xs
xsm
sm
md
lg

“ติช่า” ลั่นฟาดกลับชาวเน็ตบีบให้ call out ดาราไม่ควรถูกยัดเยียดความคิด! รับยังไม่เข้าใจ 100% ขอเป็นผู้สังเกตการณ์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ติช่า กันติชา ” รับถูกกดดัน ฟาดคืนชาวเน็ตบีบให้ Call out ลั่นยังไม่เข้าใจ 100 เปอร์เซ็นต์ ขอสังเกตการณ์ก่อน เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แจงตอกชาวเน็ตแซะเรื่องเปิดตัวแฟนใหม่ ไม่คิดว่าแรง ฟุ้งชอบของแซ่บ ให้เวลาผู้ชายแค่ ธ.ค. ใช้ความอดทนทุกวัน

เป็นนักแสดงอีกคนที่ถูกจี้ให้ออกมาแสดงจุดยืน ร่วม Call out เป็นกระบอกเสียงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย สำหรับ “ติช่า กันติชา ชุมมะ” ทำให้เจ้าตัวฟาดกลับหน้าหงายว่าอีกฝ่ายเข้าใจคำว่าประชาธิปไตยดีแค่ไหน จนทำให้มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยและต่อต้านออกมา ซึ่งสาวติช่าเผยว่าเป็นเรื่องที่กดดันตัวเธอไม่น้อย เพราะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก

“ถ้าถามว่าช่วงนี้กดดันไหม กดดันเลย ยอมรับเลยว่ากดดันเลยมันเป็นสถานการณ์ที่ตอนนี้ตึงเครียดกับหลายๆ ฝ่าย เพราะว่าด้วยกับโควิดมาแล้วรอบหนึ่ง หลายคนก็ตกงาน ทั้งเครียดหลายๆ อย่าง แล้วมาเจอเรื่องนี้ด้วย ตัวเราก็โดนกดดันมาค่อนข้างเยอะ แล้วหนูก็เชื่อว่าหนูไม่ใช่คนเดียวที่โดน มีดาราหลายท่านศิลปินนักแสดงที่โดนเหมือนกัน ซึ่งอันนี้เป็นอะไรที่ติช่าหนักใจเหมือนกัน เพราะเราต้องมานั่งคิดว่าเราจะทำยังไงดีให้เราเป็นกลางเท่าที่เป็นได้ เพราะว่าการที่เรามีกระบอกเสียงหลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมคุณไม่ออกมาและใช้เสียงของคุณให้เป็นประโยชน์

แต่การที่เราจะใช้เสียงเรามีเรื่องของความรับผิดชอบ เราก็ต้องมารับผิดชอบเสียงที่เราพูดไปด้วย เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเป็นเรื่องที่เราไม่ได้เข้าใจ 100% เป็นเรื่องที่เราอาจจะรอดูสถานการณ์ว่ามันจะเป็นยังไง ถึงแม้ว่าเราจะมีแนวคิดหลักๆ ของเราอยู่แล้ว แต่มันก็จะมีแตกแขนงโน่นนี่นั่นมา มันอาจจะมีมุมมองอื่นที่เข้ามา เราก็เลยมีความแบบว่ารอก่อนว่ามันจะเป็นยังไง เพราะฉะนั้นช่ามีความรู้สึกว่ามันเป็นความรับผิดชอบของช่า

โดยคนที่มีเสียงเนี่ยเวลาจะพูดอะไรเราต้องเข้าใจลึกซึ้ง เราต้องแน่ใจ เพราะการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงมันไม่ใช่แค่ผ่านโซเชียลมีเดียไปกดดัน หรือไปยัดเยียดว่าเธอต้องคิดแบบฉัน เธอต้องแสดงออกเหมือนฉันนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะด่าเธอ แล้วคนที่เขาออกมาเพราะว่าโดนกดดัน หนูว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด เราออกมาเพราะว่าเราเชื่ออย่างนั้นจริงๆ เราออกมาทำแอ็กชั่นเพราะว่านั่นคือ The real change พี่ๆ นักข่าวทุกคนคงจะเข้าใจหนูว่ามันอยู่ในจุดที่ไม่ง่ายเลยกับการที่ต้องอยู่ตรงนี้”

บอกที่อธิบายเรื่องการเรียนที่สวีเดน แค่จะบอกว่าแสดงความคิดเห็นได้ แต่ไม่มีการโน้มน้าวกัน
“หนูก็ได้อธิบายเรื่องการศึกษาจากต่างประเทศด้วย คอมเมนต์ที่หนูได้มาก็คือมันมีการเปรียบเทียบเยอะ แล้วก็มีการถามว่าติช่าโตที่สวีเดนเนี่ย ทำไมที่นั่นเขาไม่ได้สอนเรื่องประชาธิปไตยเหรอ แล้วหนูก็บอกว่าที่ที่หนูเรียนมาตอนอยู่ที่สวีเดน เขาสอนว่าประชาธิปไตยมันคืออะไร แต่คุณครูจะไม่ออกความเห็นว่าฉันคิดแบบนี้นะ เพราะความคิดของคุณครูมันสามารถไปโน้มน้าวความคิดของคนอื่นได้ ถ้าเกิดฉันคิดแบบนี้แล้วไปบอกคนอื่นอย่างนี้เขาไม่ทำ เขาจะแค่แบบว่าฉันแค่สอนเธอว่านี่คืออะไรนะ ถ้าเกิดเธอจะเอาไปคิดหรือไปมีความเห็นอะไรมันเป็นเรื่องของเธอ ซึ่งหนูก็คิดว่าตัวหนูเองการที่เรามีผู้ติดตาม ไม่ว่าเราจะออกความคิดเห็นอะไรมันสามารถมีอิทธิพลให้คนอื่นคิดเหมือนกับเราได้

ซึ่งหนูคิดว่าทุกคนควรจะมีเสรีในการออกความคิดเห็นในความคิดของตัวเองในการแสดงออกของตัวเอง แล้วหนูคิดว่าในความเห็นที่เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนแบบนี้ คุณสามารถที่จะออกมาพูดด้วยความสมัครใจของคุณจริงๆ ตอนที่คุณแบบต้องการอย่างนั้นจริงๆ คิดแบบนั้นจริงๆ ในจุดที่ตัวเองอยู่ว่าทำได้ไหม เพราะว่าหลายคนต้องคิดหน้าคิดหลังเยอะเหมือนกันค่ะ แล้วตอนนี้เราคิดว่ามันอยู่ในระบบ แต่ระบบของเรามันก็จะมีประชาชนที่เห็นด้วยและไม่ได้เห็นด้วย ถ้าเกิดคนในประเทศของเราคิดเหมือนกันหมด 100% ทุกอย่างตรงกันเราไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ด้วยว่าตอนนี้มันมีหลายความคิดหลายความแตกต่างมันก็เลยจะมีความแบบอย่างนี้นิดหนึ่งค่ะ”

บอกขอเป็นฝ่ายสังเกตการณ์ไปก่อน
“ถามว่าจะมีวิธีจัดการกับความกดดันที่เกิดขึ้นยังไง ในมุมมองของนักแสดงตอนนี้โดนกดดันว่าคุณต้องทำอย่างนี้นะ เพราะไม่งั้นจะเป็นแบบนี้ๆ หลายคนก็จะรู้สึกว่าแล้วจะมาพูดยังไงดีในเมื่อฉันอยู่ในจุดที่แบบว่าต้องรอก่อนหรือดูก่อน เพราะบางอย่างเราเห็นด้วยถึงขั้นหนึ่ง แต่มีอีกแค่บางจุดที่เราอย่างงี้อย่างงั้นอยู่ เราก็เลยต้องรอ แล้วอีกอย่างหนึ่งคนมาคอมเมนต์ว่าทำไมพอเรื่องตัวเองพูดง่าย แน่นอนเรื่องตัวเองพูดง่าย เพราะมันเป็นเรื่องของหนูเอง มันเป็นเรื่องที่หนูไม่ต้องมานั่งรับผิดชอบหลายๆ ความคิดเห็น

มันเป็นเรื่องที่มันพูดง่ายไงอาจจะเป็นไลฟ์สไตล์ อาจจะเป็นความสัมพันธ์ มันไม่ได้ไปทำร้ายคนอื่นหรือไม่ได้ไปมีอิทธิพลต่อความคิดของคนอื่นในด้านใดด้านหนึ่งค่ะ ช่าเลยคิดว่ามันเป็นความรับผิดชอบของคนที่มีกระบอกเสียงที่ควรจะปล่อยให้คนอื่นเขามีความคิดเป็นของตัวเอง แล้วก็ให้เขาแสดงออกในแบบของตัวเอง ถามว่าคงไม่ได้จะไปม็อบใช่ไหม Oh you don’t know that! ตอนนี้หนูยังพยายามสังเกตการณ์ก่อนค่ะ ซึ่งมันควรจะเป็นอย่างนั้น”

เผยที่ตอบคอมเมนต์กลับเรื่องแฟน ไม่คิดว่าแรงไป
“หนูว่ามันเป็นธรรมดาของชีวิตที่เราจะคบใคร แล้วมันก็เกิดขึ้นได้ว่าคนเราก็เลิกกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการงาน ด้านความสัมพันธ์หลายๆ อย่าง ซึ่งมันเป็นอะไรที่เราควบคุมไม่ได้ทุกครั้ง หลายคนก็อยากจะมีความรักที่สมบูรณ์แบบตลอดไป แต่บางทีมันไม่เกิดขึ้นในชีวิต เพราะฉะนั้นพอหนูลงรูปแฟนใหม่หวานกัน แล้วเขามาคอมเมนต์ว่า จะหวานทำไมเดี๋ยวก็เลิก หนูก็เลยคิดว่าเอ้า แล้วชีวิตต้องนอนอยู่บ้านเหรอ ต้องนอนแบบไม่มีแฟนไม่มีอะไรไปตลอดเลยเหรอ หนูก็เลยตอบไปแบบเป็นการแซวหนักนิดหนึ่งว่า แล้วจะหายใจทำไมล่ะถ้าเกิดในเมื่อวันหนึ่งก็ต้องตายอยู่ดี มันก็เลยกลายเป็นแบบอุ๊ปส์ อย่างนี้ค่ะ (ยิ้ม)

ถามว่าโกรธไหม ไม่โกรธเลยค่ะ ปกติไม่ค่อยโกรธคอมเมนต์อะไรเลย ตอนพิมพ์แค่มีความแบบฮื้อ ฉันจะตอบยังไงดีนิดหนึ่ง คิดว่ามันแรงไปไหมกับคำที่เราตอบกลับไปเหรอ อันนี้ไม่นะคะ มันเหมือนกับชี้ให้เห็นชัดเจนเลยเพราะเขามาคอมเมนต์ว่า ยูจะหวานทำไมในเมื่อยูก็เลิกกัน เราก็เลยบอกว่ามันเป็นคล้ายๆ เหมือนว่า แล้วเราจะหายใจทำไมในเมื่อเดี๋ยววันนึงเราก็ตาย เหมือนกับเป็นการยกตัวอย่างที่ชัดเจนมาก หลังจากหนูคอมเมนต์ที่ออกจะแรงนิดหนึ่งก็มีอธิบายว่าชีวิตคนเราไม่มีใครไม่อยากสมหวังในความรักหรอก”

บอกคนนี้ไม่ใช่นายแบบ แต่ทำงานด้านการเงิน รับชอบของแซ่บ
“กับแฟนคนนี้เป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์ ชื่อนิค นิโคร่า อายุ 29 จะ 30 แล้ว เจอกันเพื่อนต่อเพื่อน คบกันไม่ได้นานขนาดนั้น แต่ว่ามีคุยกันอยู่สักพักหนึ่งกว่าจะคบ เลยรอๆ นิดหนึ่ง ตอนแรกเขาก็ไม่รู้ว่าเราเป็นดารา เพราะหนูรู้ว่าถ้าเขารู้เรื่องนี้มันจะมีความเปลี่ยนแปลงความรู้สึกหรือเปล่า หรือทำจะแบบว่าปฏิบัติกับเราแปลกไปหรือเปล่า เราก็เลยพยายามเก็บเรื่องนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ให้รู้จักกันเพราะเขาอยากรู้จักจริงๆ

หลายคนอิจฉาเพราะหนุ่มของเรางานดีทุกคนเหรอ ก็ชอบของแซ่บค่ะ (หัวเราะ) ถามว่าเลือกจากหน้าตาหรือเลือกจากซิกแพ็กก่อน ก็ทั้งสองค่ะ เพราะหนูเลือกได้ทั้งสองไง (หัวเราะ) เราก็ใช้ความตลกที่เป็นเสน่ห์ของเราดึงเข้ามาด้วยค่ะ เขาไม่ใช่นายแบบเลย หลายคนชอบถามว่าเป็นนายแบบหรือเปล่า ไม่ใช่เลย ทำงานอื่นเลย ทำเกี่ยวกับด้านการเงินค่ะ”

เผยให้เวลาฝ่ายชายแค่เดือน ธ.ค.นี้ ถ้ามาเจอกันได้ก็คบต่อ
“แต่ตอนนี้เขากลับไปแล้ว เลยยากนิดหนึ่ง เลยมีความสัมพันธ์แบบมีระยะทาง อีกแล้ว เป็นอะไรที่ใจไม่ค่อยดีเลย เพราะเราเป็นคนที่ชอบการอยู่ใกล้มาก เลยยากนิดนึงค่ะ ถามว่ากลัวไหม หนูขอยอมรับตอนนี้เลยว่าหนูกลัว เพราะว่าหนูเคยมีปัญหาเรื่องระยะทางมาแล้ว ถามว่ายากไหม ยากมากเลย ยิ่งบุคลิกแบบเรายิ่งยากไปใหญ่เลย ก็เตรียมใจแล้วขั้นหนึ่ง ถ้าเกิดว่ามันนานเกินไปฉันทนได้แค่นี้นะ คือเราก็เซ็ตเป้าหมายที่ชัดเจน แล้วก็ตรงไปตรงมา คือพอความสัมพันธ์มันไกลกัน มันต้องมีการสื่อสารสนทนากันที่มันเคลียร์และตรง

ทนได้ถึงเดือน ธ.ค.นี้ค่ะ อีก 2 เดือนค่ะ ถ้าธ.ค. แล้วยังไม่มาเจอกันได้ งั้นเราต้องมาคุยกันใหม่ว่าเราจะทำยังไงกับความสัมพันธ์นี้ คือตอนนี้มันยังโอเคอยู่ค่ะ หนูก็จะตรงที่สุดเท่าที่ตรงได้ เพราะหนูก็ไม่อยากให้เขารู้สึกว่าให้ความหวังเกินไปหรือเปล่า เราไม่ได้หลอกใคร เราทำได้แค่นี้หรือแค่ไหน แล้วเขาเป็นผู้ใหญ่คิดว่าน่าจะเข้าใจค่ะ แค่วิดีโอคอลไม่ไหวค่ะ (ทำท่าหมั่นเขี้ยว) พิสูจน์ใจเขาน่ะไม่เท่าไหร่ แต่พิสูจน์ใจหนูนี่คือสุดยอดแล้ว หนูใช้ความอดทนทุกวันที่ผ่านไป (ทำท่าสูดลมหายใจ) โอเคค่ะ”

ไม่ห่วงเรื่องสาวๆ จะเข้าหาแฟน แต่ห่วงตัวเองจะเผลอใจให้คนอื่นมากกว่า
“กลัวเรื่องสาวๆ ไหมเพราะเขาอยู่ต่างแดนเหรอ หนูไม่กลัวเลย ไม่รู้มั่นหน้ามาจากไหนเหมือนกัน (หัวเราะ) แต่ไม่กลัวเลย มั่นใจมาก เพราะมีอะไรเราบอกกันแล้วว่าถ้าเกิดคุณต้องการอะไรเรามาคุยกันได้ เพราะว่ามันมีความสัมพันธ์หลายแบบในทุกวันนี้ จริงๆ เขากลัวเรามากกว่าเรากลัวเขา แต่หนูพยายามเป็นคนดี และหนูจะเป็นคนดีตอนนี้ถึงธันวาคมอย่างน้อยๆ

ส่วนตัวก็คิดว่าตัวเองเป็นคนซื่อสัตย์นะ เป็นคนคุยตรงๆ บอกตรงๆ ถ้าเกิดวันหนึ่งสมมติว่าตัณหามันเยอะ กิเลสมันเยอะ เราจะบอกเคลียร์กันจริงๆ แต่ตอนนี้ถือว่าง่ายขึ้น ถ้าเป็นแต่ก่อนตาลุกวาวเลยล่ะ เดินผ่านแล้ววูบวาบ คือเราก็เลยต้องบอกตัวเองและบอกพาร์ตเนอร์ของเราว่ามันเป็นยังไง คือถ้าเกิดเราเคลียร์และเราตรง อย่างน้อยเราก็พยายามทำส่วนของเราว่าฉันซื่อสัตย์และตรงไปตรงมากับเธอแล้วนะ เราจะตกลงกันยังไงให้มันเวิร์กที่สุด ยืนยันว่าไม่มีคบซ้อนแน่นอน จนกว่าจะถึงธันวาคมค่ะ ชัดเจนมากเพื่อคุณคนเดียว Only for you”












กำลังโหลดความคิดเห็น