“เตชินท์” เปิดใจไม่ใช่นักร้องเต็มตัวอีกแล้ว บอกเป็นแค่นักธุรกิจที่ร้องเพลงได้ เจ็บทุกครั้งแฟนคลับถามหายไปไหน บอกไม่มีวาสนาเหมือน "เบิร์ด ธงไชย" ต้องดิ้นรน
เชื่อว่าแฟนเพลงของนักร้องหนุ่ม “เตชินท์ จิรัฐชัย ชยุติ” คงจะคิดถึงเสียงนุ่มๆ ของหนุ่มคนนี้แน่นน เพราะห่างหายไปเป็นนักธุรกิจ ทำร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อ เนตะฟิช แอน์ มีท จนเจ้าตัวได้มาเจอนักแต่งเพลงชื่อดังอย่าง “หนึ่ง ณรงค์วิทย์ เตชะธนะวัฒน์” ที่ชักชวนมาร้องเพลงประกอบละครเรื่อง ร้อยเล่ห์มารยา ที่กำลังกวาดเรตติ้งอยู่ในตอนนี้ หนุ่มเตชินท์เผยว่าดีใจมากที่ได้หวนกลับมาร้องเพลงอีกครั้ง และเชื่อว่าละครเรื่องนี้ต้องดังแน่ๆ
“ตอนแรกที่เริ่มเปิดร้านอาหารก็ยังคิดว่าจะร้องเพลงเป็นหลัก ร้านอาหารเป็นรอง แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าร้านอาหารเป็นหลัก ร้องเพลงเป็นรอง จนทุกวันนี้ยิ่งน้อยลงๆ เพราะผมค่อนข้างมีภาระเยอะ มีลูกน้อง มีคนหลังบ้านเยอะ เพราะร้านอาหารมีปัญหาทุกวันจริงๆ ก็เลยไม่มีเวลาที่เราจะได้มานั่งโฟกัสงานร้องเพลงเหมือนสมัยเด็กๆ ว่าอยากร้องเพลง วันนี้จะไปงานไหนอะไรยังไง ทุกวันนี้ตื่นมาก็ดูกล้องวงจรปิดว่าลูกน้องมาเตรียมของครบหรือยัง หน้าร้านเป็นยังไง มีอะไรขาดบ้าง คือมีเรื่องจุกจิกเยอะครับ
แต่ผมเป็นคนไม่ทิ้งโอกาสนะ เพราะผมรู้สึกว่าโอกาสเป็นสิ่งที่หายากที่สุดในชีวิต วันนึงที่ผมได้เป็นนักร้องที่แกรมมี่ ผมก็ได้รับโอกาสจากพี่ถา (สถาพร พานิชรักษาพงศ์) แต่พอวันนึงชีวิตเราเปลี่ยนเราก็เลยอยากจะทำอะไรของเราเอง ก็คือเปิดร้านอาหาร แล้ววันนึงพี่หนึ่ง ณรงค์วิทย์ ก็โทร.มาบอกว่าเตมาร้องเพลงละครให้หน่อย เรื่องร้อยเล่ห์มารยา ที่พี่โป๊ป (ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) กับเบลล่า (ราณี แคมเปน) เล่น ชื่อเพลงแค่ได้รัก คือเราก็ยิ่งดีใจ เพราะละครเรื่องนี้ต้องดังแน่ๆ ก็แฮปปี้ครับ”
เผยห่างไปนานเกือบ 4 ปี แต่ใจก็ยังคิดถึงการร้องเพลงตลอด
“ห่างจากการร้องเพลงไปประมาณ 3-4 ปีครับ คือตอนนี้เราไม่ได้เป็นนักร้องเต็มตัวแล้ว แต่เราเป็นนักธุรกิจที่ร้องเพลงได้ แต่ผมก็ชอบร้องเพลงที่สุดนะ ถ้ามีโปรเจกต์อะไรมาก็ไปร้องเพลง อย่างที่มีโปรเจกต์ของพี่แม็กซ์ ศรัณย์ แล้วก็พวกเพลงละครบ้างครับ บางทีมันเจ็บนะเวลาที่แฟนคลับถามว่าไม่ได้ฟังเพลงเตชินท์เลย เตชินท์หายไปไหน ฟังแล้วมันเจ็บนะ คือจะทำยังไงล่ะ ชีวิตคนเรามันเลือกไม่ได้ว่าชีวิตจะไปทางไหน มันอาจจะเป็นลิขิตฟ้าที่ทำให้เราเดินมาทางนี้ และไม่เคยคิดจะเปิดร้านอาหารด้วย อยากจะร้องเพลงให้ดีที่สุด อยากจะดังเหมือนพี่เบิร์ด (ธงไชย แมคอินไตย์) แต่วาสนาผมไม่ได้เหมือนพี่เบิร์ด เราก็ต้องดิ้นรนหาหนทางของเราให้ดีที่สุด
เคยเหมือนกันนะ ขึ้นไปร้องเพลงที่ร้านอาหารตัวเองนี่แหละ แต่ร้องได้สักพักแฟนบอกให้ลงมาเถอะ มันไม่มีสมาธิร้องเลย เพราะพอลูกค้าเรียกปุ๊บเราก็เรียกพนักงานใส่ไมค์เลย ร้องๆ อยู่สั่งลูกน้องๆ แบบนี้ตลอด แฟนก็เลยบอกว่าทำสักอย่างเถอะ เราก็เลยคิดว่าเอาไว้แค่ขึ้นไปแจมเป็นครั้งคราวดีกว่า เพราะผมเข้าร้านอยู่แล้วก็จะมีขึ้นไปแจมบ้าง แต่หาเวลาจะทำเพลงจริงจังไม่ได้เลยครับ ทุกวันนี้ผมตื่น 6 โมงเช้า ส่งลูกไปโรงเรียนตอน 8 โมง กลับมาเตรียมตัวเข้าร้าน พอ 2 ทุ่มก็ต้องรีบเข้านอนเพราะตอนเช้าก็ต้องตื่นอีก มันจะเป็นแบบนี้ทุกวันเลยครับ ไม่มีเวลาเลยครับ”