เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ส่งผลให้หลายองค์กรผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อม ซึ่งทำให้ต้องปรับตัวกับการทำงานแบบวิถีใหม่ หรือ New Normal เพื่อให้การดำเนินงานเข้ากับยุคปัจจุบัน และตรงตามเป้าหมายอย่างมากที่สุด วันนี้จะพามาทำความรู้จักกับ “FEEL AGENCY” อีกหนึ่งองค์กรที่ปรับตัว มาพร้อมกับเครื่องมือทางการตลาด ที่แตกต่าง และสร้างผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน โดยมี คุณโอ้ กิตติโชค วีระเตชะ เป็นผู้บริหาร ภายใต้บริษัท ฟีล (ประเทศไทย) จํากัด
1.FEEL AGENCY คือใคร ให้บริการอย่างไรบ้าง
ผมคลุกคลีอยู่ในโลก Online Marketing มาตั้งแต่ยุคแรกๆเลยครับ เรียกกันขำๆก็คงเป็นยุคก่อน Hi5 เสียอีก ผมเลยมีโอกาสฝึกฝนวิธีคิดในทิศทางออนไลน์มาค่อนข้างเยอะครับ แรกๆก็เลยเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทเพื่อนๆและคนรอบข้างนี่แหละครับ พอช่วยและเห็นผล ยอดขายขึ้น แก้ไขปัญหาต่างๆ ให้เค้าได้ มันก็เกิดการบอกต่อขึ้นมา ปากต่อปากไปเรื่อย ๆ FEEL จึงกำเนิดขึ้นมาครับ
FEEL (THAILAND) COMPANY LIMITED เป็น Agency และ Consulting company ครับ บริษัทเราอายุน้อยมากครับ ประมาณ 3ปี แต่เราก็เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด ด้วยการบอกต่อกันไปจากลูกค้าของเราไปเรื่อยๆ จนได้รับความไว้วางใจในงานสเกลใหญ่ขึ้น เช่นการวิจัยทำแบรนดิ้งของจังหวัดพัทลุง การทำการตลาดให้กับสินค้า XIAOMI (เสียวหมี่ ประเทศไทย) เราทำหลายรุ่นหลายชนิดมาก ทำมาตั้งแต่เสียวหมี่เริ่มเข้าไทยใหม่ๆ ยังไม่มีคนรู้จักเลยครับ จนตอนนี้เสียวหมี่เป็นสินค้าที่แทบจะมีอยู่ในทุกบ้านเลยครับ
2.หลักการทำงาน FEEL AGENCY มีข้อแตกต่างจาก เอเจนซี่อื่น อย่างไรบ้าง
“เราชอบเถียงกับลูกค้าครับ” (หัวเราะ) การโต้แย้งและชักชวนกันสร้างสมมุติฐานเพื่อหาคำตอบที่ดีที่สุดของแบรนด์ เป็นเหมือนการร่วมมือกันระหว่างเรากับเจ้าของแบรนด์ ปั้นแบรนด์ของเค้าออกมาให้เหมาะสมและดีที่สุด เราเป็นบริษัทเล็กๆ ที่มีประสบการณ์กับแบรนด์ใหญ่ๆ ทั้งระดับประเทศและระดับโลก เราเป็นทั้ง Consult Company และ Agency ในที่เดียวกันครับ บริษัทเรารวมคนมีความสามารถจากหลายแวดวงธุรกิจมาทำงานร่วมกันครับ ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้เลยค่อนข้างจะขยายไปได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เราสามารถให้คำแนะนำในเรื่องการทำธุรกิจได้มากกว่าแค่การตลาดเพียงมุมเดียว เราจะเน้นให้ลูกค้าเตรียมตัวเองให้พร้อมก่อนเริ่มทำการตลาด เราอยากช่วยให้ลูกค้าของเรามองภาพใหญ่ออกได้ชัดเจนและแก้ปัญหาในภาพเล็กได้ตรงจุดครับ การทำการตลาดหรือการโฆษณาเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดเสมอไปครับ
จากประสบการณ์ที่เราเจอมาบ่อยมาก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็ก เจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่มักจะเน้นและเริ่มต้นด้วยการอยากโปรโมท อยากยิง Ads. อยากทำให้มีลูกค้ามากๆ แต่หลายเจ้าพอมีลูกค้าเข้ามามากแล้วกลับไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันท่วงที หรือสินค้า/บริการอาจจะยังไม่ดีพอ ทำให้ลูกค้าที่เข้ามาแล้วไม่พอใจ และจากไป ปัญหาเหล่านี้ให้โทษกับธุรกิจรุนแรงมากนะครับ การง้อลูกค้าเดิมให้กลับมาใหม่อีกที มันยากและแพงกว่ามาก
3.เครื่องมือ PCA มีกลไกการทำงาน และมีข้อแตกต่างจากเครื่องมืออื่นๆ ในการทำการตลาดอย่างไร
PCA ย่อมาจาก Potential Customer Avatar ครับ หรือคือการศึกษากลุ่มคนที่น่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าของเรา จริงๆเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการการตลาดนะครับ แต่ในอดีตการที่เราจะเข้าสู่ Data ต่างๆได้นั้น มันต้องใช้การลงทุนจำนวนมหาศาลและค่อนข้างเข้าถึงได้ยาก แต่ในปัจจุบันนี้โชคดีที่การเข้าถึง Data ต่างๆเป็นสิ่งที่ไม่ได้ยากเย็นเหมือนในอดีต PCA จึงสามารถรวบรวมข้อมูลต่างๆจากผู้ที่คาดว่าน่าจะเป็นลูกค้าของเรามาประมวลผลได้ครับ โดยแต่ก่อนส่วนใหญ่นักการตลาดจะต้องใช้การคาดคะเนหรือใช้จินตนาการในการคาดเดาความต้องการของลูกค้า แต่ PCA จะมาทำหน้าที่ตรงนี้แทนให้เลยครับ ผลที่ได้จะบอกเราได้ทันที ว่าคนที่น่าจะเป็นลูกค้าของเราน่าจะเป็นใคร เพศอะไร อยู่ที่ไหน นิสัยเป็นอย่างไร ชอบหรือไม่ชอบอะไรมากกว่ากัน และกำลังสนใจเรื่องไหนอยู่ ยกตัวอย่างง่ายๆครับ เราสามารถเลือกพรีเซนต์เตอร์ให้กับแบรนด์ของเราผ่านข้อมูลจาก PCA ได้เลย PCA สามารถบอกเราได้ ว่า พรีเซนเตอร์คนไหน ที่กลุ่มลูกค้าของเราให้ค่าและกำลังสนใจอยู่ในตอนนี้ เราสามารถนำข้อมูลตรงนี้มาต่อยอดในการทำแคมเปญต่างๆให้กับแบรนด์ของเราได้อย่างสบายๆ
4.กลุ่มเป้าหมายหลักที่เหมาะกับการใช้เครื่องมือ PCA ในการทำการตลาดคือกลุ่มใด
แบรนด์ส่วนใหญ่ต้องการรู้ครับ ว่าลูกค้าหรือคนที่น่าจะมีโอกาสเป็นลูกค้าของแบรนด์คือใคร มีลักษณะนิสัยอย่างไร ดังนั้น PCA สามารถเป็นตัวช่วยให้กับแบรนด์ได้ทุกแบรนด์ครับ เมื่อเรารู้จักลูกค้าเราเป็นอย่างดี มันก็จะทำให้เรื่องของการสื่อสารเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆครับ ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญในรูปแบบไหน ก็จะสามารถดีไซน์ออกมาให้ตรงใจกับกลุ่มลูกค้าได้ง่ายดายขึ้นครับ
5.ข้อดีของการใช้เครื่องมือ PCA จาก FEEL AGENCY มาช่วยดูแลงานด้านการตลาด
“รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” สุภาษิตจีนนี้ เป็นคำตอบของการใช้ PCA มาช่วยดูแลงานด้านการตลาดได้อย่างดีที่สุดเลยครับ ถ้าเรารู้ว่าตัวเราคือใครมีจุดแข็งจุดอ่อนยังไงบ้าง และรู้ว่าลูกค้าหรือคนที่เราต้องการสื่อสารด้วยของเราคือใคร อยู่ที่ไหนในโลก มีจำนวนประมาณเท่าไหร่ เป็นเพศอะไร ชอบอะไรบ้างไม่ชอบอะไรบ้าง แค่นี้ก็ทำให้การทำการตลาดง่ายและตรงเป้าหมายมากขึ้นแล้วครับ เอาจริงๆคนเราไม่ได้อยากได้ยินหรืออยากฟังไปซะทุกเรื่องหรอกครับ เราควรเลือกสิ่งที่เค้าอยากฟังมาคุยกับเค้าดีกว่า อย่าไปยัดเยียดในสิ่งที่เค้าไม่ต้องการครับ
6.มุมมองการตลาดของประเทศไทยในยุค New Normal
การตลาดของประเทศไทยหรือของโลกเลยก็ว่าได้ครับ ในยุคนี้มันไม่มีสูตรสำเร็จครับ และมันมีการเปลี่ยนแปลงไวมาก วันนี้เค้าชอบอย่าง แต่อีกวันเค้าอาจจะเกลียดแล้วเลยก็ได้ ดังนั้นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุดในการทำการตลาดในยุคนี้คือการเปิดใจรับฟังและพร้อมจะปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอครับ การเข้าถึง Data เพื่อนำมาทำการตลาดไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป นักการตลาดควรจับเทรนด์ และสิ่งที่ลูกค้าต้องการจากแบรนด์ให้ไว และตอบสนองได้อย่างทันท่วงทีถึงจะเป็นผู้ชนะครับ ฟังเสียงของ Data เยอะๆครับและทำความเข้าใจกับมัน
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจคำปรึกษา และข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติม สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 095-353-6526 หรือ https://www.feelthailand.co.th/