“โตโน่” พร้อมส่งต่ออุปกรณ์การแพทย์เพื่อสัตว์ทะเลแล้ว บอกเสียดายไม่ได้ว่ายน้ำจนครบที่กำหนด ไม่งั้นคงได้เงินมาช่วยเยอะกว่า 15 ล้าน ยืนกรานจะลงมือทำจนกว่าจะทำไม่ไหว ชี้ดีกว่าโพสต์ระบาย ร้องไห้ แต่ไม่ได้ทำอะไรเลย แย้มเตรียมมีโปรเจกต์กับ “กัน-ริท” ตามคำเรียกร้องแฟนๆ
ถึงแม้จะทำโครงการ One Man And The Sea ไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ แต่พระเอกหนุ่ม “โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” ก็บอกว่าดีใจที่เตรียมจะได้ส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์เท่าที่จะหาได้ แก่ศูนย์สัตว์ทะเลหายากฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามันในเร็วๆ นี้ ซึ่งเจ้าตัวเผยถึงเรื่องนี้ในงานบวงสรวงละคร “พระจันทร์แดง” หน้าตึก จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ เพลส บอกขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันบริจาคในครั้งนี้ด้วย
“ของที่ได้มา มาถึงแล้วบางส่วนครับ ทั้งหมดน่าจะแบ่งเป็นประมาณ 3 ครั้ง ครั้งนี้เราจะไปมอบให้กับศูนย์สัตว์ทะเลหายากฝั่งอ่าวไทย ที่จ.ระยองครับ ก็ดีใจครับ ผมขอบคุณทุกคนมากเลย ถึงแม้ว่าจะว่ายไปได้ 5 วันแล้วเจอโควิด แต่ว่าเงินบริจาคของทุกคนมันช่วยให้เราซื้อเครื่องให้กับสัตว์ทะเลเหล่านี้ได้แทบจะทุกอย่างที่จำเป็น ที่เขาต้องการอย่างเร่งด่วน
ถามว่าได้มากี่เครื่อง ถ้าหลักๆ เท่าที่จำได้ แต่เดิมเรามีเครื่องเลเซอร์ที่เอาไว้สมานแผลสัตว์ทะเล ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน เรามีแค่เครื่องเดียว เพราะฉะนั้นเราจะหาเพิ่มให้ได้อีก 3 เครื่อง หรือรถพยาบาลที่เอาไว้ดูแลสัตว์ทะเลโดยตรง เราไม่มีเลย ครั้งนี้เราอาจจะหาให้ได้อีก 2 คัน และเครื่องผ่าตัดหัวใจ เครื่องเอกซเรย์ เตาเผา ตู้เย็นที่เอาไว้เก็บอาหารสัตว์ หรือแม้กระทั่งเรื่องของโซล่าร์เซลล์ที่เอาไว้อนุบาลพวกเต่าทะเลบนเกาะ ก็สามารถหาให้ได้ ขอบคุณทุกคนมากๆ เลยครับ”
เผยเสียดายทำไม่ครบตามที่ตั้งใจ เตรียมตัวสานต่อปี 65
“ผมเสียดายที่เราไม่ได้ว่ายเต็มเวลา เพราะถ้าว่ายเต็มเวลาเราคงช่วยได้มากกว่านี้ แต่เราก็เข้าใจได้ว่านั่นคือกฎหมาย นั่นคือพ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ออกมาในเรื่องของโควิดในตอนนั้น แต่แค่นั้นเราก็ได้เห็นแล้วถึงความใส่ใจ ถึงความมีน้ำใจของทุกๆ คน เสียดายที่จบลงเร็วกว่าที่ตั้งไว้ แต่ดีใจที่ได้เริ่ม และดีใจที่ได้ช่วยครับ จริงๆ มันต้องว่าย 18 วันครับ มันถึงจะถึง แต่นี่เราว่ายไปได้แค่ 5 วัน แต่เราได้ 15 ล้าน ก็เลยคิดว่าถ้าเหนื่อยขึ้นกว่านี้อีกสองเท่ามันก็น่าจะได้เยอะกว่านี้ แต่เข้าใจได้กับสถานการณ์ครับ
ถามว่าจะสานต่อโครงการนี้ยังไง ก็ตั้งใจนะ แต่จะเป็นจุดเดิมหรือจะเป็นจุดใหม่ก็คงต้องดูที่การวางแผนครับ แต่ปีหน้าคงไม่ได้ เพราะเราต้องถ่ายละคร ถ่ายหนัง คิวเต็มไปจนถึงปีหน้าแล้ว ดังนั้นถ้าเริ่มคงจะเป็นปี 65 ครับ ก็ยังคงช่วยท้องทะเลอยู่ครับ ผมคิดว่าเขาก็ยังต้องการความช่วยเหลืออยู่ดีนะ ทำไมเราถึงมอบเลยไม่รอว่ายต่อให้จบก่อน เพราะผมก็มองว่าเขาก็ยังตายอยู่ทุกวัน คุณหมอ คุณพยาบาลเขาก็ยังต้องช่วยอยู่ตรงนั้น อะไรที่เราช่วยได้เลยก็ช่วยเลยไม่ต้องรอ”
บอกแม้แต่ละครั้งจะมีอุปสรรค แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
“ก็จะมีแพลนไปมอบที่ฝั่งอ่าวไทยคือระยองนะครับ แล้วก็มีฝั่งอันดามันคือที่จ.ภูเก็ต และมีโรงพยาบาลของคน ที่ช่วยคนตามชายฝั่งก็คือที่เกาะกูด ก็คือ 3 เป้าหมายหลักที่เราอยากจะช่วย ก็คือศูนย์สัตว์ทะเลหายากทั้งสองฝั่ง รวมถึงโรงพยาบาลเล็กๆ ตามเกาะและชายฝั่งที่บางทีเขาไม่มีอุปกรณ์ แล้วเวลาพ่อแม่พี่น้องเราเจ็บไข้ได้ป่วย ต้องนั่งเรือกว่าจะมาถึงแผ่นดินใหญ่ได้ต้องใช้เวลาหลายชม. หลายนาที ก็เลยคิดว่าเราพยายามช่วยให้ได้มากที่สุดครับ
ผมตั้งใจจะไปมอบด้วยตัวเองทุกครั้งนะครับ รวมถึงจะไปขอบคุณคุณหมอ คุณพยาบาลทั้งที่ดูแลสัตว์ทะเล รวมถึงที่ดูแลคนด้วย แต่ถามว่าทุกครั้งที่เราทำอะไรต่างๆ ก็มักจะเจออุปสรรคตลอด ผมว่าถ้าเราทำแล้วมันสามารถช่วยพวกเขาได้ไม่มากก็น้อย ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องหยุดเลย ไม่รู้จะหยุดทำไม ถ้าหยุดแล้วจะทำยังไง พวกเขาจะอยู่ยังไง แล้วคุณหมอ คุณพยาบาลก็เหนื่อยต่อไปเหรอ เวลาที่มีมาเรียมตายก็ได้แต่ร้องไห้เสียใจ โพสต์ระบายเหรอ ขอลงมือทำดีกว่า สำหรับผมคิดว่ามันตรงกว่าประโยคหรือคำพูดใดๆ ครับ”
บอกขอทำไปจนกว่าจะทำไม่ไหว
“ผมก็จะทำจนกว่าเราจะไม่ไหวนะครับ มันก็หนักเหมือนกันนะ วันนั้นก็แทบหมดสภาพเหมือนกัน แต่เราก็ฝึกซ้อมครับ อะไรที่เราเจ็บ ที่เราเหนื่อย เราก็มาเรียนรู้ว่าเราจะทำยังไงให้เราแข็งแรงขึ้น จุดอ่อนตรงไหนที่ผมต้องไปฝึกมากขึ้น มันก็ดีเหมือนกัน ส่วนระหว่างที่ฝึกกายไปก็ปลูกจิตสำนึกไปในตัวด้วยครับ
ถามว่าปีหน้าต้องทำงานทั้งปี จะมีไปช่วยเหลือแบบอื่นไหม จริงๆ แล้วผมก็ตั้งใจนะ ที่คุยกับผู้จัดการก็คือต้องการจะเดินเก็บขยะต่อไปเรื่อยๆ ให้ได้มากที่สุด แต่ดูจากคิวแล้วเดี๋ยวต้องวางแผนดีๆ ครับ เพราะตอนนี้มัน 7 วันเลยครับ มันไม่ใช่แค่ถ่ายละครกับหนัง แต่มันมีอัลบั้มด้วยที่จะต้องปล่อย รวมถึงละครเขาก็ต้องการกล้ามเนื้อที่ชัด มันก็ต้องหาเวลาฟิตเนสอีก ก็ต้องแบ่งเวลาครับ พยายามอยู่ครับ”
เผยข่าวดีเตรียมมีโปรเจกต์กับ “กัน นภัทร อินทร์ใจเอื้อ” และ “ริท เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช”
“ผมไม่รู้ว่าเขาให้พูดหรือยังนะ แต่ในความคิดผมก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นประมาณ 70-80% ครับ จริงๆ มีเสียงเรียกร้องทุกปีนะว่าอยากให้จัด แต่ว่ามีปีนี้แหละที่ได้มาเจอกันทั้ง 3 คน รวมถึงทีมงานทุกๆ คนด้วย ก็รู้สึกว่ามีลุ้นครับ และการประชุมก็เป็นไปด้วยความสนุกและอบอุ่น เพราะไม่ใช่แค่กันกับริทนะครับ แต่เราได้เจอกับพี่ๆ ทุกคนที่สร้างเรามา พี่บางคนที่ไปเดินรับสมัครเดอะสตาร์ พี่ๆ ทีมงานเอ็กแซ็กท์ มันรู้สึกอบอุ่น คิดถึง เพราะว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตัวเองก็ไปมาเยอะ ไปเล่นคอนเสิร์ตที่นั่นที่นี่ ไปถ่ายละคร ถ่ายหนัง ครั้งนี้จะได้กลับมาที่บ้าน ได้มาเจอกับน้องๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นครับ
กับกันนี่จะได้คุยบ่อย เพราะกันจะไปเตะบอลกับเราด้วยก่อนที่ละครกับหนังยังไม่เปิด เราก็จะลดไขมันด้วยการเตะบอล ก็จะได้เจอกับกันเรื่อยๆ จนมาล่าสุดที่ได้มาเจอพร้อมกันทั้ง 3 คน แต่กับริทนี่เจอน้อย ไม่ได้เจอนานมากเลย เพราะได้ยินว่าริทไปเปิดคลินิก แต่แฟนๆ ก็รอลุ้นโปรเจกต์นี้ได้เลยครับ อยากให้ทุกคนมีความสุขนั่นแหละ เพราะตอนนี้ผมว่าเป็นสิ่งที่สำคัญนะ ความสุข กำลังใจ ความรัก ทุกๆ อย่างผมว่าเป็นสิ่งที่พวกเราควรจะให้กัน อาชีพของพวกเรา หน้าที่ของพวกเราคือการสร้างรอยยิ้ม สร้างเสียงหัวเราะ สร้างความสุขให้กับทุกๆ คน เรามาทำหน้าที่นั้นให้เต็มที่กันเถอะครับ”