“นนท์ ธนนท์” เริ่มคิดอาจเป็นเพราะเบญจเพส เกิดอุบัติเหตุจากการเล่นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า นิ้วโป้งหนัก แต่ขาไม่ได้หัก ลั่นใส่เฝือกเพราะอยากให้ล็อก 100 เปอร์เซ็นต์ หวั่นเส้นเอ็นจะมีปัญหาเพิ่ม บอกขำๆ หลังเกิดอุบัติเหตุต้องนอนรพ. งานติดต่อมากกว่าเดิม
ทำเอาแฟนๆ อดเป็นห่วงไม่ได้ หลังจากที่เห็นภาพนักร้องหนุ่ม “นนท์ ธนนท์ จำเริญ” ต้องนอนเข้าเฝือกอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งๆ ที่ใกล้จะมีคอนเสิร์ตของตัวเอง ล่าสุดเจอเจ้าตัวในงานเก็บภาพเบื้องหลังกองเอ็มวี เพลง คำถามจากคนเก่า Should’t ask ณ Akara Hotel Bangkok หนุ่มนนท์ก็เผยว่า เหตุเกิดเพราะเล่นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ไม่คุ้นเคย อีกทั้งยังเล่นกลางฝนตกหนัก ทำให้เครื่องดับ และตกจากเครื่อง แต่ไม่ได้มีส่วนไหนที่หัก แค่ดามเฝือกเอาไว้กันเคลื่อนเฉยๆ
“เป็นอุบัติเหตุครับ คือไปเล่นสกู๊ตเตอร์กับเพื่อนๆ ปกติอยู่แล้ว แต่เราไม่คุ้นกับเครื่องด้วย มันเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า และเล่นผ่านฝนตกหนักๆ จู่ๆ เหมือนเครื่องมันก็ปิดไป ก็เลยตกเครื่องลงมานิดนึง จังหวะนั้นตกใจครับ แต่ค่อนข้างอุ่นใจเพราะเราใส่เซฟตี้อยู่แล้วครับ หลักๆ ก็เป็นด้านในครับ ไม่มีหักนะ แต่ที่เราจะต้องบล็อกขาไว้เพื่อไม่ให้มันงอ เพราะมันมีเรื่องของเอ็นนิดนึง แต่อีก 4-5 วันก็จะถอดเฝือกที่ขาแล้วครับ นี่แค่ล็อกประคองไว้ ก็มีแค่นิ้วโป้งนี่แหละ แต่คุณหมอเขาก็อยากให้เรา 100% และค่อนข้างจะพิถีพิถัน ตัวผมก็ไม่ได้รู้สึกรีบร้อนอะไร
ต้องขอบคุณทางผู้จัดงานทุกๆ งานเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตของผมเอง ฮอลล์ ออฟ แฟน หรือทางงานจ้างอื่นๆ เขาเข้าใจและไม่มีใครแคนเซิลเลย ทุกคนพร้อมที่จะเข้าใจและรอ คืออุบัติเหตุหน้าที่ของผมคือเซฟตี้ตัวเองให้ดีที่สุด เราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โดยรวมก็ดีใจที่ได้ใช้เวลารักษาอย่างเต็มที่ครับ แต่มันไม่ได้ส่งผลระยะยาวครับ ตัวนนท์เองใส่เซฟตี้อยู่แล้วระดับนึง ไม่ได้วิ่งเร็วด้วย ไม่ได้เล่นแบบประมาท แต่เป็นเรื่องของตัวเราเองกับเครื่องที่ไม่ชินกันมากกว่า”
เชื่ออาจจะเกี่ยวกับใกล้เบญจเพส แต่ตนก็เซฟตี้ตัวเองอย่างดีแล้ว
“ผมไม่เข็ด (หัวเราะ) ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องเข็ด ผมมองว่าอุบัติเหตุเราเดินเฉยๆ รถก็มาชนเราได้ แต่ครั้งนี้เราเซฟตี้ของเรา และมีเพื่อนๆ ด้วยครับ และบริเวณที่เราเล่นไม่ได้มีรถยนต์วิ่งครับ แต่ที่นิ้วโดนเพราะเราเผลอเอามือลงครับ และพอดีกับตัวสูงแรงเหวี่ยงก็เลยจะมากกว่า แล้วเราไม่ได้ตั้งตัว อย่างคราวที่แล้วเรารู้ว่าเราล้มก็ยังรู้ว่าจะเอามือหรือเอาข้อศอกลง
จริงๆ ไม่เคยเชื่อเรื่องเบญจเพสเลย แต่ตอนนี้ก็แอบคิดนิดนึง เพราะเพิ่งไม่กี่เดือนก็โดนที่ศอกมา แต่เราไม่โทษใคร เราโทษตัวเองที่อาจจะไม่ชินกับมัน เราอาจจะต้องเล่นช้ากว่านี้ ซึ่งจริงๆ ก็วิ่งช้าอยู่แล้วนะ ถามว่าต้องนอนเฉยๆ เลยมั้ย ไม่ครับ ก็ต้องขยับอยู่ตลอด พอถอดเฝือกก็ทำงานได้เลย ก็ยิ่งต้องขอบคุณอีกเพราะพอเข้าโรงพยาบาลงานเข้ามาหนักกว่าเดิม (หัวเราะ) ตอนแรกยังคุยกับผู้จัดการอยู่เลยว่าเราไม่ได้เล่นอินสตาแกรมแน่นอน เพราะเราต้องพักผ่อน ผมก็ถือว่าเราได้พักผ่อนไปด้วย แต่จริงๆ นนท์ดูตารางตัวเองแล้วนะว่าเราไม่ได้มีงานเยอะแยะ เรามีแค่งานเหล่านี้ที่มันค่อนข้างจะยืดหยุ่นได้”
เผยดีใจแฟนๆ ให้กำลังใจเยอะ
“คือเราไม่ได้เตรียมใจจะล้ม แค่คิดว่าเราสามารถไปใช้ชีวิตของเราได้ ในมุมของเราก็ไม่ได้มีแค่งานครับ ผมก็มีเพื่อนๆ และเราก็ต้องใช้ชีวิตของเรา ก็ค่อนข้างจะต้องให้อะไรกับตัวเองบ้าง เรายังแค่ 24 เอง อย่าเพิ่งไปนั่งเฉยๆ เลย ถามว่าตอนนี้รับ 3 งานต่อวันไม่ได้แล้วใช่มั้ย จริงๆ เราไม่ได้ตั้งใจจะอย่างนั้นอยู่แล้วครับตั้งแต่เข้าวงการ แต่ก็ต้องขอบคุณ เพราะตอนแรกเราก็คิดว่าตัวเองไหว สนุกดี และเราก็ไม่ได้ไปฟรีนะ เราก็ไปทำงานและทำเต็มที่ ผมก็ยิ่งดีใจที่ลูกค้ามองว่าเราเต็มที่และจ้างเราไป ซึ่งตัวผมก็ยิ่งดีใจอยู่แล้ว เพราะท้ายสุดไม่ใช่แค่รายได้เราที่เราดูแลครอบครัว แต่เป็นเรื่องของแฟนๆ ด้วย
ยิ่งพอเราได้อยู่โรงพยาบาลก็ได้เห็นเลยว่าฟีดแบ็กของแฟนๆ เยอะมาก เขาผลักดันเราเข้าสู่วงการติ๊กต่อก (หัวเราะ) โดยที่ตัวเราก็ไม่ได้เล่นมันจริงจัง แต่ได้เห็นฐานแฟนๆ เด็กๆ เต็มเลย มีเพิ่มเข้ามาทั้งที่ไม่ได้อัปรูปไอจีเลย ก็ยิ่งดีใจ ขอบคุณแฟนๆ มากๆ ขอบคุณทุกๆ กำลังใจเลย อยากบอกว่าไม่ต้องกังวลอะไรมาก ไม่ได้เป็นอะไรเยอะ แค่เราเล่นใหญ่ไว้ก่อน เพราะเราอยากให้มัน 100% ครับ ที่ล็อกไว้ก็เผื่อเวลานอนที่เราอาจจะขยับ ผมไม่อยากเสี่ยงเลยแม้แต่นิดเดียว”
บอกอุบัติเหตุไม่กระทบกับงาน ตอนนี้ลุยทั้งงานเบื้องหน้าและเบื้องหลังด้วย
“ถามว่าพ่อแม่ปรามให้รับงานน้อยลงมั้ย ไม่ได้ห้ามหรือว่าสนับสนุนอะไรครับ พ่อแม่รู้สึกเข้าใจเรามากกว่า เพราะเขาก็พูดอยู่ตลอดว่าลูกทำงานเร็วนะ แต่ลูกก็ต้องใช้ชีวิตของลูกด้วย ซึ่งตัวเราก็รู้สึกถึงตรงนั้นมาตลอด พอลงจากเวทีเราก็เหมือนคนทั่วไป เราก็ต้องใช้ชีวิตของเราด้วยครับ แต่เรื่องทำบุญก็ทำเรื่อยๆ อยู่แล้วครับ ทำบุญกับแฟนๆ ทุกปีเลย ผมมองว่าเรื่องเบญจเพสอาจจะมีส่วนบ้าง ก็อาจจะต้องตามใจคุณแม่มากขึ้น
คือพอล้มวันแรกแม่บอกเลยว่าเบญจเพสมั้ยลูก ผมก็บอกว่าไม่หรอกแม่ แล้วก็มานั่งนึกว่าเอ๊ะหรือว่าใช่วะ (หัวเราะ) แต่ก็อาจจะมีส่วนครับ แต่หลักๆ ผมว่าอุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้อยู่แล้วกับทุกเพศทุกวัย แต่เอาแค่ว่าผมใส่เซฟตี้เพื่อให้สิ่งที่ดีที่สุด เราก็ไม่รู้ว่าเครื่องมันจะทิ้งเราตอนไหน (หัวเราะ)
หลายๆ คนอาจจะคิดว่าเราเล่นผาดโผนหรือเปล่า เพราะเห็นในคลิปวิดีโอ จริงๆ ต้องบอกว่าเวลาเราเล่นกับเพื่อนข้างนอก เราจะไม่เล่นอย่างนั้นเลย เราจะเล่นปกติ และมีเซฟตี้ครบ เพราะถ้าล้มแล้วเราไม่ใส่เซฟตี้หน้าผมแหกหมดแล้วแน่นอน เพราะเราก็เข้าใจว่าเราต้องทำงาน แต่โดยรวมตอนนี้เป็นเรื่องของการอัดเสียง งานเบื้องหลัง ซึ่งตอนนี้ผมไม่ได้ทำแค่เบื้องหน้าอย่างเดียว ผมทำเบื้องหลังด้วย ฉะนั้นก็เลยไม่ค่อยมีผลในเรื่องของงานเท่าไหร่ครับ
หลังจากถอดเฝือกขาก็น่าจะลุยงานได้เลย อาจจะมีเส้นยึดบ้าง เพราะใส่เฝือกไว้นาน ส่วนที่มืออาจจะใช้เวลานานกว่าขาครับ แต่มือไม่ใช่ปัญหา เพราะเราถือไมค์ได้ทั้งซ้าย ขวา เราขึ้นร้องได้อยู่แล้ว หมอก็ไม่ได้สั่งห้ามอะไรเป็นพิเศษนะครับ คุณหมอเข้าใจ เพราะจริงๆ ต้องชื่นชมคุณหมอทุกท่านเลยครับ คุณหมอพูดพร้อมกันเลยว่ามันคืออุบัติเหตุ การที่คุณใส่เซฟตี้นั่นคือทำดีที่สุดแล้ว อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้”