จาก “นางเอกเอ็มวี” สู่ “นางเอกในชีวิตจริง” สำหรับ “ใบเตย สุวพิชญ์ ไตรพรวรกิจ” ที่ตัดสินใจใช้ชีวิตคู่อย่างเป็นทางการกับ “ปั๊บ พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข” ย้อนกลับไปความรักของทั้งคู่เกิดจากการร่วมงานกันในเอ็มวี “ทิ้งไว้กลางทาง” เมื่อ 5 ปีที่แล้ว จากนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่แม้จะเป็นความรักที่มีอายุห่างกันถึง 11 ปี แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ทั้งคู่พัฒนาจาก “แฟน” มาเป็น “คนรัก” จนในที่สุดก็ได้ฤกษ์เข้าพิธีวิวาห์
โดยทั้ง “ใบเตย-ปั๊บ” ได้ตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ และเข้าสู่ประตูวิวาห์ในวันนี้ (15 พ.ย /63) ที่โรงแรมคอนราด ถนนวิทยุ ซึ่งพิธีในช่วงเช้าเวลา 07.39 น.มีการแห่ขบวนขันหมาก และเจ้าบ่าว พร้อมญาติผู้ใหญ่เดินผ่านประตูเงินประตูทอง จากนั้นพิธีกร “อ้น ศรีพรรณ-ดีเจ.เอกกี้” ได้เริ่มพิธีการบนเวทีตามฤกษ์สวมแหวนเวลา 09.09 น. ต่อด้วยพิธียกน้ำชา รดน้ำสังข์ตามลำดับ จากนั้นก็เป็นงานเลี้ยงฉลองสมรสกับแขกที่มาร่วมงาน
ซึ่ง “บ่าว-สาว” ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงความรู้สึกในวันนี้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่ “เรื่องบังเอิญ” แต่ทุกอย่างล้วนเป็น “พรหมลิขิต” ที่ถูกขีดเอาไว้ พร้อมเล่าย้อนกลับไปวันแรกที่เจอกัน รวมไปถึงธีมงานจัดออกมาเป็นแบบอาร์ตแกลอรี่ พร้อมภาพประกอบสถานที่ต่างๆ ที่ทั้งคู่ไปมาเป็นแบล็คกราวทั่วฮอล์ล ซึ่งระหว่างการให้สัมภาษณ์ฝ่ายเจ้าสาวน้ำตาคลอด้วยความชื่นมื่น
ปั๊บ : มันเป็นเรื่องของความรู้สึกใหม่ คือความรู้สึกใหม่ที่หมายถึงคือเป็นความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิต เราก็เล่นแต่ดนตรี แต่ความรักมันเป็นของคู่กัน และการที่ทำให้เรามาแต่งงานกัน มันเป็นความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้นในใจผม ผมพยายามกรองว่า มันคืออะไร อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
ใบเตย : สำหรับเมื่อเช้าก็มีแต่ความซาบซึ้ง กับญาติๆ ด้วย กับเพื่อนๆ ด้วย บางทีเราอาจจะไม่คุยเรื่องความรู้สึกกันมากเท่าไร จนกระทั่งถึงวันสำคัญของเรา เราได้คุยกันมากขึ้น นอกจากคำพูดด้วยแล้ว สายตาเราสองคนสื่อสารกันมากกว่าความรู้สึก มีแต่ความซาบซึ้ง
ซาบซึ้งจนร้องไห้
ใบเตย : หน้าพี่ปั๊บเหมือนอมบ๊วยเลยอะ
ปั๊บ : ผมก็ไม่เข้าใจ เพราะเราก็เคยไปร่วมงานของพี่ๆ หลายคน เราก็เห็นเขาร้องไห้ เราก็ไม่เข้าใจว่าเขาร้องทำไม เพราะก็คบกันอยู่แล้ว ก็แต่งงานกันแล้ว แต่ทำไม พอมาวันนี้เราก็พอเข้าใจว่ามันคือความรู้สึกแบบไหน แต่ไม่สามารถเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดได้ ก็คงตื้นตันด้วย และเป็นเรื่องของการขอบคุณสำหรับคนที่มาร่วมงาน ที่เขาให้เกียรติเรา เราไม่รู้ว่าจะส่งความรู้สึกขอบคุณนั้นกลับไปยังไง เราคิดว่าทำไมเราโชคดีที่มีคนเมตตา มีคนควรสนับสนุน ผมรู้สึกว่าเราโชคดีมาก
จากนางเอกเอ็มวีวันนั้นมาเป็นนางเอกในชีวิตจริงวันนี้?
ปั๊บ : พอผมมานั่งทบทวนดู มันก็เป็นสิ่งที่เราไม่ได้คาดฝัน แต่ถ้ากลับไปย้อนดูมันก็มีความน่ารักอยู่ ก็ต้องเป็นเขาอะครับ
มันเหมือนจังหวะเลย มันเหมือนว่าผมถ่ายมิวสิกวิดีโอเสร็จ ผมก็เห็นน้องเขาน่ารักดี เราทำงานกับนางเอกมิวสิกวิดีโอหลายคน ทุกคนก็น่ารัก แต่ก็มีเหตุให้ต้องกลับมาเจอกันอีก แล้วก็โดนบังคับให้ต้องเหมือนต้องเอาความรู้สึกมาอยู่ร่วมในจุดเดียวกันอีกในซีรีส์ มันน่าจะตรงนั้นแหละที่ผมคิดว่า มันจบเหมือนในเรื่อง คือในเรื่องกลับมาเจอกัน
ตอนนั้นเป็นนางเอกเอ็มวีตอนนี้เป็นนางเอกในชีวิตจริง
ใบเตย : เรื่องนี้เตยกับพี่ปั๊บคุยกันค่อนข้างจะบ่อย แล้วด้วยในช่วงเวลาระหว่างทางที่เราคบกันมา มันมีเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์เกิดขึ้น ซึ่งเหมือนพอเรามาตกตะกอนดูแล้ว คุยกันจนรู้สึกว่าหลายๆ เรื่องมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่มันเกิดขึ้น
ปั๊บ : ใช่ มันมีหลายเรื่อง ถ้าเล่าแล้วมันอาจจะดูเวอร์ ล่าสุดที่เราไปเจอพี่ที่เราเคารพคนหนึ่งเขาทำงานในโปรดักซ์ที่เราทั้งสองคนเคยเป็นพรีเซนเตอร์เหมือนกัน แล้ววงโปเตโต้ก็เกิดจากโฆษณาชิ้นนี้ เตยก็เกิดจากโฆษณาชิ้นนี้ เราถูกยอมรับและมีคนรู้จักจากโฆษณา แล้วก็มาเจอกันผมก็ยังได้เป็นพรีเซนเตอร์ต่อ ตัวเตยเองก็ยังได้เป็นพรีเซนเตอร์อีก มันก็แปลกดีเนาะ เป็นเรื่องน่ารักดี รวมถึงเรื่องอื่นๆ อีกที่มีเยอะเหมือนกัน ผมเล่าไปแล้วมันจั๊กจี๋ดี (ยิ้มเขิน) แต่มันเป็นจังหวะชีวิตแหละ
ความประทับใจ
ปั๊บ : ผมว่าเขาน่ารัก อันดับแรกคือหน้าตาเขา รอยยิ้มเขา เราเห็นแล้วเรารู้สึกสบายใจ สิ่งสำคัญมากไปกว่านั้น มันเป็นเรื่องของความกตัญญู สิ่งที่เขาต้องเสียสละให้ครอบครัว พอเราได้คุยเราก็ได้รู้ว่า คนที่เขาต้องทำทุกอย่างเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สุขสบาย เรารู้สึกดี ผมเองอาจจะไม่ได้ลำบากมาก แล้วมีพ่อแม่ที่ไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย เราพอมีพอกิน แต่เตยเขาเหมือนเลี้ยงทั้งครอบครัว เราก็รู้สึกว่าเราอยากดูแลเขา รู้สึกเท่ดี
เตย : สิ่งที่เตยประทับใจพี่ปั๊บตั้งแต่แรกก่อนที่จะคบกัน คือพี่ปั๊บเป็นคนให้เกียรติไม่ว่าจะเป็นใคร อย่างเวลาเราอยู่ในกองถ่าย พี่ปั๊บให้เกียรติทุกคน พี่ๆ ที่เป็นทีมสวัสดิการ ช่างไฟ คือพี่ปั๊บน่ารักกับทุกคน แล้วพี่ปั๊บก็ให้ความสำคัญในทุกๆ ตำแหน่ง ตัวเตยเองก็เคยทำงานเป็นเอ็กซ์ตร้าค่าตัว 800 500 เราก็พอเข้าใจว่า ตำแหน่งเราเป็นการเติมเต็มงานให้มันได้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด แต่พอเราเห็นว่า พี่ที่เขาเป็นเบอร์ใหญ่มากๆ ที่ให้เกียรติคนตัวเล็กๆ ให้เกียรติคนที่เป็นส่วนหนึ่งของงาน เรารู้สึกประทับใจเขาตรงนี้ด้วย และอีกเรื่องหนึ่ง ก่อนที่จะคบกันช่วงแรกๆ เขาบอกเตยว่าเราเต็มที่นะ วันนี้เราเต็มที่ยังไง ถึงแต่งงานไปมันก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาเต็มที่ตั้งแต่วันแรกตั้งแต่ที่คบกันซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ปั๊บ : มันก็มีเปลี่ยนนิดหน่อย เราก็ใส่เกียร์เลย ใส่เกียร์คือมีความรักเราก็ทุ่มเทเต็มที่
พร้อมมีลูกเลย
ปั๊บ : วันมะรืนผมไปเล่นคอนเสิร์ตแล้ว ผมต้องไปทำงานต่อ ใจผมก็อยากมีลูกเหมือนกัน แต่เตยตอนนี้ก็ติดถ่ายละครอยู่ด้วย มีลูกตอนนี้อาจจะไม่ดี แต่กว่าจะถ่ายเสร็จก็ (มีเลย) ได้ อยากมีเร็วๆ
ใบเตย : อยากมีค่ะ แต่เดี๋ยวขอเคลียร์งาน เคลียร์อะไรต่างๆ ให้โอเคก่อน แล้วค่อยว่ากัน
ปั๊บ : โอ้โห...ก็อยู่ที่น้ำยาผมด้วย ก็ต้องพยายาม แต่ก็เช็กร่างกายแล้ว
ใบเตย : โอ้โห...
ยังไม่ฮันนีมูน
ปั๊บ : ไม่เลย ตอนนี้แค่เหมือนต้องทำงานแล้ว เพราะช่วงก่อนหยุดมาพักใหญ่ แล้วก็เห็นหน้ากันบ่อยมาก ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยเห็นแล้วด้วยเพราะว่าทำงานหนักทั้งคู่
ใบเตย : อาจจะเป็นเพราะว่าเราสองคนเดินทางกันบ่อย ค่อนข้างเยอะก่อนหน้านี้แล้วด้วย เลยไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องฮันนีมูนที่ไหน
ธีมงานวันนี้
ปั๊บ : เหมือนรวมสิ่งที่ผมกับเตยชอบ เวลาไปเที่ยวผมชอบถ่ายรูป ผมก็อยากเอารูปมาใช้ เราชอบวาดรูปก็เอารูปวาดมาใช้ เราชอบงานศิลปะเล็กๆ น้อยๆ ราก็เอามาผสม เราอยากให้คนเข้ามา ไม่อยากให้เหมือนมางานแต่ง เหมือนมาแล้วสบายๆ เหมือนมาดู มาฟังเพลง มาคุยกัน มาดูแกลอรี่ เอาเพื่อนมาเจอกัน อธิบายไม่ถูกเลย เหมือนมายำๆ เต็มไปหมดเลย
ใบเตย : อยากให้ผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ใหญ่ เขาได้เห็นสถานที่ๆ เราเคยไปเที่ยว ให้เขาได้เห็นประสบการณ์คล้ายๆ เรา ที่เคยได้เห็นได้ไปเที่ยวมาก่อน รูปในงานนี้คือรูปที่พี่ปั๊บถ่ายเอง อาจจะมีเอามาเพิ่มสี เพิ่มอะไร
คำมั่นสัญญา
ปั๊บ : ผมคิดว่าการแต่งงานเป็นอีกหนึ่งสถานีที่ตัวผมเองรู้สึกว่ามันเดินมาถึงแล้ว หลังจากนี้ผมว่าเรายังต้องศึกษาแล้วก็เรียนรู้ทำความเข้าใจกันไปเรื่อยๆ ผมกับเตยรู้สึกสิ่งนึงที่ทำให้เรายังค่อยๆ ใช้ชีวิตไปด้วยกัน ไม่อยากใช้คำว่าประคอง เราร่วมด้วยช่วยกันไปเรื่อยๆ เหมือนเราพยายามปรับตัวอยู่ตลอดเวลาในสิ่งที่ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงในตามความเป็นจริงครับ
เมื่อก่อนวันนึงเราอาจจะโทร.หาเขา 10 รอบ แต่ว่าวันนี้อาจจะเหลือ 3 รอบ แต่มันไม่ได้แปลว่า 3 รอบนี้ มันเกิดจากความไม่เข้าใจ มันเกิดจากบางสิ่งที่อาจจะทำให้มันเป็นแบบนั้นคือผมว่าเราพยายามปรับตัวไปเรื่อยๆ ดีกว่า ผมตั้งมั่นว่า ไม่ว่ามันจะร้ายหรือมันจะดี ก็จะอยู่เป็นบัดดี้ไปเรื่อยๆ ไม่อยากให้เขาต้องกังวลเยอะ ลุยไปเต็มที่ ล้มเราก็จะล้มไปด้วยกัน ลุกเราก็ลุกไปด้วยกัน ผมว่ามันน่าจะเป็นหลักยึดที่เวลาเราเถียงกัน ผมยังรู้สึกว่าอาจจะเป็นวันไม่ดี แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด มันยังมีวันที่ดีเหมือนกัน เราจะพยายามคุยกันแบบนี้ สำหรับผมนะครับ จะดูแลไปเรื่อยๆ รักเตยแหละ
ใบเตย : (น้ำตาไหล) เราคุยกันตลอด เราคุยกันแบบจริงจังเรื่องพวกนี้ตลอด เตยเชื่อเรื่องัวนนี้ เตยไม่เชื่อเรื่องตลอดไป เพราะสุดท้ายต่างคนต่างก็ต้องจากกัน แต่เตยจะทำทุกๆ วันให้มันดีที่สุดเท่าที่เตยจะทำได้