“ฟิล์ม รัฐภูมิ” รับ 15 ปี อิ่มตัวกับอาร์เอสฯ แสวงหาบทที่ดีที่สุดเพื่อให้เปล่งประกายอีกครั้ง บ่นเบื่อเรื่องรัก ไร้สาระไม่โฟกัส ไม่ใช่เรื่องน่าเอาเป็นแบบอย่าง อยากให้โฟกัสเรื่องความกตัญญู สู้ชีวิตมากกว่า ลั่นโสด เปิดทีเดียวแต่งเลย
นอกจากจะเป็นนักแสดงอิสระ ยังหันมาดูแลตัวเอง ไม่พึ่งผู้จัดการ ล่าสุด “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” เปิดใจ ตอนนี้กลับมาเล่นทั้งละครและทำเพลงเป็นศิลปินกลุ่ม สนองนี้ดส์ความต้องการของตัวเอง โดยทำเอง ลงทุนเองทั้งหมด
“เพลงก็เป็นแนวที่เราเคยฝันไว้ครับว่าเราอยากมีวงเป็นของตัวเอง มีเพื่อนร่วมวงที่ไม่ใช่เดี่ยว แต่ที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยได้ ทำเพราะมันไม่เหมาะกับคาแรกเตอร์ของเรา คือ ผู้ใหญ่เขาก็จะอ่านเกมขาดกว่า ว่าอยากให้เราไปเต้นมากกว่า แล้วก็เป็นนักร้องเดี่ยว แต่ว่าตอนนี้ผมมองว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตเราลองทำในสิ่งที่เราอยากจะทำดู ก็ได้น้องๆ ที่เป็นนักดนตรีมืออาชีพมาช่วยครับ ก็ทำเองทุกอย่าง ลงทุนเองหมดเลย
ก็คาดหวังอยากให้คนชอบเยอะๆ เพราะว่ามันเป็นความฝันของผม คือจริงๆ แล้ว เราชอบความเป็นวงมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ผมรู้สึกว่าเวลาเล่นสดแล้วมันสนุกกว่า อยู่บนเวทีคนเดียวมันเหงา อันนี้มันเป็นสิ่งที่เราอยากจะทำ มีเพื่อนคอยพูด มีเพื่อนช่วยตบมุก มีเพื่อนช่วยร้องแล้วก็มีวงดนตรีซัปพอร์ต”
ซึ้งเลย ไม่มีผู้จัดการ ดูแลตัวเองได้ 3 เดือน ปวดหัวมาก
“ออกมาดูแลตัวเอง 3 เดือนแล้ว ก็รู้สึกว่าโห..คิดถึงไอซ์ (ผู้จัดการ) จังเลย (หัวเราะ) ก็คือปวดหัวดีเนอะ ก็คือต้องดูงานดูบท ว่าจะเล่นอะไร เพราะมีคนส่งบทมาให้เยอะ หลายค่าย ก็ต้องมานั่งอ่าน นั่งคัด แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก็จะมีคนดูให้เราหมดเลย บางทีผมก็บอกว่าผมจะเล่นแค่ตลก เขาก็คัดบทตลกส่งมาให้ ดูว่าวันนี้ทำอันนั้นนะ เขาก็จะจัดสรรให้หมด อันนี้เราก็จะต้องดูแลตัวเองบวกกับธุรกิจด้วย ก็เลยจะต้องตื่นเช้ามาดูตัวเองก่อนว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เพราะถ้าไม่จัดสรรเวลาปุ๊บ ลืมเลยเพราะว่ามันเยอะ ก็ยากครับ แต่ว่ามันก็สนุกดี มันก็ได้ทำอะไรที่เรายังไม่เคยทำ ได้ร่วมงานกับบทที่มันดีๆ ลองมาสกรีนมาอ่านดูมันก็แปลกดี
มันก็ทำให้ไฟลุกโชนครับ มันก็สนุกดีครับ ได้ร่วมงานกับคนในวงการเดียวกัน แต่ว่าเป็นกลุ่มทำงานที่แตกต่างกัน เพราะว่าเมื่อก่อนก็จะเป็นกลุ่มเดิมๆ แต่ว่าตอนนี้ก็แตกต่างใหม่หมด ก็มันดีครับ ตอนนี้อิสระก็สบายครับ สบาย ก็ดูแลตัวเองกับเพื่อนผมครับ ช่วยกันครับ”
ไร้ปัญหาเรื่องบริหารเงิน ลั่นอยู่ค่ายเดิม 15 ปี อิ่มตัว ความฝันนักแสดงอยากแสวงหาบทที่ดีที่สุด เพื่อให้เปล่งประกายใหม่อีกครั้ง
“ไม่ ส่วนใหญ่เราเป็นอาชีพรับจ้าง ต้นสังกัดใดๆ ที่เราไปเล่นเขาก็จะให้เราแฟร์ๆ อยู่แล้ว ที่ออกมาทำเองเพราะมันไม่มีความหลากหลาย จากต้นสังกัดเดิมอยู่มา 15 ปี คือมันเดิมๆ แล้วผมก็อิ่มตัวมาก แล้วผมรู้สึกว่ามันยังไม่มีอะไรที่มันใหม่ๆ บวกกับต้นสังกัดเดิมเปลี่ยนธุรกิจพอดีทเราก็ไม่ได้ถนัดแนวนั้น เราก็เลยแสวงหาว่าอะไรที่มันจะใช่กับตัวเรา
เราก็ทำนั่นทำนี่ไปเรื่อยๆ บวกกับทางผู้ใหญ่ทางอาร์เอส เขาให้ความเป็นเราเยอะมาก การที่ผมตัดสินใจเองได้ ผมสามารถคิดวิเคราะห์เองได้ ผมจะทำอะไรเขาก็ยินดี เพราะว่าเขารู้ว่าการที่ผมจะทำอะไรทุกอย่าง ต้องขออนุญาตเขาอยู่แล้ว แต่พอว่าวันที่เราอิสระเราก็เลยมองว่า บทตรงนี้จากนวนิยายจากบทประพันธ์ ซึ่งนักแสดงทุกคน เชื่อว่าความฝันก็คือแสวงหาบทที่ดีที่สุดนั้นคือสิ่งที่จะทำให้คุณเปล่งประกายขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง มันอยู่ที่บท แต่ถ้าเป็นส่วนของนักร้องก็อยู่ที่บทของเพลงเหมือนกัน แล้วพอผมออกมาอิสระ ผมก็ได้เห็นโลกที่เขากว้าง แล้วเขาก็ส่งบทดีๆ มาให้ เราก็เลยรู้สึกว่าทางเลือกมันเยอะขึ้น เราก็เลยต้องกลับมารับ ตอนนี้ก็กลับมาเต็มตัว แต่ว่าอีกพาร์ตหนึ่ง ผมก็ยังเป็นนักธุรกิจ เป็นนักการเมืองอยู่ ธุรกิจของผมก็ทำหลายบริษัท ผมก็มีอยู่หลายบริษัท ก็ทำควบคู่กันไป”
หัวใจว่าง แต่ไม่อยากเน้นเรื่องนี้ ไม่มีอะไรน่าเป็นแบบอย่าง
“คือต้องบอกว่าตอนนี้ก็ว่าง คือไม่ได้มีอะไรที่แบบหวือหวา อย่างที่ผมบอก ผมก็จะพูดเสมอว่าผมไม่เคยเน้นเรื่องนี้ เพราะว่ามองว่ามันไม่ได้มีมุมที่น่าสนใจ มันไม่ได้มีมุมที่น่าเป็นแบบอย่าง คือหยิบมุมอื่นที่น่าเป็นแบบอย่างแล้วน่าสนใจดีกว่า เช่น ดูแลผู้มีพระคุณ ดูแลคุณพ่อคุณแม่ ทำงานสู้ชีวิต ผมก็บอกแฟนๆ ของผมประมาณนี้ว่าให้เขาหยิบตรงนี้เป็นแบบอย่าง เพราะว่าในเรื่องของความรักมันออกแบบไม่ได้ เข้าใจยากมาก มันไม่รู้เลยว่าจะมาหรือว่าจะไป มันเลยไม่มีตรงไหนเลยที่ควรจะยกมาพูด ก็เลยไม่ค่อยพูด คือเราก็ไม่อยากเห็นเด็กๆ ที่ตามเราเขามาเอาแบบอย่าง แล้ววัยเราก็ไม่ใช่แบบนั้น
เรื่องมีครอบครัวมันเป็นความฝันของทุกคนอยู่แล้วครับ เพราะเราก็คือคนธรรมดาคนหนึ่ง เปิดตัวอีกทีก็คงแต่งเลย ประมาณนั้นแหละครับ แต่ว่าผมไม่ได้ไปโฟกัสตรงนั้น ถามว่าคนของเราจะเข้าใจไหม ต้องหาคนที่เข้าใจ (หัวเราะ)”
มีคู่ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ได้โฟกัส เบื่อมาก ทำแต่งาน เรื่องรักไร้สาระมาก
“คือบางทีมันก็เข้ากันได้บางทีมันก็เข้ากันไม่ได้บางเรื่อง คำว่าคู่ชีวิตมันไม่ได้ง่าย มันยากเราเห็นในข่าวทั่วไป มันคือชีวิตจริงมันเข้าใจยากซะเหลือเกิน
ตอนนี้ผมว่าง ไม่ได้โฟกัสดีกว่า เอาเป็นว่าว่าง แล้วผมก็ไม่ได้ยุ่งกับมันเลย ผมเบื่อมากเลย ผมจะทำแต่งาน ให้ประสบความสำเร็จ ผมว่าด้วยวัยด้วยแหละ คนที่อายุกำลังจะเลข 4 ผมมองว่าทุกคนคงจะต้องหาความสำเร็จเป็นหลัก ไม่ใช่เรื่องแบบนั้น มันไร้สาระมาก ตอนนี้เรียกว่าโสดก็ได้ครับ มันไม่มีใคร”
เรื่องรักไร้สาระ ไม่ใช่เรื่องควรหยิบยกมาพูดให้เป็นแบบอย่าง
“คือผมมองว่าความรักมันเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับผมเพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาหยิบยกมาพูดกันเพื่อเอาเป็นแบบอย่าง เพราะว่าเรามีกลุ่มเด็กตามเยอะ มีกลุ่มแฟนคลับตามเยอะ เราอยากให้เขานำที่มีสาระเอาไปเป็นแบบอย่างมากกว่าเรื่องของความรักมันมาเดี๋ยวมันก็ไป ไม่มีอะไรที่เป็นแง่บวก มีแต่แง่ที่เอามาเมาท์กันมากกว่า ก็เลยมองว่ามันไม่มีอะไร ที่มันเป็นสาระ นี่คือคำๆ นี้”