“เพชรา เชาวราษฎร์” พร้อมเพื่อนดารา ร่วมบุญกฐินสามัคคี เพื่ออุทิศบุญให้ “มิตร ชัยบัญชา” ครบรอบการจากไป 50 ปี ขนลุก มิตรมาแฝงหลานกล่าวขอบคุณ
วันนี้ (4 /ก.ย./63) ที่วัดสุทนธรรมทาน (แคนางเลิ้ง) ได้จัดพิธีทำบุญถวายผ้ากฐินสามัคคี โดยมี “เพชรา เชาวราษฎร์” พร้อมคณะ และเพื่อนดารา อาทิ นาท ภูวนัย, พอเจตน์ แก่นเพชร, ครรชิต ขวัญประชา และยอดชาติ เมฆสุวรรณ ร่วมเป็นเจ้าภาพ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้พระเอกเอกในตำนาน “มิตร ชัยบัญชา” ก่อนจะถึงวันครบรอบ 50 ปีการจากไปในวันที่ 8 ต.ค. นี้
โดยเพชราได้เผยความรู้สึกถึงการมาร่วมทำบุญเพื่อระลึกถึง พระเอกคู่ขวัญในตำนานอย่าง มิตร ชัยบัญชา พร้อมกับครรชิต ขวัญประชาว่า
เพชรา : “ก็ตั้งใจตั้งแต่ปีที่แล้วว่ายังไงก็ต้องมาร่วมกฐินสามัคคีครั้งนี้เพราะว่าคราวที่แล้วเขามีเจ้าภาพใหญ่ แต่ปีนี้เป็นสามัคคีล้วนๆ ก็ 50 ปี มันก็ยังอยู่ในความทรงจำของเรา และคงตลอดชีวิตมั้งคะ”
“การทำบุญทำกุศล ถ้าเราทำไม่ว่าจะตักบาตรหรือถวายสังฆทาน ถ้าเรานึกถึงเขามันก็ดี เขาก็ได้รับทุกครั้งไปแหละเนอะ ไม่ว่าจะทำที่ได้ ปีนี้เป็นสามัคคีทุกคนก็มีสิทธิ์ร่วมเป็นเจ้าภาพ ก็รู้สึกดีใจที่ได้มาระลึกถึงความรักความอาลัยถึงมิตร ชัยบัญชา”
ยังคงคิดถึงมากเหมือนเดิม
เพชรา : “พอหลังที่เขาเสียชีวิตแล้วก็ทำงานหนักไปต่างจังหวัดบ้าง จนกระทั่งป่วยนานมาก ตาไม่เห็น แล้วก็แพ้ยาที่รักษาตาก็ต้องรักษาตัวมาร่วม 20 ปี หายไปจากวงการบันเทิงร่วม 20 ปีนะคะเนี่ย ตามองไม่เห็นด้วย มันก็เลยต้องเจียมตัวหน่อย (หัวเราะ)”
ครรชิต : “มองไม่เห็นแต่ใจนึกถึงกัน”
ขนลุก “มิตร ชัยบัญชา”มาแฝงบอกขอบคุณ
เพชรา : “ก็นึกถึง นึกถึงเขา เมื่อกี้ไปไหว้เขาแว็บหนึ่ง ตรงกำแพงข้างโบสถ์ ไปคลำพวงมาลัย บอกว่าทำทำบุญทำกุศล มารับกฐินด้วยกันนะ เขาก็มาแฝงหลานแป๊บหนึ่ง บอกขอบใจนะๆ รักเธอนะๆ”
ครรชิต : “ขนลุกเลย”
มิตร ชัยบัญชา จากไป 50 ปีแล้ว แต่ยังนึกถึงเสมอ
เพชรา : “เขาเป็นที่รักที่เคารพของเรามาโดยตลอด ทั้งเขาและเราจะเป็นคนที่ตรงต่อเวลา เอาใจใส่หน้าที่ตัวเองได้รับ เป็นพระเอกคู่ขวัญ ร่วมงานกันมากี่เรื่องแล้ว ไม่รู้เท่าไหร่ แต่ว่าเยอะกว่า 200 เรื่องค่ะ ในความเป็นพี่ชาย สมัยแรกๆ ที่ไม่มีสังกัดเขาก็รับส่งบ้าง เพราะเราอยู่ไม่ไกลกัน นึกถึงนิสัยเขา คำพูดของเขา เป็นเขาคนพูดตรงปากยังไงใจอย่างนั้น เขาเป็นคนเสแสร้งไม่เป็น เป็นคนขี้อาย”
“ยังนึกถึง ยังเสียใจตัวเองอยู่ทุกวันที่ว่า ถ้าวันนั้นไปเขาก็จะไม่เป็นอะไร เพราะว่าบทเขาก็ให้เราไว้แล้ว แล้ววันนั้นจะต้องปิดกล้องอินทรีทอง แล้วเราต้องไปปิดกล้องหนังอีกเรื่องหนึ่งไม่งั้นจะเข้าโรงไม่ทัน แล้วเห็นว่า มันคัทเดียวที่เขาโหน เขาก็เจาะไว้หมดเลยแล้วเหลือแค่ตอนนั้น วันนั้นเป็นคิวของอินทรีทองเขาก็อนุญาตให้เราไปปิดกล้องอีกเรื่องหนึ่ง เราก็รู้สึกผิด บอกไม่ถูกค่ะ มันกังวล หน้าที่ความรับผิดชอบเราไม่ได้โดดมาเอง เขาอนุญาตเราด้วย”
“พอนึกถึงเขาก็อดนึกถึงเรื่องนี้ไม่ได้ บางครั้งก็ไม่อยากจะคิดถึงนะคะ เพราะว่าถ้าเราคิดถึงทีไร เราก็รู้สึกว่ามันเป็นความผิด ความบาป ความอะไรของตัวเอง คิดแล้วใจไม่ดีค่ะ มันอยากร้องไห้ (เสียงสั่น) ถ้าเราไปวันนั้นมันก็ไม่เกิด แต่จะว่าเป็นความผิดของเราทีเดียวก็ไม่ใช่ เพราะว่าเป็นคำอนุญาตจากปากของเขา เขาเป็นผู้กำกับ แล้วเขาอนุญาตว่าวันนั้นให้ไปปิดกล้องเรื่องอื่น ที่เขาจะเข้าโรงไม่ทัน เขาเป็นคนอนุญาตเอง ว่าไปเถอะ ให้ถอดเสื้อถอดผ้าเอาไว้ให้นักบินสแตนอิน อะไรอย่างนี้ค่ะ พอคิดแล้วใจมันบอกไม่ถูก มันไม่น่าจะเกิด”
เชื่อ “มิตร ชัยบัญชา” รับรู้ทุกอย่าง
เพชรา : “ไม่รู้จะพูดอะไรถึงเขา เขาก็รู้ทุกอย่าง ไม่รู้จะพูดยังไงเพราะเป็นเรื่องอะไรไม่รู้ที่หลายๆ คนจะมองประหลาดๆ ก็ไม่อยากพูดดีกว่า เราอยู่ในวงการด้วยกันก็มีแต่ความรัก ทุกครั้งที่มาทำเนี่ย เราก็นึกถึงครูบาอาจารย์ ผู้กำกับ หรือเพื่อนๆ นักแสดงที่เคยทำงานกับเขาอุทิศให้ทุกคน ไม่ว่าเขาจะนับถือศาสนาอะไร เรานึกถึงเขาได้ เราก็ให้เขาหมดแหละ ตาเรามองไม่เห็น ก็ได้แต่นึกถึงความที่เขามีน้ำใจดีกับเราตั้งแต่ต้น จนกระทั่งสุดท้าย”
ขอบคุณแฟนคลับที่ยังระลึกถึงอยู่เสมอ
เพชรา : “ก็ไม่รู้จะพูดยังไงนอกจากขอบคุณค่ะ ขอบคุณที่ยังรักยังคิดถึงกันอยู่ แล้วก็ขอให้รักกันตลอดไปก็แล้วกันเนอะ ไม่รู้จะทำยังไง เราก็มองไม่เห็นเขาอะเนอะ ขอบคุณที่นึกถึง แล้วก็ยังรักอยู่ค่ะ”
ครรชิต : “พวกหนูคงจะเกิดไม่ทันหรอก สมัยนั้นหนังเรื่องไหนเข้าโรง บางทีก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรหรอก แค่มีมิตรกับเพชราเล่น เขาก็ดูกันแล้ว แฟนคลับจริงๆ ในสมัยนั้น ก็เมื่อประมาณสัก 60 ปีที่แล้ว (หัวเราะ)”
จากนั้น “พอเจตน์ แก่นเพชร” ได้เผยความรู้สึกต่อ ในฐานะนักแสดงรุ่นน้องว่า
“ผมเข้ามาทีหลัง แต่ช่วงที่พี่มิตรตกเครื่องบินผมเรียนอยู่ที่อังกฤษ แล้วก็อยู่กับ พี่กิ่งดาว ดารณี พี่กิ่งดาวกำลังทำกับข้าวให้ทานแล้วก็มีโทรเลขมาจากเมืองไทยว่า มิตรตกเครื่องบิน แกเสียใจคว่ำทิ้งหมดเลยกับข้าวไม่ได้ทานเลย นั่นแหละที่ทำให้รู้จัก แล้วพอมาเมืองไทยถึงทำให้รู้จักพี่มิตร ชัยบัญชา แต่ไม่มีโอกาสได้ร่วมงานกัน เพราะผมไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็กๆ ไม่รู้จักกัน”
“มีโอกาสได้ติดตามผลงาน ได้ดูผลงานเก่าๆ ที่พี่มิตรเขาเล่นไว้ ก็คือเป็นไอดอลเป็นตัวอย่าง หลายๆ ที่พี่เขาทำเอาไว้เราได้มาสืบทอดต่อ เพราะพี่เขารักนักแสดงทุกคน ให้เกียรตินักแสดง แม้กระทั่งคนในวงการ เด็กผู้ช่วยกล้องก็ดี คนในกองถ่ายก็ดี พี่เขาจะให้ความรักความเมตตากับทุกคนไม่แบ่งชั้นวรรณะ วันนี้ก็มาร่วมทำบุญครับ มาร่วมทำบุญถึงพี่เขา มาบ่อยครับ มาทำบุญที่นี่ เป็นครั้งแรกที่ได้มาร่วมทำบุญกับพี่เพชรา”
อธิษฐานจิตถึงมิตร ชัยบัญชา
“อธิษฐานอยู่แล้ว ก็อยากทำตามรอยพี่เขารักษาความดีเอาไว้ ความรักของคนในวงการเราทุกวันนี้มันเริ่มจะจางหายไป รุ่นน้องไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไม่รู้จักสัมมาคารวะต่อรุ่นพี่ ผมก็พยายามจะสืบทอดต่อไป แล้วก็พยายามสอนน้องๆ ที่เข้ามาใหม่ว่าเราควรจะจับมือกันแล้วก็ร่วมกันทำให้วงการภาพยนตร์ไทยนั้นเป็นวงการที่น่าเคารพน่าเชื่อถือ อย่างพี่เอก สรพงษ์ ก็เป็นตัวอย่างที่ดี พี่ๆ หลายคนก็เป็นตัวอย่างอยู่ ผมก็เป็นรุ่นน้องที่มาสืบต่อ”
“ดีใจครับที่ยังมีแฟนคิดถึงอยู่ อย่างผม 40 ปีแล้ว ก็ยังมีแฟนๆ มาทักทายกัน นี่คือความอบอุ่นที่ได้จากแฟนภาพยนตร์ ยังเหนียวแน่นอยู่ตราบใดที่ยังมีโรงภาพยนตร์ แต่เวลานี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปเร็วมากก็อาจจะรวมตัวกันไม่ค่อยได้”