xs
xsm
sm
md
lg

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 20 เข้มมาก ผู้ชนะต้อง สวย ฉลาด ทรงพลังหยุดโลก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดตัวผู้เข้ารอบ 30 คน มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 เป๊ะปังกินกันไม่ลง ปีนี้เข้มทุกชาเลนจ์ ตั้งเป้าผู้คว้ามงฯ ต้องสวย ฉลาด ทรงพลังหยุดโลก ตั้งกฎใหม่นับคะแนนโหวตจากผู้ชม 30 เปอร์เซ็นต์ ปัด “ณวัฒน์” มีเอี่ยวในการตัดสินผู้เข้ารอบ

ได้ฤกษ์เผยโฉมสาวงามผู้เข้ารอบ 30 คนสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับเวทีการประกวด Miss Universe Thailand 2020 บรรยากาศภายในงาน เต็มไปด้วยความคึกคักท่ามกลางเสียงเชียร์สนั่นหวั่นไหวของเหล่าแฟนๆ นางงาม ที่มาให้กำลังใจกันแบบติดขอบเวทีเลยทีเดียว และจะเริ่มเข้าสู่กิจกรรมการเก็บตัวในวันที่ 22 กันยายนนี้

โดยงานนี้หัวเรือใหญ่ทั้งสอง อย่าง “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก" และ “ณะ ณรงค์ เลิศกิตศิริ” แห่งบริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด (TPN) ผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ก็ได้เผยถึงความมุ่งมั่น และวิสัยทัศน์ในการจัดการประกวด Miss Universe Thailand ในปี 2020 นี้ให้ได้ฟังกันชัดๆ อีกครั้ง พร้อมตอบดรามา “พรฟ้า ปุณิกา” หนึ่งในสาวงามผู้เข้ารอบ 30 คน ที่เคยมีข่าวเกี่ยวกับคคียาเสพติด


ปุ้ย : “วันนี้เราก็เป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ 30 สาวงามผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 ก็คงได้ประจักษ์แก่สายตาไปแล้วว่า น้องๆ ทุกคนในปีนี้ แซ่บกว่าปีที่แล้วเยอะเลย แล้วก็เหมือนกับเขาเตรียมความพร้อมที่จะเข้ามาประกวดในซีซั่นที่ 2 ของทีพีเอ็น ก็เตรียมตัวกันมาอย่างดี อย่างที่บอกว่ามันยาก เรานั่งดูเราลุ้นมาก เพราะมันยากจริงๆ แต่เห็นกันแล้วใช่ไหม ว่าน้องๆ เก่งมากเลย”

สิ่งสำคัญที่สาวงามทุกคนบนเวทีนี้จะต้องมีนอกจากความสวย ก็คือ ความมีไหวพริบปฏิภาณ และการเป็น M Power เป็นกระบอกเสียง
ปุ้ย : “ความสวยเราว่ามาถึงรอบ 30 คน เขาสวยกันหมดแล้วล่ะ มีความสวยในแบบที่ตัวเองจะเป็น แต่ว่าไหวพริบปฏิภาณ ความทรงพลัง ที่จะเป็น M Power Woman ที่จะออกมาบอกอะไรกับสังคมกับโลกนี้ คิดว่าอันนี้สำคัญกระบอกเสียงเป็นตัวแทนของผู้คน อันนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญมากๆ ค่ะ”

เชื่อว่าสาวงามทุกคนฉลาดเท่ากันหมด แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเวลาอยู่บนเวที จะมีสติในการตอบคำถามภายในเวลา 30 วินาทีได้มากน้อยแค่ไหน
ณะ : “คือจริงๆ เวลาจะบอกว่าไม่ฉลาดจริงเนี่ย ทุกคนฉลาดเหมือนกันหมด เท่ากันหมด แต่ทุกคนจะมีสติหรือไม่มีสติ หรือจะตื่นเต้น จะครองสติให้ได้ มันอยู่ที่คนๆ นั้น ในเวลาและวินาทีๆ”

ปุ้ย : “มันเป็น 30 วินาทีดับจิต ที่เราอยากจะฝึกน้องๆ ทุกคน เพราะวันที่เราไปยืนอยู่บนเวทีมิสยูนิเวิร์สเนี่ย เราได้ไปชมแบบใกล้ชิดมากแล้ว เรารู้เลยว่ามันเป็นวินาทีดับบจิตจริงๆ 30 วินาทีที่จะต้องหยุดโลกให้ได้ อันนี้เราต้องทำจริงๆ เพราะฉะนั้นน้องๆ พวกนี้ จะต้องผ่านกระบวนการการฝึกคิด คิดให้เร็ว คิดให้ไกล เพื่อที่จะตอบและขมวดให้ทัน 30 วินาที”

เรื่องความสวยยังเป็นสิ่งที่ต้องนำมาอยู่แล้ว แต่ต้องเป็นคนสวยที่มีความคิด มีความสามารถให้สมกับการเป็นตัวแทนของสาวไทยได้ไปเวทีโลก
ณะ : “จะบอกว่าไม่ใช้ความสวยงามอย่างเดียวก็ไม่ใช่ การที่จะเอาคนขึ้นไปประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส องค์ประกอบของมันสิ่งแรกเลย ก็คือต้องสวย 90 กว่าประเทศ ถึง 100 ประเทศที่ประกวด ทุกคนสวยหมด ทุกคนวัดกันที่ความสามารถ ไหวพริบปฏิภาณ เพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่เราเฟ้นกัน เราต้องเฟ้นคนที่สวยที่สุด ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องเฟ้นหาคนที่มีความคิด สติปัญญาที่เฉียบแหลมที่สุด เพื่อเป็นตัวแทนของสาวไทยไปประกวดเวทีโลก”

ปุ้ย : “เราว่าน้องๆ ปีนี้ไม่เอาสวยใช่ไหม บอกเลยค่ะว่า เราประกวดนางงาม เราไม่ได้นักโต้วาที หรือนักวิทยาศาสตร์โลก หรือว่านักฟิสิกส์โลก เพราะฉะนั้นในการที่เราประกวดนางงาม แต่ว่านางงามของเราก็อาจจะเป็นนางงามที่ต้องมีมาตราฐานที่สูงเหมือนกัน ในเรื่องของไหวพริบปฏิภาณ และการสรรหาความรอบตัว แล้วก็การมีเจตจำนงค์ มีเจตนาที่มุ่งมั่นที่จะเป็นกระบอกเสียง อะไรหลายๆ อย่างให้สังคม อันนี้คือโจทย์ที่สำคัญค่ะ”

ตอนนี้ได้เห็นคนที่เข้าตาแล้ว 4-5 คน ล้วนแต่เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองแบบไม่ล้นเกินไป
ปุ้ย : “ตอนนี้เห็นเบลอๆ หลายคน ประมาณ 4-5 คน หนักใจ อันดับแรกคือบุคลิกภาพของความเชื่อมั่นในตัวเอง การเชื่อมั่นนะคะ ไม่ใช่ล้น มันมีเส้นแบ่งที่ใกล้ๆ กัน เพราะฉะนั้นเนี่ย เขาจะมีบุคลิกภาพของความเชื่อมั่น ของการกล้าที่จะพูดออกมา กล้าที่จะทำลายกำแพงน้ำแข็งของเขา อันนี้เราพอเห็นค่ะ”

ชาเลนจ์จะยากขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้ได้เห็นแววของทุกคน แต่ละคนเจิดจรัสไม่เท่ากัน
ปุ้ย : “อันนี้เราก็พูดได้ว่า ในช่วงนี้มันเป็นเก็บตัว เพิ่งได้ระดับหนึ่ง การเก็บตัวเพิ่งอยู่ระดับหนึ่ง แต่มันก็พอเห็นแล้ว แต่ขอให้เชื่อเราค่ะ อย่างปีที่แล้ว ก็เห็นแววอย่างนี้ แต่พอถึงช่วงกลางและช่วงท้าย มันก็จะมีคนแซงทางโค้งขึ้นมาก็เป็นได้ ซึ่งคาดการณ์ลำบาก บางวันก็อาจจะ เอ๊ะ ทำไมการ์ดตก แต่อีกวันก็ปรื้ดขึ้นมา”

ณะ : “ในแต่ละรอบ ต้องขอบอกว่าแต่ละคนเจิดจรัสไม่เท่ากัน คนที่เราคิดว่าวันนี้จะเจิดจรัส ก็อาจจะไม่ตรงตามที่เราคิดไว้ คนอื่นแซงโค้งขึ้นมา”

เชื่อว่าทุกคนอยากเห็นสาวงามทำชาเลนจ์ เพื่อที่จะได้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจโหวต
ปุ้ย : “เราว่าคนไทยก็อยากดูสิ่งนี้ พวกเราอยากดูสิ่งนี้ เพราะว่าบางครั้งเราไปตัดสินเขาว่า ควรไม่ควร พูดลำบาก แต่สิ่งที่เราจะมีการชาเลนจ์ในทุกๆ มิตินี่แหละค่ะ จะเป็นการที่ทำให้ประชาชนช่วยกันตัดสินว่า ใครคือคนที่ควรจะก้าวไปสู่จักรวาล และนำชื่อเสียง นำมงกุฎกลับมาประเทศเรา เราคุยกับพี่ณะว่าถึงแม้จะไม่ได้นำมงกุฎกลับมาก็ตาม แต่ปีที่แล้วเราทำสำเร็จนะคะ ประเทศไทยติดอันดับจริงๆ ที่ใครๆ ก็ต้องพูดถึงในวงการนางงามของเรา ในแง่การจัดการประกวด และตัวนางงามเองเริ่ดมาก”

ยืนยันสาวงามทุกคนไม่มีโอกาสได้เห็นคำถามมาก่อนแน่นอน สังเกตได้จากการประหม่าบนเวทีได้เลย
ปุ้ย : “ไม่ค่ะ ไม่ได้เลย อันนี้มันจะจับพิรุธได้ ถ้าเห็นจากการตอบคำถามจากน้องๆ ถ้าเรามีการเตี๊ยมน้องๆ ก่อน ไม่มีใครหรอกค่ะ ที่อยากจะออกมายืนแล้วให้ตัวเองเกิดการประหม่า จนพูดอะไรไม่พูด เพราะฉะนั้นเนี่ย แอคชั่นที่เขาแสดงออกไป มันจะเป็นตัวชี้ชัด ว่าเราเตี๊ยมหรือไม่เตี๊ยม”

ดีใจมาก ที่สาวๆ ทั้ง 30 คน ก็มีความพร้อมสุดๆ กับการเจอชาเลนจ์แบบไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน
ปุ้ย : “เขาพร้อม ตอนนี้เราดีใจมาก ที่เห็นนางงามของเรา ในยุคของทีพีเอ็น เริ่มการดูข่าวเยอะขึ้น ดูความรู้รอบตัวมากขึ้น ติดตามข่าวสาร สิ่งต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นในโลก ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยมากขึ้น เพราะเขาจะต้องอยู่กลางจักรวาล เขาต้องรู้หมดค่ะ”

เปลี่ยนค่านิยมให้ เวที MUT 2020 ว่าไม่ดูแค่ความงามอย่างเดียวเท่านั้น
ปุ้ย : “ใช่ จะดูแค่ความงามมันไม่ควรหรอกค่ะ เพราะว่ามันคือธรรมชาติ นานวันไปมันก็ร่วงโรย แต่สมองและคุณงามความดี สติปัญญาที่จะนำมาช่วยสังคม ช่วยชาติบ้านเมือง อันนั้นแหละ อยู่เป็นตำนานเลยค่ะ”

กิจกรรมของกองประกวดหลังจากนี้จะเริ่มด้วยการไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมืองก่อน
ปุ้ย : “เดี๋ยวก็เชิญชวนนะคะ วันที่ 16 เราจะเข้าสู่โหมดของการนำน้องๆ ไปกราบนมัสการพระแก้วมรกต แล้วก็ไปกราบศาลหลักเมือง ไปกราบพระแม่ธรณี และไปกราบพระพรหมเอราวัณด้วย เราต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมืองเราด้วยค่ะ”

การเก็บตัวในปีจะเริ่มขึ้นในวันที่ 22 กันยายน บรรดาคุณครูเตรียมมอบความรู้ให้แบบไม่มีกั๊ก
ณะ : “เราเริ่มต้นเก็บตัวที่หัวหิน ในวันอังคารหน้า 3 วัน (22-24 ก.ย.) แล้วก็มีการประกวดชุดว่ายน้ำ พอกลับจากหัวหิน ก็จะให้น้องๆ ไปเตรียมตัว เตรียมชุดประจำชาติ เตรียมชุดราตรี ในการประกวดรอบพรีลิมมินารี ก็จะให้กลับไปเตรียมตัวสักวันสองวัน แล้วก็จะเรียกเข้ากอง”

ปุ้ย : “ไม่ให้กลับแล้วค่ะ เข้าค่ายทีพีเอ็นค่ะ แล้วค่ายนี้ บรรดาครูอาจารย์ทั้งหลาย ก็เตรียมความพร้อมที่จะมามอบสิ่งดีๆ ให้กับน้องๆ ค่ะ”

การตัดสินในปีนี้จะแตกต่างกับปีที่แล้ว ตรงที่มีการเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการโหวตด้วย 30 เปอร์เซ็นต์
ปุ้ย : “ในกระบวนการตัดสินปีนี้ ก็มีความแตกต่างขึ้นมา คือ จะมีเรื่องของการโหวตเข้ามาด้วย ให้ประชาชน ให้แฟนๆ มีส่วนร่วมด้วย แต่เมนหลัก 70 เปอร์เซ็นต์ ก็เป็นคะแนนในกอง คะแนนคณะกรรมการ รวมถึงคะแนนหลังบ้านทั้งหมด คะแนนห้องดำจะเป็นตัวตัดสินด้วย แล้วก็มีคะแนนโหวตเข้ามา 30 เปอร์เซ็นต์”

ณะ : “ตอนช่วงเก็บตัว คนที่คอยส่อง คอยดูพฤติกรรมนางงาม หลายๆ อย่างทั้งหมด ทุกอิริยาบถ โดยที่ใช้วิธีการ และหลักการเดียวกับการประกวดมิสยูนิเวิร์ส”

ปุ้ย : “เราเคยเป็นโฮสต์มาแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะรู้ค่ะ เราดึงส่วนดีของเขามาใช้ทั้งหมดเพราะมันดีจริงๆ มันทำให้ได้นางงามที่มีศักยภาพ มีคุณภาพจริงๆ การสอดส่องหลังกองจากทีมพี่เลี้ยงมีหมดค่ะ ทั้งนิสัย ระเบียบวินัย หรืออะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง การมีน้ำจิตน้ำใจกับเพื่อน การช่วยเหลือเพื่อน”

เคลียร์ดรามา “พรฟ้า ปุณิกา” หลังเคยมีประวัติโดนจับคาปาร์ตี้ยาเคเมื่อหลายปีก่อน แต่มาประกวดเวทีนี้ แล้วยังเข้ารอบ 30 คนสุดท้าย จนหลายคนมองว่าไม่เหมาะสม เพราะเจ้าตัวภาพลักษณ์ไม่ดี

ปุ้ย : “เราก็ไม่มีอะไร ได้พูดไปหมดแล้วในรายการนะคะ คือก่อนที่เราจะนำน้องมาออกรายการด้วยกัน จริงๆ ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โต เพียงแค่ว่า ฃถ้าเราเป็นแม่คนหนึ่ง แล้วเรามีลูกที่เขาเรียกว่าอยู่ในหลุมดำมา 5 ปี มันจะเป็นยังไง เราก็คุยกับน้อง ว่า ฉันจะสืบค้นนะ เธอพร้อมไหม ถ้าเธอไม่พร้อม ฉันจะเงียบไป แล้วเธอก็ควรจะลาออกไปเสีย เพราะเราไม่สนับสนุนเรื่องของยาเสพติดอยู่แล้ว น้องบอกว่าน้องพร้อม แล้วน้องก็มีหลักฐานบางอย่าง ที่มันเก็บไว้กับตัวน้องหลายปีแล้ว เราก็เช็คกัน พี่ณะก็โทร.หาผู้ใหญ่ในกรมตำรวจ เราเองก็เช็คทุกอย่างทุกมิติ เพื่อจะไม่ได้โดนย้อมแมว เมื่อผลมันออกมาแล้ว เขาไม่ได้มีสารเสพติดในกระแสเลือด ในปัสสาวะ ในวันที่เขาโดนรวบตัวไป แล้วทางกรมตำรวจเขาก็บอกว่า เขาไม่มีประวัติอาชญากร เพราะเขาไม่ได้ถูกจับ เหมือนพี่ณะไปกับเรา แล้วเราทำผิด แต่พี่ณะเขาไม่รู้เรื่อง เขาก็ไม่ควรจะต้องเป็นผู้ผิดหรือเปล่า”

ณะ : “เราเช็กทุกเรื่อง เช็กทุกกรมกองที่เกี่ยวข้อง ผู้ใหญ่เช็กให้ เราถึงกล้าที่จะออกมาบอกกับสังคม เพื่อที่จะให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เราไม่ได้บอกว่าเราทำเพราะเราจะให้เขาได้มงนะ แต่เราต้องการทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในความทุกข์ เป็นเวลานานพอสมควร ได้ก้าวออกมาบอกกับสังคมว่าเขาบริสุทธิ์”

ปุ้ย : “อีกอย่างหนึ่งนะคะ ก็ไม่ใช่เขาไม่ผิด เราก็สอนทุกคน พรฟ้าเองเขาก็สอนน้องๆ ว่า สิ่งผิดสิ่งเดียวคือการคบเพื่อน ต้องล้วงลึก ต้องดูให้ดี เพราะบางครั้ง เรารักเพื่อน เด็กวัยรุ่นจะรักเพื่อน อยู่กับเพื่อน โดยที่ไม่รู้อะไร มันก็ทำให้ชีวิตพังได้เหมือนกัน อันนี้ก็เป็นกรณีศึกษาที่ดี ที่เราคิดว่าเขาได้บทเรียน แล้วบทเรียนนี้มันก็ควรถูกส่งเป็นบทเรียนให้กับทุกคนด้วย”

มีนางงามจากเวทีมิสแกรนด์ของ “ณวัฒน์” มาประกวดเวที MUT 2020 แต่ไม่ผ่านเข้ารอบ ซึ่งนางงามคนนี้กับณวัฒน์มีปัญหากัน การที่นางงามคนนี้ตกรอบไป ณวัฒน์มีเข้ามาเกี่ยวอะไรหรือเปล่า เพราะคนมองว่าเราและณะ สนิทสนมกับณวัฒน์ 

ปุ้ย : “เมื่อกี้เราก็คุยกันเรื่องนี้นะคะ บอกตรงนี้คะว่า คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล เราก็สนิทสนมกัน เพราะพี่เป็นรุ่นพี่ที่บดินทรเดชา เขาไม่เคยมาก้าวล่วงว่า คนนั้นไม่เอา คนนี้ไม่เอา แต่บางครั้งเราถามหมด พี่ๆ เด็กคนนี้เคยผ่านเวทีพี่มาเป็นยังไงบ้าง อันนี้เป็นสิทธิ์ที่เราจะต้องถาม การถามของเราไม่ได้หมายความว่า ไปพิพากษาเขาว่า เขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราจะดูบริบทในกองด้วย เช่น นัดคุณแล้ว คุณไม่ค่อยให้ความสำคัญ เพราะฉะนั้นคำพูดของใครก็ตาม ไม่มีผลกับเราเลย เราจะดูด้วยตัวของเราเอง”

ณะ : “ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม บริบทต่างๆ มันต้องเกิดจากนางงามคนนั้นเองว่า อยากจะเดินไปต่อกับเราหรือไม่ไปต่อ สวยมากแค่ไหน แต่กฎเกณฑ์มันมี สมมติว่าเรานัด 8 โมง ทุกคนมาครบหมด แต่ถึงเวลาตัวเองมาบ่ายโมงบ่ายสอง แล้วทุกคนต้องรอ รู้ทั้งรู้”

ปุ้ย : “แล้วเราก็จะสอบถามจากพี่เลี้ยงด้วย ว่าเป็นยังไง”








กำลังโหลดความคิดเห็น