เต้ตั้งสติ เดี๋ยวเราจะแก้เกมส์แบบนี้ๆ นะ แต่ถ้ามันมีเสียงมาเยอะๆ มันก็อาจจะทำให้ว่อกแว่กได้ เดียคิดว่าหน้าที่ของพี่แมทคือทำให้เกมส์ออกมาดีที่สุดค่ะ”
แมทธิว : “สิ่งที่เราทุกคนตั้งใจซ้อมมาเป็นปี บางคนเห็นเฉพาะเกมส์บนเวที แต่ผมกับทั้งครอบครัวคืออยู่กับนักมวยทั้ง 11 คนมาเป็นปีแล้ว อย่างที่บอกว่าเข้าซ้อมกับที่ค่ายอาทิตย์ละ 3-4 วัน แทบจะเจอกันทุกวันเลยด้วยซ้ำ สลับวนกันมาเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นความตั้งใจตรงนั้นก็ไม่อยากให้มันหลุดไปจากตรงนั้น คืออยากให้ผลงานของเขาออกมาดีที่สุด แพ้ชนะก็แล้วแต่ ไม่เป็นไร แต่ขอให้เขามีประสบการณ์ชกบนเวทีหนึ่งครั้งในชีวิตของเขามันออกมามีความประทับใจและออกมาให้ดีที่สุดครับ”
แจงดรามากรรมการตัดสินถูกต้องหรือเปล่า เป็นธรรมดาเชียร์ฝั่งไหนก็๋อยากให้ชนะ ลั่นกรรมการตัดสินระดับปรมาจารย์ ไม่ให้คะแนนมั่วแน่นอน บอกอย่าคิดมาก แค่มวยดารา
แมทธิว : “ผมมองว่าใครเชียร์ใครก็คิดว่าคนนั้นชนะแหละ มวยมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ ไม่ว่าจะระดับดาราชกกันหรือจะเป็นระดับโลก เราเชียร์ฝั่งไหนเราก็มักจะเห็นแต่สิ่งดีๆ ที่ฝ่ายเราทำ สิ่งที่ฝ่ายอื่นทำก็มองข้ามๆ ไป เพราะเราอยากให้คนที่เราเชียร์ชนะมากๆ เลย แต่อย่างที่ทุกคนก็ทราบกันดีว่ากรรมการที่มาตัดสินในรายการนี้คือรุ่นใหญ่ทั้งนั้นนะครับ เขาตัดสินมวยมาเป็น 30-40 ปีนะครับ ระดับปรมาจารย์ทั้งนั้นเลย ดังนั้นเขาคงไม่ให้คะแนนมั่วๆ หรอกครับ มันก็ตามนั้นครับอย่างที่ทุกคนเห็น”
ลีเดีย : “ก็ต้องเคารพตามคำตัดสินค่ะ”
แมทธิว : “ก็ต้องให้เกียรติกรรมการอยู่แล้ว บางทีบางคนอาจจะมองข้ามไปว่าการดูมวยเวทีจริงกับทีวีก็อาจจะมีความแตกต่างกันไปในบางสิ่งหรือบางอย่างที่เห็น ไฮไลต์ที่ตัดออกไปบางอย่างก็อาจจะมีผลต่อความคิดเห็นของคน การพากย์พูดในบางอย่างก็อาจจะทำให้คนคิดไปในอีกแบบนึง มันมีหลายอย่างครับ แต่หลักๆ แล้วผมอยากให้คิดว่ามันเป็นแค่มวยดาราครับ ก็ถือว่าเป็นงานๆ นึง ถึงเขาจะตั้งใจซ้อมมากและอยากจะชนะมาก แต่มันก็เป็นแค่แมชต์นึงที่ชกแล้วก็ผ่านไป อย่าไปยึดติด อย่าไปคิดมาก มันเป็นกีฬาครับ มีแพ้ มีชนะ มีเสมอได้”
ลีเดียยังไม่ใจอ่อนมีลูกคนที่ 3 แต่แมทธิวหาหมอไว้ก่อนเพื่อเช็กความแข็งแรง บอกกดดันทุกทางเผื่อได้ผล
ลิเดีย : “(ส่ายหัว) โนค่ะ (หัวเราะ) พี่แมทชอบหลอกล่อไป แต่ยังค่ะ”
แมทธิว : “ก็ไปเช็คความแข็งแรงของทั้งคู่ว่าอยู่เลเวลประมาณไหน ไปเช็กไว้ก่อน เผื่อมีสักวันนึงที่ผู้หญิงคนนี้จะยอมทำในสิ่งที่ผมต้องการ (หัวเราะ) ไม่หรอกครับ ก็ไปเช็กแหละ เป็นความรู้ด้วย คือเราก็เห็นเพื่อนๆ บางคนที่อายุมากกว่าเราเขาก็ไปเช็ก บางคนมีลูกยาก เขาก็เล่าประสบการณ์เขาให้ฟังว่าฝั่งผู้หญิงไปตรวจก็ปกติ แต่ว่าในฝั่งผู้ชายยังไม่ได้ตรวจเลย เพราะฉะนั้นเราก็ได้ความรู้จากคุณหมอว่าจริงๆ แล้วต้องเช็กทั้งคู่นะ ว่ามันไม่ได้อยู่ที่ผู้หญิงคนเดียว แต่ว่ามันต้องทั้งสองคน และผู้ชายบางคนที่อาจจะใช้ชีวิตหนักหรือว่าพักผ่อนน้อยต่างๆ ก็มีโอกาสที่จะมีปัญหาเรื่องของสเปิร์มอะไรต่างๆ”
ลีเดีย : “จริงๆ ก็คือกลัวมาจากที่ติดโควิด 19 นี่แหละค่ะ คือไม่รู้ว่ามันกระทบหรือเปล่า เพราะตอนมีเดมี่ก็คือก่อนโควิด และพอติดมาแล้วเราก็ไม่รู้ว่ามันมีผลกระทบอะไรไหม เพราะคุณหมอเขาก็บอกว่ามีเคสว่าเจออยู่นะ”
แมทธิว : “คือเป็นไปได้ที่คุณภาพจะลดลง ก็เลยเป็นความรู้นะครับ เลยได้ความรู้กลับบ้าน เหลือแต่ปฏิบัตินี่แหละ ผลตรวจก็คุณภาพดีครับ ผ่านครับ”
ลีเดีย : “แต่ภรรยายังไม่ให้ผ่านค่ะ (หัวเราะ) ยังไม่ใจอ่อนค่ะ ตอนนี้ยังเหนื่อยไม่หายเลยค่ะ แต่ที่ไปตรวจเนี่ยเพราะตอนแรกเขานัดเดียว่าวันนี้จะพาไปสปา พาไปเอาใจ เขาบอกมาที่ห้างเกษรเลยนะ มันมีที่ดีมากเลย พอเราขึ้นไปถึงก็เอ๊ะ...อะไรคะ คือ women clinic เราก็ถามว่าจะพามาตรวจปากมดลูกเหรอคะ ยังไงไม่เข้าใจ พี่แมทก็บอกเดี๋ยวให้พยาบาลอธิบาย (หัวเราะ)”
แมทธิว : “คุณหมอก็บอกว่ามีได้นะครับ เพราะเขาก็ช่วยมาแล้วหลายคน ช่วยมาแล้วหลายคู่ในเรื่องของการมีลูก คุณหมอบอกว่าถึงแม้ว่าที่ผ่านมาแล้วสองคนก็ไม่ได้เรียกว่าเป็นคู่ที่มีลูกยาก แต่พอทุกปีเราอายุมากขึ้นเรื่อยๆ มันก็มีโอกาสที่จะมียากขึ้น”
ลีเดีย : “แล้วก็จะมีความเสี่ยงด้วยค่ะ อายุมากขึ้นเท่าไหร่มันก็อาจจะมีโอกาสเรื่องดาวน์ซินโดรมก็อาจจะเพิ่มได้ คุณหมอก็เลยบอกว่าถ้าอยากจะมีจริงๆ ก็อาจจะเก็บตัวอ่อนไข่ของเราในอายุที่ยังน้อย ในอนาคตมันก็จะลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ ค่ะ”
แมทธิว : “คุณหมอก็แนะนำให้มีการวางแผนก่อนจะมี”
ลีเดีย : “ตอนนี้ยังไม่เก็บไข่ค่ะ”
แมทธิว : “ตอนนี้แค่ไปตรวจเช็กคุณภาพครับ คุณภาพผมดี คุณภาพภรรยาก็ดี พร้อมมาก”
ลีเดีย : “จริงๆ คุณตา คุณยายตอนแรกก็เห็นเดียเหนื่อย เขาก็บอกว่าสองคนก็พอแล้ว แต่พอเดมี่เริ่มโตแม่เดียก็บอกว่าแต่ถ้ามีอีกคนนึงก็โอเคนะ คุณแม่ชอบเลี้ยงเด็ก”
แมทธิว : “เข้าทางเลยครับ ต้องช่วยกันกดดันหลายๆ ฝ่ายนะถึงจะได้ผล (หัวเราะ)”