“คุณแมงมุม” ร่ำไห้ดีใจซีรีส์ “เสียดาย” ได้ฉายเสียทีหลังโดนดองมา 5 ปี ถามผู้บริหารสถานี PPTV เพราะอะไรถึงไม่ได้ฉาย ทั้งๆ ที่มีหลายสื่ออยากจะซื้อไป เชื่อเพราะการเมืองในสถานี ตื่นเต้นหายเหนื่อยแล้วจะได้ฉายไปทั่วโลก
เรียกว่าเป็น 5 ปีที่รอคอยของนักแสดงและทีมงานซีรีส์ “เสียดาย” ของ “บริษัท ศรีคำรุ้ง จำกัด” กำกับการแสดงโดย “หม่อมราชวงศ์ศรีคํารุ้ง ยุคล รัตตกุล” ร่วมสร้างกับสถานีโทรทัศน์พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 จะได้ออกฉายเสียที เพราะแอป iQIYI (อ้ายฉีอี้) ได้ซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายแล้ว โดยจะเผยแพร่ฉายไปทั่วโลก วันนี้ (16 พ.ย. 63) ได้มีงานแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์ โดยมี “หน่อง พลากร สมสุวรรณ” รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด มาร่วมงานด้วย คุณแมงมุมเลยขอถามตรงๆ ต่อหน้าสื่อว่าเพราะอะไร เสียดายถึงโดนดองมา 5 ปี
คุณแมงมุม : “ไหนๆ ก็อยู่ตรงนี้พร้อมกันหมดแล้ว อยากถามนิดนึงว่าทำไมถึง 5 ปี ภายใน 5 ปีนั้น เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่ได้ฉาย”
หน่อง พลากร : “บังเอิญผมเพิ่งอยู่ได้แค่ 2 ปี”
คุณแมงมุม : “งั้นเอาแค่ 2 ปีก็ได้ค่ะ”
หน่อง พลากร : “เราก็ดูกันอยู่ เพราะว่าคอนเทนต์เรื่องนี้เป็นคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาละเอียดอ่อน ในขณะเดียวกัน ก็เป็นคอนเทนต์สะท้อนสังคม เรามองภาพรวม มองภาพลักษณะของการนำเสนอต่างๆ ในหลายครั้งด้วยกัน เราก็มองว่าเราควรจะต้องหาโอกาสที่ดีๆ หรือจังหวะที่เหมาะสมที่จะนำละครเรื่องนี้ออกไป ในขณะเดียวกันก็มีแพลตฟอร์มที่เหมาะสม คืออ้ายฉีอี้ เข้ามา ทำให้ละครเรื่องนี้สามารถเผยแพร่ไปได้อย่างครบถ้วน สามารเผยแพร่ไปได้ในหลายๆ ประเทศ”
“หน่อง พลากร” แจงเพราะการสื่อสารตกหล่น ทำให้ Netflix และ Viu ไม่สามารถติดต่อข้อมูลซื้อ “เสียดาย” ไปได้
คุณแมงมุม : “มีช่วงนึงที่ Netflix กับ Viu พยายามที่จะซื้อเสียดาย เขาพยายามขอข้อมูลจาก PPTV แต่ไม่ได้รับการตอบรับ ต้องทวง มันเป็นเพราะอะไรคะ”
หน่อง พลากร : “อาจจะมีการสื่อสารที่ตกหล่นไป อาจจะมีการเปลี่ยนผ่านในเรื่องของผู้ปฏิบัติงานในหลายๆ เรื่อง มีข้อมูลที่จะสื่อสารระหว่างกันตกหล่นไป”
ร่ำไห้ดีใจแทนนักแสดงในที่สุดก็ได้ฉายสักทีหลังจากตั้งตารอคอยมา 5 ปี
คุณแมงมุม : “ดีใจแทนน้องๆ คือ แมงมุมพยายามจะถาม พยายามหาทางว่าจะทำอย่างไรดีให้ได้ฉาย อยากให้ฉายเพราะอยากให้คนเห็นน้องๆ ทำงานและตั้งใจ และมันเพอร์เฟกต์ แมงมุมต้องขอบคุณน้องๆ ที่ไว้ใจแมงมุม ที่เราขอให้ทำอะไรก็ทำให้หมด ไม่เคยเกี่ยง (ร้องไห้) โชคดีมากที่เจอน้องๆ กลุ่มนี้
ถอดใจคิดว่าคงจะไม่ได้ฉาย
“ต้องถอด เพระาะทุกครั้งที่เรามากินข้าวกัน เราก็จะถามทำไมมันไม่ได้ฉาย ผิดที่ใคร ผิดตรงไหน ทั้งๆ ที่ตอนเริ่มทำ ก็ได้คุยกับผู้ผลิตแล้วว่าจะให้ทำเลเวลไหน จะให้ทำเต็มที่เลยไหมเห็นเข็มไหม เขาก็บอกเต็มที่เลย และพอจบเราก็รอ เราก็ดีใจกันมากที่มันเสร็จแล้ว เพราะเราทุกคนตั้งใจ ก็รอมา 5 ปี พอได้ฉายก็เป็นสิ่งที่ดี มันได้ฉายทั่วโลก ประเทศอื่นก็จะได้เห็นด้วยว่านักแสดงเรามีความสามารถมาก น้องๆ กลายเป็นครอบครัวไปแล้ว”
เผย 5 ปีที่ผ่านมาคุยกับทีมงานตลอด ถอดใจแล้วว่าคงไม่ได้ฉาย ถึงขั้นตนติดต่อจะขอซื้อลิขสิทธิ์ไว้เอง เชื่อที่ไม่ได้ฉายเป็นเพราะการเมืองภายในสถานี
คุณแมงมุม : “คุยค่ะ แมงมุมของซื้อต่อ และทาง Netflix ก็ติดต่อไป ก็มีคนมาคอยกระซิบตลอดว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาก็บอกตลอดว่าขอข้อมูลก็ไม่ได้ หลายอย่าง เราก็เลยแบบ เราก็ไม่รู้เหตุผล ถ้าเราไม่รู้เหตุผลก็คงต้องถอดใจแล้วมั้ง ไม่ได้ฉาย ยังนั่งคุยกันมานั่งดูที่บ้านก็ได้ คนก็อยากดู แมงมุมไม่ได้บอกนะคะว่าดีแค่ไหน หรือแมงมุมเก่ง แต่ว่าน้องๆ ทุกคนตั้งใจมากและเก่งมาก(เหตุผลที่ไม่ได้ฉายเพราะฉาก?)แมงมุมว่าไม่ใช่ คงเป็นเรื่องการเมืองมากกว่าค่ะ”
ตื่นเต้นจะได้ฉายไปทั่วโลก นำของเก่าที่ทำไว้มาตัดต่อใหม่ลดเวลา เพิ่มตอน
คุณแมงมุม : “ตัดต่อค่ะ เพราะเมื่อก่อนตัดไว้ชั่วโมงครึ่ง 16 ตอน ตอนนี้ต้องทำมาเหลือ 45 นาทีต่อตอนและเพิ่มเป็น 24 ตอน ก็หายเหนื่อย เพราะสิ่งที่เราทุ่มเทไปได้ออกอากาศทั่วโลกเลย เราก็ตื่นเต้นมาก ส่งแมสเสจเข้าไปในกรุ๊ป เราจะมีกรุ๊ปกันตั้งแต่ตอนถ่าย กรุ๊ปนี้มีกันมา 5 ปีแล้วและทุกคนยังอยู่ ชวนไปกินข้าว ร้องคาราโอเกะ ถึงบอกว่าเป็นครอบครัว ไม่ใช่แค่ร่วมงานกัน”
เล่าช่วงที่ถ่ายทำตนต้องฉีดยาไปทำงานไปด้วย จนนักแสดงยกมือไหว้ให้หยุดพัก และมีฉากกระโดดตึกที่ตนตั้งใจทำเพื่ออุทิศให้ “สิงห์ ประชาธิป มุสิกพงศ์ หรือ สิงห์ Sqweez Animal”
คุณแมงมุม : “ในช่วงที่ถ่ายแมงมุมต้องไปฉีดยา ถ่ายอยู่ก็พักกองไปฉีดยามาถ่ายต่อ น้องๆ ในกองถึงกับยกมือไหว้ขอร้องให้หยุดพักก่อน แล้วก็จะมีอีกฉากนึง ฉากที่ ฟลุ๊ค (ณธัช ศิริพงษ์ธร) จะต้องกระโดดตึก แล้วตอนนั้นสิงห์เพิ่งเสีย แมงมุมก็ร้องไห้ไปกำกับไป แล้วเอาเพลงสิงห์มาใส่ตอนนั้น เหมือนตอนนี้เพื่อเขา”
เชื่อนักแสดงไทยความสามารถไม่แพ้นักแสดงฮอลลีวูดหากมีเวลาได้เข้าถึงบทจริงๆ
คุณแมงมุม : “ก็ฝากละครเรื่องเสียดาย อยากให้เห็นว่านักแสดงไทยสู้นักแสดงฮอลลีวูดได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ขอให้ได้มีโอกาส และมีบทที่ดีให้เขา มีเวลาให้เขาได้เข้าถึงบท ได้ทำเวิร์กชอป เขาทำได้เหมือนกันเลย แต่ปัญหาคือนักแสดงไทยทุกวันนี้จะได้บทแค่หน้ากอง ไม่มีเวิร์กช็อป ไม่มีการซ้อม หรือรีเสิร์จถึงตัวแสดงนั้นๆ ถ้าเรามีเหมือนที่ฮอลลีวู้ดเขามี เราทำได้แน่นอน”
